อนาคตใหม่ชั่งใจทําอะไรก่อน ระหว่างไล่ตู่กับแก้รัฐธรรมนูญ จุรินทร์ลุยลุ้นนครปฐม
แกนนำ 7 พรรคฝ่ายค้านบุกกองปราบฯเอาผิดอาญา “แม่ทัพภาค 4-บุรินทร์” แจ้งความเท็จ-หมิ่นประมาท “สมพงษ์” โวยนักการเมืองมีสิทธิแสดงความเห็นตามรัฐธรรมนูญ “วันนอร์” จวกละเมิดสิทธิข่มขู่ให้ผู้ร่วมงานหวาดกลัว จี้ “บิ๊กตู่” ในฐานะ ผอ.รมน.รับผิดชอบ “ธนาธร” จ้องปฏิรูป กอ.รมน.ร่างแฝง คสช. ลั่นไม่ช้าก็เร็ว
ถึงวันแก้ รธน.ล้มเผด็จการ ชักงงไล่ “ประยุทธ์” หรือแก้ รธน.ก่อนดี ประสานเสียง พท.ย้ำชัดไม่แตะ หมวด 1 และ 2 ครม.เลื่อน 7 ต.ค.ถก พ.ร.บ.งบฯปี 63 “อนุดิษฐ์” สับ “กลาโหม” ไม่สร้างรายได้แต่รับงบฯสูงเกินหน้ากระทรวงอื่น “สวนดุสิตโพล” ชี้ผลงาน “ประยุทธ์ 1-2” เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ชาวบ้านบ่นคุมข้าวของแพง-แก้โกงแย่ลง บี้เร่งใช้งบฯแก้เศรษฐกิจให้ดีขึ้น เพื่อไทยไม่รีบเชื่อชิงผู้ว่าฯ กทม.ช่วงต้นหรือกลางปีหน้า “เทพไท” หนุน
“กรณ์” อวยดีกรีเหนือชั้นขี่ “ชัชชาติ”
แกนนำ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านร้องกองปราบปราม แจ้งความดำเนินคดี พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้ชำนาญการ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าฐานแจ้งความเท็จและหมิ่นประมาทฯ พร้อมเรียกร้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหมในฐานะ ผอ.รมน. แสดงความรับผิดชอบ หลังถูกฝ่ายความมั่นคงแจ้งความเอาผิดตามมาตรา 116 ฐานยุยง ปลุกปั่น
ฝ่ายค้านดำเนินคดี มทภ.4-บุรินทร์
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 6 ต.ค. ที่กองปราบปราม แกนนำ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ประกอบด้วยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมนายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ นายชัยเกษม นิติสิริ คณะกรรมการยุทธศาสตร์คณะกรรมการยุทธศาสตร์ประธานด้านกระบวนการยุติธรรม และการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐพรรคเพื่อไทย นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และนายสมพงษ์ สระกวี ตัวแทนพรรคเสรีรวมไทย เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้ชำนาญการ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า
...
เล่นงานแจ้งความเท็จ-หมิ่นประมาทฯ
“ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานแจ้งความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวน ทำให้ได้รับความเสียหาย ฐานแจ้งความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาต่อพนักงานสอบสวน เพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษ และฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137, 172, 174, 326 และ 328 กรณีที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีตามมาตรา 116 นำเสนอข้อมูลในลักษณะมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงให้ประชาชนทั่วไปหลงเชื่อ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนกับ 7 พรรคการเมืองฝ่ายค้านและนักวิชาการ รวม 12 คนที่ได้จัดเวทีเสวนา “พลวัตแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่นับหนึ่งรัฐธรรมนูญใหม่” ที่บริเวณลานวัฒนธรรม จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมีมวลชนจำนวนหนึ่งนำดอกไม้มามอบให้ และเปล่งเสียงฝ่ายค้านสู้ๆ เพื่อเป็นกำลังใจ ในการทำงานด้วย
ยันมีสิทธิแสดงความเห็นตาม รธน.
