"อุเทน" เห็นใจ "ศักดา นพสิทธิ์" ติดคุกคดีล้มประชุมอาเซียนปี 52 ทั้งที่ "พยานปากเอก" โดนตัดสินให้การเท็จ วอนขอความเป็นธรรมผู้ถูกกล่าวหา ซัด "ตระกูลชินวัตร-เพื่อไทย" เคยเหลียวแล "ม็อบ" ที่ติดคดี-ติดตะราง เพราะเคลื่อนไหวเพื่อตัวเองบ้างไหม


เมื่อวันที่ 22 ต.ค.62 นายอุเทน ชาติภิญโญ อดีตหัวหน้าพรรคคนไทย เปิดเผยว่า เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสเดินทางไปเยี่ยม นายศักดา นพสิทธิ์ ผู้ต้องขังในคดีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่โรงแรมรอยัลคลิป บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เมื่อปี 2552 ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา ที่เรือนจำพิเศษพัทยา หลังจากได้รับการร้องทุกข์จากครอบครัวของนายศักดา โดยในวันนั้นตนก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับนายศักดา ซึ่งได้ฝากหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีมาฉบับหนึ่ง ใจความกล่าวถึงการขอเรียกร้องความเป็นธรรม และข้อต่อสู้ต่างๆ โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมกับการชุมนุมของ นปช. เพราะขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารและโฆษกพรรคเพื่อไทย อีกทั้งยังไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมหรือบุกเข้าโรงแรมที่ใช้จัดประชุมในวันที่ 11 เม.ย.52 แต่อย่างใด ขณะที่ในวันที่ 10 เม.ย.ที่ได้เข้าไปอยู่ในสถานที่ชุมนุม ก็เนื่องจากไปติดตามสถานการณ์ ในฐานะที่เป็นคน จ.ชลบุรี เท่านั้น แต่ในชั้นศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ กลับถูกวินิจฉัยว่าเป็นตัวการร่วม จากคำกล่าวอ้างของพยาน คือ พ.ต.ท.ศราวุธ บุญชัย (สวป.สภ.ขลุงในขณะนั้น) ที่ให้การว่าเห็นนายศักดาปราศรัยอยู่บนรถบรรทุก ซึ่งปรากฏว่าต่อมา พ.ต.ท.ศราวุธ ถูกศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษฐานแจ้งความเท็จ โดยยอมรับสารภาพว่า ถูกบังคับให้การเท็จปรักปรำจำเลยในคดีล้มการประชุมอาเซียนซัมมิท จนถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษตามศาลชั้นต้น คือ จำคุก 2 ปี 6 เดือน ปรับ 12,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.61 และยังอยู่ในชั้นฎีกาคดี

...


"ผมไม่เคยสนิทหรือรู้จักคุณศักดา และผู้ต้องขังรายอื่นที่เข้าไปมอบตัวในภายหลังมาก่อน เพียงแต่ได้รับการปรับทุกข์จากครอบครัวของคุณศักดา ที่ได้รับผลกระทบจากการที่หัวหน้าครอบครัวถูกพิพากษาจำคุก จึงเดินทางไปเยี่ยมเพื่อดูสภาพความเป็นอยู่ และได้รับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการให้การเท็จของพยาน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่รับฟังได้ว่าสามารถชี้ถูกผิดในคดีของคุณศักดาได้ จึงได้นำมาตั้งคำถามกับสังคม"นายอุเทนระบุ

นายอุเทน กล่าวย้ำในตอนท้ายด้วยว่า หลังได้พบนายศักดาแล้ว ก็มีความเป็นห่วงครอบครัวของนายศักดา ที่ขาดผู้นำครอบครัว ขาดรายได้ ในขณะที่มีลูกเล็ก จึงอยากขอเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทย หรือครอบครัวชินวัตร เข้าไปดูแลช่วยเหลือเยียวยาตามความเหมาะสม และไม่ใช่กรณีของนายศักดาเพียงคนเดียว แต่รวมไปถึงบุคคลที่ต้องคดีความ และต้องโทษจำคุก จากการทำกิจกรรมทางการเมือง ที่เป็นคุณกับพรรคเพื่อไทย และครอบครัวชินวัตรทั้งหมดด้วย.