“ธีรยุทธ” ชี้ ประเทศติดกับดักหาทางออกไม่เจอ ห่วง สังคมไทยเข้าสู่ภาวะความเมือง แทนการเมือง จ้องทำลายล้างกัน แนะ "ประยุทธ์" ปรับปรุงการทำงาน เพราะการปฏิรูปได้ฝ่อไปแล้ว ชี้หากผ่านพ.ร.บ.งบฯ 63 ได้ รัฐบาลจะอยู่ไปได้อักพักหนึ่ง
วันที่ 15 ต.ค. ที่ห้องประชุมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา นายธีรยุทธ บุญมี นักวิชาการอิสระ กล่าวบรรยายพิเศษหัวข้อ "ประชาชน พรรคการเมือง ทหารไทย ติดกับดัก ก่อวิกฤติใหม่ประเทศไทย" ว่า สังคมไทยในปัจจุบันไม่มีเป้าหมาย จนกลับมาติดกับดักตัวเอง เป้าหมายการปฏิรูปประเทศหดตัว ลีบลงไปเรื่อยๆ กระแสปฏิรูปตายแล้ว ผู้ทำให้ตายคือทหาร

ขณะนี้เกิดกระบวนทัศน์ใหม่ที่เรียกว่า “ความเมือง” ไม่ใช่ “การเมือง” คือ การที่กลุ่มบุคคลอยู่ด้วยกันแบบหวาดระแวง เอากลุ่มตัวเองรอด มองกลุ่มอื่นเป็นศัตรูที่ต้องทำลายล้าง เป็นความสัมพันธ์เชิงสงคราม ผู้มีอำนาจสูงสุด คือ องค์อธิปัตย์ของกลุ่ม ปัจจุบันคนไทยส่วนหนึ่งรับกระบวนทัศน์แบบความเมืองมาเยอะ คือ มองพวกอื่นเป็นศัตรูที่ต้องล้มล้าง ถูกนำมาใช้แม้จะไม่ใช่ช่วงที่มีภาวะวิกฤติใดๆ ทำให้เห็นนักการเมืองกลายเป็นนักความเมือง พรรคการเมืองกลายเป็นพรรคความเมือง ทหารฝ่ายความมั่นคงกลายเป็นทหารฝ่ายความเมือง จะเห็นนักเคลื่อนไหวความเมืองขยายความจนเกินเหตุ สร้างและบิดเบือนความ ใช้เฟกนิวส์ วาทกรรม ข้อมูลข่าวสาร คดีความเพื่อทำลายคู่ต่อสู้ ใช้อิทธิพลกดดันกระบวนการยุติธรรม ระบบคิดนี้ทำให้เกิดความขัดแย้งขยายความน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ ชาติมหาอำนาจก็แทรกแซงมีจุดยืนชัดเจนคือ สหรัฐฯ หนุนฝ่ายเสื้อแดง และจีนหนุนฝ่ายทหาร ถือเป็นความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ของฝ่ายรัฐบาลและทหารในการจัดการวิกฤติผิดพลาด มองปัญหาใจกลางผิด อาจนำไปสู่ปัญหาที่ร้ายแรงกว่า
...
นายธีรยุทธ กล่าวว่า ส่วนหนทางแก้ไขนั้น สังคมควรตั้งสติอยู่ตรงกลาง มองสถานการณ์ให้กระจ่าง ไม่ไปช่วยเสริมกระแสให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขณะที่ฝ่ายรัฐต้องธำรงความเป็นกลาง ไม่ใช้ความเมืองทำลายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะความเมืองหมายถึงการขัดแย้งแบบทำลายล้างในภาวะสงคราม การที่รัฐบาลมีความเชื่อว่า กำลังมีภาวะสงครามภายในไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมือง ส่วนศาลและระบบยุติธรรม บางทีต้องถอยกลับจากกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ อย่าให้ศาลเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนทัศน์ทางความเมือง สำหรับสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ควรทำคือ การปรับปรุงวิธีการทำงาน เพราะการควบคุมประสานพรรคร่วมลำบากยากขึ้นเรื่อยๆ ควรปฏิรูปให้ได้ผลจริงสัก 2-3 เรื่องก็พอ โดยเฉพาะเรื่องการแก้ปัญหาปากท้องชาวบ้านที่อยู่ในภาวะ “รวยกระจุก จนกระจาย กลางกระจ้อน” เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ แม้จะยากแต่ต้องทำ รวมถึงการเพิ่มคุณภาพคน ซึ่งจะต้องใช้อำนาจบารมีนายกฯ แก้ปัญหา เชื่อว่า ถ้าผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2563 ไปได้ รัฐบาลจะอยู่ได้อีกช่วงเวลาหนึ่ง แต่ต้องปรับปรุงวิธีการทำงาน เพราะการปฏิรูปได้ฝ่อไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กระบวนการคิดแบบความเมืองถ้าไม่เร่งแก้ไขหาทางออก จะเกิดอะไรขึ้น นายธีรยุทธ ตอบว่า ถ้าเป็นเรื่องน่าห่วงมาก ถ้าไม่หาทางออก จะเกิดวาทกรรมแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะความคิดแบบความคิดขยายตัวได้ง่าย ถ้าไม่หาทางยับยั้งจะทำลายอีกฝ่ายไปทีละเล็กละน้อย อาทิ กรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคใหม่ ถูกหาว่าเป็นฮ่องเต้ซินโดรม ถูกผลักเป็นคนส่วนน้อย สร้างภาพให้เป็นยักษ์เป็นมาร เป็นศัตรูร้ายกาจ นำไปสู่การฆ่าคนด้วยปากเปล่า นำไปสู่ความรุนแรงได้ นายกฯ ควรปล่อยวางบางเรื่องบ้าง อย่าไปถือเป็นการทำลายล้างทุกประเด็น แล้วความแรงจะลดลง ขอฝากไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ ทหารชั้นผู้ใหญ่ กองทัพ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้นำพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมรัฐบาล ให้ช่วยเป็นเสาหลักทางความคิดในสังคม คอยพยุงประคองทิศทางประเทศ เมื่อถามว่า ฝ่ายความมั่นคงหยิบยกเรื่องการโจมตีสถาบันมาเป็นประเด็น ท้ายที่สุดจะนำไปสู่การรัฐประหารอีกหรือไม่ นายธีรยุทธ ตอบว่า หากคนรุ่นใหม่ จะออกมาต่อสู้คงไม่สำเร็จ ควรหาวิธีอื่น เชื่อว่า หลังจากนี้จะมีการใช้อำนาจที่เข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะมาตรการทางกฎหมายหรือมากกว่านั้น แต่อย่าหยิบเรื่องรัฐประหารมาเป็นหลักขัดแย้งในสังคม เพราะเป็นอุบัติเหตุที่ใครควบคุมไม่ได้ การรัฐประหารไม่ง่าย ถ้าไม่มีเหตุผล