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ เปิดเผยว่า ยืนยันว่า การเสวนาดังกล่าวเป็นสิ่งที่ปฏิบัติกันมา พวกเราเป็นนักการเมือง เป็นประชาชน ย่อมมีสิทธิที่จะแสดง ความคิดเห็น เป็นสิทธิชอบตามกรอบรัฐธรรมนูญ แต่กลับถูกแจ้งความดำเนินคดี วันนี้จึงมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความเอาผิด พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้ชำนาญการ กอ.รมน.ภาค 4 ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานแจ้งความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวน ทำให้ได้รับความเสียหาย ฐานแจ้งความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาต่อพนักงานสอบสวนเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษ และฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137, 172, 174, 326 และ 328
ละเมิดสิทธิให้กลัวจี้ “บิ๊กตู่” รับผิดชอบ
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า การจัดเสวนาอยู่ภายใต้กรอบ กฎหมายและรัฐธรรมนูญ เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต นำไปใช้เป็นแนวทางการปรับแก้รัฐธรรมนูญ และการแจ้งความของเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ภาค 4 ละเมิดสิทธิเสรีภาพ ทั้งยังสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นแก่ผู้ร่วมงานที่กังวลว่าจะถูกดำเนินคดีในภายหลัง ยืนยันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องเดินหน้าต่อไป โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายทั้งภาคฝ่ายค้านและรัฐบาล กอ.รมน.อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในฐานะ ผอ.รมน.จะปฏิเสธความรับผิดชอบอย่างไร
บก.ป.จัด พงส.สอบเรียงตัวผู้ร้องทุกข์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทน 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านได้อ่านคำแถลงการณ์ พร้อมมอบเอกสารคำแถลงการณ์ให้ พ.ต.อ.อิทธิกร จิรัตนานนท์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. ก่อนจะเข้าไปแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนตามขั้นตอน โดย พ.ต.อ.อิทธิกร จิรัตนานนท์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. (เวรอำนวยการ) กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องราวร้องทุกข์จากทั้ง 7 แกนนำฝ่ายค้านไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเตรียมคณะพนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนผู้ร้องทุกข์แต่ละรายทันที เมื่อเสร็จสิ้นจะรวบรวมพยานหลักฐานนำเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการต่อไป
แถลงการณ์โต้ไม่ได้ทำผิด ม.116
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ แถลงการณ์ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านระบุว่าจากการที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้จัดให้มีการเสวนาเรื่อง “พลวัตแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่นับหนึ่งรัฐธรรมนูญใหม่” เมื่อวันที่ 28 ก.ย. ที่ลานวัฒนธรรม จ.ปัตตานี ต่อมา กอ.รมน.กองทัพภาค 4 ได้มอบหมายให้สำนักงานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษหัวหน้าพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคการเมือง นักวิชาการและเครือข่ายภาคประชาชน รวมทั้งพิธีกรในรายการ รวมทั้งสิ้น 12 คน ในความผิดต่อความมั่นคง ข้อหายุยงปลุกปั่นตาม ป.อาญา มาตรา 116 พวกตนเห็นว่าการจัดกิจกรรมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อการรณรงค์เพื่อนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ รับฟังความเห็นการแสดงออกตามปกติของวงเสวนาทั่วไป ไม่มีการบิดเบือน เสริมแต่งข้อเท็จจริง ไม่มีการกระทำที่จะทำให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร
