อภิมหาโคตรพายุ “ฮากิบิส” มาเร็วเคลมไว กรุงโตเกียวเข้าสู่ภาวะการฟื้นฟูตามมาตรฐานรับมือภัยพิบัติของญี่ปุ่น คนทั้งชาติร่วมแรงร่วมใจในแบบฉบับของ “อารยประเทศ”

ท้องฟ้าหลังฝนแดนอาทิตย์อุทัยเริ่มกลับมาสดใส

แต่ที่ประเทศไทยยังอึมครึมขมุกขมัว พายุวิกฤติการเมืองพัดวนซ้ำซาก จากอาการตื่นตูมยุทธการปลุก “ผีคอมมิวนิสต์” ตามฉากที่

“บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.จัดเวที “เดี่ยวไมโครโฟน”

เลกเชอร์สงครามลูกผสมยุคไซเบอร์ รุกราน “ราชอาณาจักรไทย”

ซัดศัตรูอันตรายของชาติคือพวก “ซ้ายจัดดัดจริต” ที่กำลังปฏิบัติการ “hybrid warfare”

มุ่งเป้าไปที่คนหนีคดีอยู่ต่างประเทศ จับมือกับดาวรุ่งพุ่งแรง โดยไม่ต้องเอ่ยชื่อตรงๆ แต่คนเดาออกกันทั้งประเทศว่าเป็น “ไพร่ห้าพันล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าทีมอนาคตใหม่

ชื่อที่ถูกขึ้นกระดาน เบอร์ต้นๆภัยความมั่นคง

จากการเดินสายโชว์ฤทธิ์เดชปลุกรื้อรัฐธรรม โฉบแฉลบมาตรา 1 ป่วนการเมืองภายใน ทำให้ฝ่ายคุมเกมอำนาจไล่ประกบกันแทบไม่ทัน แถมยังลามไปเอี่ยวการเมืองภายนอก

ถึงขั้นที่พญามังกรจีนแผ่นดินใหญ่ต้องออกแถลงการณ์ผ่านสถานทูตจีนประจำประเทศไทย ระบุโต้งๆมีนักการเมืองไทยเคลื่อนไหวสนับสนุนกลุ่มต่อต้านจีนในฮ่องกง ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในจีนอย่างไร้ความรับผิดชอบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย–จีน

“ธนาธร” เล่นใหญ่ “เด็กจุดไม้ขีด” ทำไฟลามคุมไม่อยู่

จริงอยู่ลำพัง “บิ๊กแดง” อาจมีใส่ไข่ใส่อารมณ์ แต่จุดที่สังคมให้น้ำหนักมันอยู่ที่ “การข่าว” ระดับโลกของพญามังกรจีนที่ไม่ธรรมดา ก่อนเทกแอ็กชันมันต้องเช็กระดับชัวร์แล้ว

...

งานนี้ “ธนาธร” อาจไม่ได้อินังขังขอบกับข้อครหา “ชักศึกเข้าบ้าน” ตามแนวเคลื่อนไหวดึงโลกล้อมเมืองไทย แต่จุดที่ “ไพร่ห้าพันล้าน” น่าจะเครียดกว่าก็ตรง “ไทยซัมมิท” ธุรกิจกงสี มีฐานการผลิตที่เมืองจีนอย่างน้อยก็ 3 โรงงานใหญ่ ประกอบด้วย 1.Fuzhou Ogihara Thai Summit Co., Ltd. 2.Changshu Thai Summit Ogihara Automotive Co., Ltd. และ 3.Guangzhou Guangqi Ogihara Die & Stamping Co., Ltd.