บี้สอบสวนใส่ความให้ได้รับโทษหนักขึ้น
แถลงการณ์ระบุว่า วันนี้พวกเราทั้งหลาย จึงขอใช้สิทธิในฐานะผู้เสียหายซึ่งได้รับจากการร้องทุกข์กล่าวโทษพวกข้าพเจ้าดังกล่าว ร้องทุกข์กล่าวโทษเอากับ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้ชำนาญการสำนักงานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า โดยขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่บุคคลทั้งสอง ผู้บังคับบัญชาและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ในข้อหาแจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานอันอาจทำให้ประชาชนหรือผู้อื่นเสียหาย แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาอันอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญา เพื่อให้บุคคลได้รับโทษหรือได้รับโทษหนักขึ้นทางอาญา ใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่จะทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ทั้งนี้ โดยการโฆษณาตาม ป.อาญา มาตรา 137 172 174 326 และ 328
“ธนาธร” รับ 1 ปี อนค.ทำพลาดไปเยอะ
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่พรรคอนาคตใหม่ มีการจัดกิจกรรมครบรอบ 1 ปีการเปิดรับสมัครสมาชิกพรรค “มาสิครับผมจะเล่าให้ฟัง” มีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อม น.ส. กุลธิดา รุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรค นพ.วาโย อัศวารุ่งเรือง รองโฆษก และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อร่วมกิจกรรม มีการรับสมัครสมาชิกพรรคและต่ออายุสมาชิกรายปี โดยมีสมาชิกพรรคและประชาชนเข้าร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก
นายธนาธรให้สัมภาษณ์ว่าวันนี้เป็นงานครบรอบ 1 ปีเปิดรับสมาชิกพรรคและเป็นวันสำคัญของประวัติศาสตร์การเมืองในประเทศไทย ครบรอบ 43 ปี 6 ตุลาฯ 2519 จึงหวังว่าสังคมไทยจะไม่ลืม หากลืมจะเกิดซ้ำอีก 1 ปีที่ผ่านมาพรรคเราทำผิดพลาดไปเยอะมาก ไม่ว่าระดับกลยุทธ์ ระดับปฏิบัติการ คงต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดที่ผ่านมา เพื่อสร้างพรรคที่แข็งแกร่ง ยึดโยงสมาชิกและมวลชนให้ก้าวไกลมากขึ้น ก้าวต่อไปของพรรคคงเน้น 3 เรื่องหลัก 1.ทำงานในสภาฯ ทำให้สมกับที่ประชาชนไว้วางใจ ผลักดันกฎหมายก้าวหน้าตามนโยบายพรรค 2.สร้างพรรคให้แข็งแรง เผยแพร่แนวคิดอุดมการณ์พรรค สร้างฐานสมาชิกให้กว้างขึ้น รวมถึงสร้างฐานเงินทุนที่ใช้ทำพรรค และ 3.เราให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งท้องถิ่นที่กำลังจะเกิดขึ้น การส่งผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เรามีบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาสมัครหลายคน แต่ยังไม่ตัดสินใจ กำลังเตรียมเลือกตั้งนายกฯอบจ.บึงกาฬและนนทบุรี กทม.เอาไว้หลังสุด จัดการ 76 จังหวัดเสร็จก่อน
ลั่นปฏิรูป กอ.รมน. ร่างแฝง คสช.
นายธนาธรกล่าวอีกว่า กรณีเป็น 1 ใน 12 แกนนำฝ่ายค้านที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีตามมาตรา 116 ว่า เป็นข้อหาร้ายแรง ในต่างประเทศปกติไม่ใช้กับเวทีสัมมนา เวทีที่ฝ่ายค้านจัดขึ้นเพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความไม่เป็นประชาธิปไตยในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นการรณรงค์อย่างสันติ เชื่อว่าคดีนี้อย่างไรก็ไม่ผิด คสช.ในฐานะองค์กรที่ละลายหายไปแล้ว ระเหยไปหลังจากการเลือกตั้ง แต่ยังแฝงอยู่ในรัฐบาลชุดนี้ บางส่วนแฝงอยู่ใน กอ.รมน. รูปแบบใหม่ที่มีอำนาจเพิ่มขึ้น ดังนั้น คิดว่าเราจำเป็นต้องปฏิรูปกอ.รมน.ด้วย การใช้กรอบคิดที่มองประชาชนเป็นศัตรู ไม่สามารถทำให้ประเทศชาติปรองดองได้ รัฐบาล กอ.รมน. หน่วยงานความมั่นคงมีปัญหากับวิธีคิดแบบนี้มากที่มองประชาชนเป็นศัตรู มองผู้เห็นต่างทางความคิดเป็นคู่ขัดแย้ง
ถกฝ่ายค้านปรับรูปแบบเวทีสัมมนา
เมื่อถามว่า เวทีต่อไปในรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยังจะชูเรื่องการแก้ไขมาตรา 1 ต่อหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า เรื่องมาตรา 1 เป็น ความเห็นนักวิชาการที่อยู่บนเวทีที่ จ.ปัตตานี ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพที่จะวิพากษ์วิจารณ์รัฐธรรมนูญ และเสนอทางแก้ไขในแบบฉบับตัวเอง นั่นคือสิทธิเสรีภาพที่ได้รับการประกันไว้ในรัฐธรรมนูญ 7 พรรคฝ่ายค้านตอบไว้ชัดเจนหลายครั้งแล้วว่าไม่เสนอให้มีการแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ครั้งต่อไปพรรคฝ่ายค้านคงต้องคุยกันว่ารูปแบบเวทีอย่างไรจึงเหมาะสม การแก้รัฐธรรมนูญเราไม่ได้มองเป็นมาตรา เราคิดว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ควรจะต้องถูกยกเลิก และร่างขึ้นใหม่โดยประชาชนทั้งฉบับ
ไม่ช้าก็เร็วแก้ รธน.ล้มเผด็จการ
นายธนาธรกล่าวอีกว่า การแก้รัฐธรรมนูญไม่ช้าก็เร็วจะเดินไปถึงวันนั้นอยู่แล้ว รัฐบาลคงไม่อาจทัดทานเสียงของประชาชนได้ รัฐธรรมนูญมีปัญหาตั้งแต่ที่มา เนื้อหาและกระบวนการ คงต้องอาศัยความแน่วแน่ ทำงานผลักดันอย่างต่อเนื่องให้เกิดขึ้นเป็นจริงให้ได้ นี่เป็นความฝันของยุคสมัย เป็นเรื่องของพวกเราประชาชน แก้ปัญหารัฐธรรมนูญไม่ได้ ไม่มีความเท่าเทียมเป็นธรรม ประเทศไทยไม่สามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้ ไม่คิดว่าเมื่อเรื่องเข้าไปถึงกระบวนการยุติธรรมคดีนี้จะมีมูลอะไร คงเป็นเหมือนคดีอื่นๆที่เราโดนมา เป็นคดีที่มีแรงจูงใจทางการเมืองมากกว่าจะมีความผิดตามตัวบทกฎหมายจริง ฉะนั้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง มูลเหตุจูงใจไม่ได้มาจากความรู้สึกว่าเราทำผิดกฎหมาย แต่มูลเหตุจูงใจรู้สึกว่าเราทำผิดกับความถูกใจของผู้มีอำนาจ จึงทำให้พวกเขาฟ้องพวกเรา อย่าลืมว่ารัฐธรรมนูญเป็นฐานที่มาอำนาจของรัฐบาล ไม่แก้รัฐธรรมนูญไม่สามารถล้มเผด็จการได้
เจอกว่า 20 คดี มี อนค.ผู้มีอำนาจสั่นคลอน
ต่อมาเวลา 15.30 น. นายธนาธรกล่าวภายในงานตอนหนึ่งว่า ตอนที่เราตั้งพรรคขึ้นมาเน้นกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่โตขึ้นมาต้องเจอกับการรัฐประหาร 2 ครั้งและการชุมนุมทางการเมืองที่มีเหตุการณ์รุนแรงอีกหลายครั้ง และพวกเขาพยายามแสวงหาความรู้เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ เชื่อว่านโยบายของเรามีทั้งประเด็นและโครงสร้าง เราคิดเยอะกว่า เราคิดไกลกว่า และคิดถึงปัญหามากกว่าพรรคอื่นๆ เป็นเรื่องน่าตกใจที่เราตั้งพรรคมาแค่ 1 ปี แต่โดนคดีไป 20 กว่าคดี เพิ่งรู้ว่าตัวเองเลวแค่ไหนก็ตอนมาตั้งพรรคการเมือง สิ่งที่เราพยายามทำคือความท้าทายกับอำนาจกับระบอบที่ไม่เป็นธรรม จึงไม่น่าแปลกใจเพราะการมีอยู่ของเราคือการทำให้พวกเขาสั่นคลอน จึงมีความพยายามจัดการกับเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทุกคดีที่เกิดขึ้นเกิดจากมูลเหตุจูงใจทางการเมืองมากกว่าที่เราผิดกฎหมายจริงๆ มั่นใจมากว่าไม่มีคดีไหนที่เอาผิดเราได้ ประเทศไทยตอนนี้ไม่ได้มีสองมาตรฐานแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีมาตรฐานเลย วันนี้ต้องเดินหน้าไปด้วยกัน ถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำสิ่งที่ถูกต้องในประเทศไทย
งงต้องไล่ “บิ๊กตู่” หรือแก้ รธน.ก่อนดี
นายธนาธรกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าเราเชื่อมั่นในความถูกต้องของพวกเรา อย่างคดีที่แจ้งความเอาผิดเราล่าสุดเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สิ่งที่เราพูดไม่ใช่การแบ่งแยก และไม่ใช่การทำให้สังคมแตกแยก แต่รณรงค์ขั้นพื้นฐานที่ทุกคนในสังคมประชาธิปไตยควรต้องมีสิทธิ แต่เมื่อมีมาเพิ่มอีกคดีไม่เป็นไร ถือเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ ยืนยันว่าจะยังจัดเวทีต่อเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าเราไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ สังคมไทยไปต่อไม่ได้ เราเดินหน้าไม่ได้ หลังๆมานี้ชักงงว่าไม่รู้ว่าจะต้องไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหมก่อน หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน “ถ้าคุณไม่ไล่ พล.อ.ประยุทธ์ก็แก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ หรือคุณไม่แก้รัฐธรรมนูญก็ไล่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าจะเอาอะไรก่อนดี ภารกิจนี้ใหญ่เกินไป ธนาธรหรือปิยบุตร ไม่สามารถทำคนเดียวได้ ทุกคนต้องทำด้วยกัน ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์เหมือน 6 ตุลาฯอาจจะเกิดขึ้นอีก”
ลุยต่อย้ำชัดไม่แตะหมวด 1 และ 2
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าแจ้งความดำเนินคดีกับแกนนำ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านที่ร่วมเวทีเสวนาแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะกระทบการดำเนินการในสภาหรือไม่ว่า 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านเดินสายพบประชาชนมาทั้ง 4 ภาค และพูดกับสื่อมวลชนชัดเจนว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะไม่แตะต้องหมวด 1 และหมวด 2 เจตนาของการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่ลงรายละเอียดแก้ไขรายมาตรา เพราะจะนำไปสู่การถกเถียงไม่รู้จบ แต่เรารณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญบนหลักการคืนอำนาจกลับไปให้ประชาชน 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) จากประชาชนขึ้นมา เป็นวิธีดีที่สุดในการคืนอำนาจกลับไปสู่ประชาชน การแจ้งความดำเนินคดีที่เกิดขึ้นเป็นสิทธิตามกระบวนการยุติธรรมว่าไป แต่จะไม่กระทบการทำงานในสภาฯ ฝ่ายค้านจะเดินหน้ารณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่บนหลักการที่ถูกต้องต่อไป
จับผิดงบ กห.สูงเกินหน้ากระทรวงอื่น
นายอนุดิษฐ์กล่าวอีกว่า ส่วนการเตรียมความพร้อมอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 เป็นภารกิจสำคัญของฝ่ายค้าน รัฐบาลกำลังจะขอใช้งบฯ มูลค่าสูงที่สุดและเป็นงบฯแบบขาดดุลต้องกู้เงินมาใช้จ่าย การใช้จ่ายเงินจากภาษีประชาชนและการกู้เงินที่เป็นหนี้ผูกพันประชาชน ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เบื้องต้นมีคำถามมากมายเกี่ยวกับการจัดสรรงบฯรายกระทรวง เช่น กระทรวงที่ไม่ได้สร้างรายได้และประโยชน์โดยตรงให้ประชาชน เช่น กระทรวงกลาโหมกลับได้รับจัดสรรงบฯจำนวนมาก ตรงข้ามกับกระทรวงเกี่ยวข้องกับการสร้างรายได้และให้สวัสดิการประชาชน ส่วนใหญ่เป็นของพรรคร่วมรัฐบาลกลับไม่ได้รับจัดสรรงบฯที่สมน้ำสมเนื้อ อยู่บนหลักการอะไรกันแน่ อีกทั้งสภาฯยังไม่ได้รับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณมาศึกษา ทั้งที่ใกล้ถึงวันอภิปรายแล้ว ทำให้เวลาศึกษารายละเอียดน้อยลง จะทำให้การตรวจสอบมีประสิทธิภาพลดลงไป ผลเสียจะตกที่ประชาชน หากเป็นความตั้งใจทำให้เราได้ศึกษาช้า ถือว่ารัฐบาลละเลยไม่ให้ความสำคัญกับประชาชน
“วิษณุ” ปลื้มคนต่อคิวซื้อ “ลงเรือแป๊ะ”
เมื่อเวลา 15.00 น. ที่งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 24 ที่อิมแพค เมืองทองธานี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯเดินทางมาที่บูธสำนักพิมพ์มติชนแจกลายเซ็นหนังสือเล่มใหม่ “ลงเรือแป๊ะ” ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทำงานในตำแหน่งรองนายกฯหลังการรัฐประหารของ คสช.จนถึงปัจจุบัน มีผู้สนใจต่อคิวซื้อหนังสือและขอลายเซ็นจากนายวิษณุเป็นจำนวนมาก กระแสตอบรับหนังสือดังกล่าวดีจนต้องจัดพิมพ์ครั้งที่สองในเวลาไม่กี่สัปดาห์
เมินคำร้อง “เรืองไกร” ไร้ปัญหา