ถ้าจีนหมั่นไส้ “แบน” ยี่ห้อไทยซัมมิท อะไรจะเกิดขึ้น

อารมณ์แบบที่ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” คำราม ใครคิดแยกแผ่นดินจีนจะถูกบดขยี้ไม่เหลือชิ้นดี

ถึงจุดเสี่ยงวัดใจ การเมืองลามกระเทือนธุรกิจกงสี เรื่องของ “ตี๋คาบช้อนทอง” ทายาทเศรษฐีที่กำลังตกอยู่ในภาวะยิ่งดิ้นยิ่งเข้าเนื้อลึก เปิดศึกรอบทิศ โจทก์รอบเมือง

ตามท้องเรื่องล้อกันเลยกับ “กุมารคาบช้อนทอง” ที่ส่อสะดุดความรวย

อารมณ์แบบที่ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย บอสใหญ่ยักษ์ก่อสร้างยี่ห้อ “ซิโน–ไทยฯ” โพสต์เฟซบุ๊ก “ออกตัวล้อฟรี”

ชีวิตดีแล้ว มั่นคงมาก ไม่ต้องเอื้อธุรกิจครอบครัว

โชว์โปร่งใสไร้ “conflict of interest” ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน กู้กระแสตัวถ่วงอีอีซี จากการไล่ขย่มเมกะโปรเจกต์รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รื้อประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ฟันงานเมืองการบินอู่ตะเภา

ห้าวเป้งลุยดะ ไม่สนเจ้าสัว เส้นใหญ่ เส้นเล็ก

พร้อมๆกับจังหวะปั่นแต้มหน้าตัก “เสี่ยหนู” เล่นบทพระเอกเดินหน้า “แบน 3 สารพิษ” ถึงขั้นท้าเดิมพันเก้าอี้ 3 รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย “ฮาราคีรี” แน่ถ้าแบนพาราควอตไม่สำเร็จ

ถูกอกถูกใจ โดยเฉพาะกองเชียร์สายเกรียนโซเชียลฯ

ซึ่งนั่นมันน้อยมาก ถ้าเทียบกับเดิมพันอันตราย ตามเสียงทักนิ่มๆ แต่ต้องหันขวับ กับช็อตที่ “โคตรอ๋อง” กฎหมายปราบ

คอร์รัปชันอย่างนายแก้วสรร อติโพธิ อดีตกรรมการ คตส. หัวขบวนไล่ล่าขุมทรัพย์ “ทักษิณ” เปิดคอร์สเลกเชอร์ จัดถามตอบปมผลประโยชน์ทับซ้อนของ “เสี่ยหนู” เป็น “การเฉพาะเจาะจง”

ตามรายละเอียดใน www.thaipost.net  และเว็บไซต์สำนักข่าวอิศราฯ

สรุปสั้นๆ “แก้วสรร” ฟันธงว่า ในฐานะรองนายกฯ กำกับกระทรวงคมนาคม ถึงจะถือหุ้นบริษัทกงสีไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ พ้น

“เงี่ยง” กฎหมาย ป.ป.ช. แต่ไม่พ้น “เหลี่ยม” รัฐธรรมนูญอยู่ดี

อดีต คตส.คนดังชี้ ถ้ากงสีของ “เสี่ยหนู” ประมูลเมกะโปรเจกต์รัฐบาลได้ ในลักษณะที่เอกชนมีเอี่ยวในการบริหารจัดการระยะยาว ก็เตรียมตัวเสียวได้ หนีไม่พ้นปมผลประโยชน์ทับซ้อน

ได้อ่านเลกเชอร์เซียนกฎหมายปราบคอร์รัปชัน “อนุทิน” น่าจะร้อนๆหนาวๆ

แต่คนที่เสียวสันหลังวาบเลย ก็คือ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ถ้าปล่อยให้เกิดปมผลประโยชน์ทับซ้อน ทั้งๆที่มือกฎหมายปราบคอร์รัปชันเลกเชอร์แล้ว ส่อลอยตัวลำบาก

เพราะไม่ใช่แค่จิ้งจกทัก แต่มันคือตุ๊กแกยักษ์ ร้องเตือนดังๆ.


ทีมข่าวการเมือง รายงาน