จากนั้นนายวิษณุให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ยื่นหนังสือถึงประธานสภาฯว่า ร่าง พ.ร.บ.งบปี 63 ไม่ชอบเนื่องจากนายกฯลงนามเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวก่อนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่า ได้สอบถาม ผอ.สำนักงบประมาณแล้วระบุว่าเรื่องนี้ไม่มีปัญหา ทุกรัฐบาลทำกันเช่นนี้ การจัดเตรียมงบประมาณก่อนหรือหลังการแถลงนโยบาย ไม่เป็นปัญหาอะไร ถ้ามีการเปลี่ยนรัฐบาล รัฐบาลเก่าต้องเตรียมให้กับรัฐบาลใหม่ ถือเป็นขั้นตอนภายในไม่เกี่ยวกับข้อกฎหมาย และที่นายเรืองไกรอ้างถึงการลงนามของนายกฯนั้น จะมีความหมายตอนลงนามเพื่อส่งประธานสภาฯ สิ่งที่นายเรืองไกรยกขึ้นมาเป็นขั้นตอนภายใน มันไม่มีกฎหมายใดบอกว่าต้องทำอะไร
ครม.นัด 7 ต.ค.ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ 63
นายวิษณุกล่าวด้วยว่าในวันจันทร์ที่ 7 ต.ค.จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 เพราะหากจะไปประชุมอังคารวันที่ 8 ต.ค. จะทำให้การส่งร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ไปยังสภาผู้แทนราษฎรช้าไปอีก 1 วัน เราไม่อยากให้ช้า สภาฯจะได้มีเวลาศึกษานานขึ้น และวันที่ 7 ต.ค.หลังประชุม ครม.จะส่งร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวไปให้สภาฯได้
โพลชี้ผลงาน รบ.ตู่ 1–2 ไม่กระเตื้อง
วันเดียวกัน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ 1,223 คน เมื่อวันที่ 1-5 ต.ค.เปรียบเทียบผลงาน “รัฐบาลประยุทธ์ 1” จากรัฐประหารกับ “รัฐบาลประยุทธ์ 2” จากการเลือกตั้ง หลังรัฐบาลบริหารประเทศเข้าสู่เดือนที่ 3 ภาพรวมร้อยละ 51.68 เห็นว่าเหมือนเดิม มาจากคณะทำงานชุดเดียวกันทีมงานเดิม ไม่ค่อยเห็นการเปลี่ยนแปลง ร้อยละ 41.70 เห็นว่าแย่ลงเพราะเศรษฐกิจโลกถดถอย เศรษฐกิจในประเทศไม่ดี ประชาชนลำบาก แก้ปัญหาไม่ตรงจุด มีเพียงร้อยละ 6.62 เห็นว่าดีขึ้น เพราะพยายามกระตุ้นการใช้จ่าย มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาตรการชิมช้อปใช้ โดยเสียงส่วนใหญ่ร้อยละ 65.24 อยากให้เร่งใช้งบฯให้เกิดประโยชน์เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ดีขึ้น ร้อยละ 38.56 ลดภาษี ลดภาระค่าใช้จ่าย ลดค่าครองชีพ
คุมข้าวของแพง-แก้โกงแย่ลง
เมื่อถามว่า คิดว่า “รัฐบาลประยุทธ์ 2” มีผลงานที่ดีขึ้น ร้อยละ 49.11 ตอบว่าพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ เช่น มาตรการชิมช้อปใช้ ร้อยละ 43.78 ควบคุมดูแลสถานการณ์บ้านเมืองให้สงบเรียบร้อย ขณะที่ผลงานแย่ลง ร้อยละ 67.87 คือ การควบคุมราคาสินค้า ของแพง ค่าครองชีพสูง ร้อยละ 40.42 ปัญหาการลักลอบขนยาเสพติด การทุจริตคอร์รัปชัน ส่วนผลงานที่ยังคงเหมือนเดิม ร้อยละ 56.94 ระบุยังแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องของประชาชนไม่ได้ ร้อยละ 31.61 ปัญหาความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม
แห่รัดเข็มขัดใช้จ่ายพอประมาณ
ขณะที่ซูเปอร์โพล สถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ สำรวจภาคสนาม เรื่อง คุณธรรมในระดับที่น่าเป็นห่วงของคนไทย กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 1,224 ตัวอย่าง เมื่อวันที่ 1-5 ต.ค.พบว่าร้อยละ 54.5 ระบุควบคุมตนเองในการใช้จ่ายอย่างพอประมาณ ร้อยละ 43.5 ระบุวางแผนชีวิตตนเองได้ตามเป้าหมายร้อยละ 39.6 ระบุมีเหตุผลมากพอในการตัดสินใจ ร้อยละ 38.9 ระบุหักห้ามใจตนเองไม่ประมาท ร้อยละ 38.2 รอบคอบในการใช้ชีวิต ร้อยละ 36.9 ระบุเคารพระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม ร้อยละ 32.1 ระบุยับยั้งพฤติกรรมโกงได้ ร้อยละ 28.7 ระบุมุ่งมั่นตั้งใจทำที่ถูกต้องชอบธรรมได้ ร้อยละ 28.2 ระบุนึกถึงประโยชน์ส่วนรวมได้ และร้อยละ 27.2 ไม่คล้อยตามคนทำผิดวินัย ผิดกฎหมาย ที่น่าเป็นห่วงความสามารถยับยั้งพฤติกรรมโกงได้ พบว่านักศึกษามีเพียงร้อยละ 27.6 และข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐร้อยละ 29.1 ส่วนกลุ่มเกษตรกรและรับจ้างทั่วไปกลับสูงสุดคือร้อยละ 46.4 ที่ยับยั้งพฤติกรรมโกงได้ แต่ยังต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของกรณีศึกษาทั้งหมด
“ธนกร” แจ้ง ปอท.ฟันมือแพร่ข่าวเท็จ
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า มีกลุ่มบุคคลได้นำข้อมูล รูป ข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับตนไปเผยแพร่ในเฟซบุ๊กและโซเชียลมีเดีย ระบุว่า สิบล้อพลิกคว่ำที่เพชรบุรี ยาไอซ์เกลื่อนถนนมูลค่านับพันล้าน แต่นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ บอกว่าเป็นสารส้มบด ไม่ใช่ยาไอซ์ คนก่นด่ากันทั้งประเทศฯ ตนไม่เคยพูดหรือให้ข่าวแก่ผู้ใดด้วยถ้อยคำดังกล่าวเลย เป็นการให้ร้ายทำให้ตนเสียหายต่อชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือเกลียดชัง จะเดินทางไปแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) วันที่ 7 ต.ค. เวลา 10.30 น. ที่ผ่านมา ทำหน้าที่รองโฆษกพรรคคอยชี้แจงประเด็นต่างๆ ตามหน้าที่และถูกโจมตีด่าทอด้วยถ้อยคำรุนแรงมาตลอดในโซเชียลมีเดีย แต่ไม่เคยคิดจะฟ้องใคร แต่ครั้งนี้จำเป็นต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ถือว่าเกินเลย เอาตนไปเกี่ยวข้องกับการจับยาเสพติด รับไม่ได้ต้องเจอกันแน่
“จุรินทร์” ลุยนครปฐมเชื่อได้เพิ่ม 1 ส.ส.
เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ จ.นครปฐม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมนายสุรชัย อนุตธโต ผู้สมัคร ส.ส.นครปฐม เบอร์ 3 เขต 5 ของพรรคฯ ลงพื้นที่ตลาดเช้าวัดนักบุญเปโตร ต.ท่าข้าม อ.สามพราน จ.นครปฐม หาเสียงเลือกตั้งซ่อมวันที่ 23 ต.ค. โดยพบปะผู้ค้าและประชาชนที่เดินจับจ่าย ซื้อของ จากนั้นนายจุรินทร์นำคณะไปหาเสียงต่อในชุมชนท่าข้าม และกล่าวว่า พอประเมินเบื้องต้นได้ว่าเสียงตอบรับจากประชาชนถือว่าเป็นกระแสตอบรับดีมาก เชื่อว่าพี่น้องประชาชนจะให้โอกาสผู้สมัครของพรรคเข้าไปทำงานในสภาฯ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลส่งผู้สมัครมาชนกัน ถือเป็นสิทธิของทุกพรรคจะส่ง
ผู้สมัคร ส.ส.ลงแข่งขัน แม้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล
เกินหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์จะไปบอกว่าพรรคไหนควรลงพรรคไหนไม่ควรลง แต่เป็นพรรคร่วมด้วยกันเป็นหน้าที่ของพรรคแกนนำ และนายกฯ หัวหน้ารัฐบาลที่จะพูด แต่ว่าจะพูดหรือไม่ เราไม่ติดใจ ที่ผ่านมาพรรคได้คะแนนเสียงมาติดอันดับสอง ครั้งนี้จะได้รับเสียงตอบรับดีขึ้น นายสุรชัยเป็นคนที่เกิดและทำงานในพื้นที่ อ.สามพราน มานานและมี ส.ส.นครปฐมอยู่คือ พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร จะมีส่วนช่วยทำให้เราได้ ส.ส.นครปฐม เพิ่มอีก 1 คน
เมินฝ่ายค้านโยงกระทบเสียงในสภาฯ
เมื่อถามว่าดูเหมือนมีแรงกดดันมากกว่าที่ผ่านมา เนื่องจากฝ่ายค้านมองว่าจะส่งผลต่อเสียง ส.ส.ของฝ่ายค้านและรัฐบาลในสภาฯ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การหาเสียงของแต่ละฝ่าย ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไร ย่อมจะมีคนนำไปตีความว่าเป็นการแข่งขันระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้าน เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ใช้แคมเปญในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ว่าถ้าทน “ลุง” ไม่ไหว ให้เลือกพรรคอนาคตใหม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐ หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ไม่ได้ลงแข่งขันด้วย แต่หนีไม่พ้นที่จะมีผู้เอาไปตีความว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนขั้วรัฐบาลได้ ถือเป็นกลยุทธ์การหาเสียงแต่ละพรรค
พท.คาดต้น-กลางปี 63 ชิงผู้ว่าฯ กทม.
วันเดียวกัน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ประกาศลงสมัคร ผู้ว่าฯ กทม.ในนามอิสระว่า เป็นเสรีภาพทางความคิด ของนายชัชชาติ พรรคเพื่อไทยเองยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย นายชัชชาติตัดสินใจทางการเมืองแบบนี้ต้องให้เกียรติ พรรคเพื่อไทยจะส่งผู้สมัครลงในนามพรรคหรือไม่ ยังมีเวลาประชุมหารือกันอีกนานพอสมควร ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เมื่อใด แต่เชื่อว่าการตัดสินใจของพรรคย่อมคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน เมื่อที่ประชุมฝ่ายบริหารได้ข้อยุติอย่างไรจะรีบแจ้งให้ทราบ แต่คงไม่ใช่เร็วๆนี้ เชื่อว่า ผู้มีอำนาจจะปล่อยให้เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ช่วงต้นปีหรือกลางปีหน้าเป็นต้นไป
“เทพไท” อวย “กรณ์” เหมาะชิงพ่อเมือง
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลายคนตั้งคำถามมายังพรรคว่าประชาธิปัตย์จะส่งใครลงแข่งขัน หลังนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ตัวเต็งประกาศตัวชัดเจนจะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามอิสระ ยืนยันพรรคประชาธิปัตย์ส่งคนลงสมัครทุกสมัย เเพ้ชนะเป็นกติกาประชาธิปไตย ไม่มีหลีกทางหรือฮั้วกับพรรคใดเด็ดขาด ถ้าถามว่าพรรคจะส่งใครสู้เพื่อให้เทียบเคียงได้และชนะได้มีเพียงคนเดียวคือนายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีต รมว.คลัง คุณสมบัติเหมาะทั้งคุณวุฒิ วัยวุฒิ ชาติวุฒิ อายุกว่า 50 ปีพองาม การศึกษาดีเป็นนักเรียนนอก มาจากครอบครัวข้าราชการชั้นสูง ทำงานให้ชาติบ้านเมือง และโกอินเตอร์ผ่านงานบริหารองค์กรใหญ่มาแล้วทั้งเอกชน ราชการและการเมือง ผ่านประสบการณ์ระดับประเทศเป็นอดีต รมว.คลัง ได้รับการยอมรับจากวงการเอกชนและภาคธุรกิจ และถือเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ และคนรุ่นใหม่รับได้
โอ่ดีกรีเหนือทุกด้านขี่นอมินี “ทักษิณ”
นายเทพไทกล่าวอีกว่า แต่สิ่งที่นายกรณ์เหนือกว่านายชัชชาติคือ นายกรณ์สัมผัสประชาชนเคยเป็น ส.ส.กทม.มาแล้ว ไต่เต้าจาก ส.ส.จนได้เป็น รมว.คลัง ขณะที่นายชัชชาติไต่เต้าเป็น รมว.คมนาคมจากการไปหยิบฉวยมาหรือเชิญมา หรือการเป็นนอมินีให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หนทางเข้าสู่ตำแหน่งบริหารในฐานะเจ้ากระทรวงแตกต่างกัน สุดท้ายอุดมการณ์นายกรณ์ชัดเจนสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนนายชัชชาติอยู่ในภาคเอกชน นายทักษิณเชิญมาเป็นรัฐมนตรี ล่าสุดถูกเสนอชื่อเป็นหนึ่งในเเคนดิเดตบัญชีรายชื่อนายกฯของพรรคเพื่อไทย มาวันนี้นายชัชชาติประกาศลงอิสระ ไม่กล้า ลงในนามพรรคเพื่อไทย ต้องถามเรื่องอุดมการณ์และจุดยืนทางการเมืองต่อนายชัชชาติ นายกรณ์จึงเหมาะสมที่สุดในตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.และเป็นบุคคลเดียวที่จะชนะผู้สมัครที่ประกาศตัวมาแล้วทั้งหมด