หลังดอดดำเนินคดี เสวนาระดมรื้อรธน. มีนักวิชาการหลุดคำ เสนอแก้ไขมาตรา1

ฝ่ายความมั่นคงเล่นแรง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าส่ง “บุรินทร์” แจ้งความเอาผิด ม.116 แกนนำพรรคฝ่ายค้าน-นักวิชาการ ฐานยุยงปลุกปั่นแก้ รธน.พาดพิงมาตรา 1 “บิ๊กป้อม” โยนเป็นเรื่องฝ่ายกฎหมาย ที่ต้องเหมาเข่งเพราะไม่มีใครห้ามใคร 7 พรรคฝ่ายค้าน เดินเกมโต้ทันควัน จ่อฟ้องกลับฐานแจ้งความเท็จ “ชูศักดิ์” ซัดแค่หวังผลการเมือง “ทวี” ฉะมีคนสั่งการเบื้องหลัง “วันนอร์” โอดเล่นแรงเกินไป ลั่นไม่ใช่ยุคเผด็จการแล้ว “ปิยบุตร” ย้อนเกล็ดเรียก “บุรินทร์” เข้าแจงใน กมธ. ข้องใจนายกฯมีเอี่ยวด้วยหรือไม่ ยันไม่มีใครคิดแตะหมวด 1-2 เจ้าตัวกร้าวไม่มีอะไรต้องกลัว “อดิศร” เย้ยได้ดิบได้ดีจากค้าความคนเห็นต่าง ขู่ลากขึ้นเขียงในศึกซักฟอก “ศรีสุวรรณ” ร้อง อสส.เล่นฝ่ายค้านถึงขั้นกบฏ พท.รอชำแหละงบกลาง-กลาโหม

การเดินหน้ารณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญของ 7 พรรคฝ่ายค้าน กลายเป็นกระแสร้อนขึ้นมาทันทีเมื่อ พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้ชำนาญการสำนักงาน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองปัตตานี เอาผิดแกนนำ 7 พรรคฝ่ายค้านและนักวิชาการ เข้าข่ายกระทำผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116

กอ.รมน.ภ.4 ฟันพรรคฝ่ายค้าน

เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลา 23.00 น. ของวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้ชำนาญการสำนักงานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) ได้รับมอบอำนาจจาก พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน. ภาค 4 เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ศิริศักดิ์ หวังกุหลำ รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองปัตตานี ให้ดำเนินคดีกับบุคคลรวม 12 คน ประกอบด้วย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พล.ท.ภารดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นางชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นายสมพงษ์ สระกวี อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ นายมุข สุไลมาน นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย นายรักชาติ สุวรรณ นายอสมา มังกรชัย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ และนายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการ

...

ฐานยุยงปลุกปั่นประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นการแจ้งความในข้อหาทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีการอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำตามมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่องต่อประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบในราชอาณาจักรเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน โดยเมื่อวันที่ 28 ก.ย. แกนนำ 7 พรรคฝ่ายค้านและนักวิชาการในพื้นที่ร่วมเปิดเวทีรณรงค์การแก้รัฐธรรมนูญ ภายใต้หัวข้อ “พลวัตแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้สู่นับหนึ่งรัฐธรรมนูญใหม่” ที่ลานศิลปวัฒนธรรม อ.เมืองปัตตานี มีประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ภาค 4 ได้เข้าไปตรวจสอบ พบว่ามีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นบนเวที และมีการถ่ายทอดสดผ่านสื่อออนไลน์ Facebook พรรคประชาชาติ และมีการอัปโหลดลงในช่อง YouTube เผยแพร่ข้อมูลให้กับประชาชนทั่วไป มีการพูดนำเสนอข้อมูลในลักษณะบิดเบือนข้อเท็จจริงให้ประชาชนทั่วไปหลงเชื่อ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องต่อประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบภายในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน

ย้ำเป็นพื้นที่ใช้กฎหมายพิเศษ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองทัพภาคที่ 4 ว่า ที่ต้อง ดำเนินคดีกับผู้ที่อยู่ในเวทีเสวนาทั้งหมด เพราะถือว่า ทุกคนเป็นผู้ร่วมกันกระทำความผิด และทุกคนสมัครใจมีส่วนร่วมในการจัดการเสวนาครั้งนี้ อีกทั้ง พื้นที่จัดงานเสวนายังเป็นพื้นที่ประกาศใช้กฎหมายพิเศษอยู่ ถือว่ามีความเปราะบางต่อสถานการณ์มาก

ด้าน พ.ต.อ.อธิป แสงวันลอย รอง ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ได้เรียกพนักงานสอบสวนและชุดสืบสวนสอบสวน ประชุมหาแนวทางการทำงานเกี่ยวกับการ สืบสวนในคดีดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมา เนื่องจากเป็นคดีที่สำคัญ เน้นย้ำให้ทำงานอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะข้อมูลหลักฐานที่จะนำมาประกอบคดี ต้องชัดเจนที่สุด

“บิ๊กป้อม” โยนเป็นเรื่องฝ่าย ก.ม.

วันเดียวกันเวลา 09.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมาย กอ.รมน.ภาค 4 ที่พิจารณาแล้ว แต่ตนยังไม่เห็นเรื่องทั้งหมด ไม่สามารถพูดได้ว่ารัฐบาลจะทำอะไร เมื่อถามว่าจะบานปลายเป็นความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้านหรือไม่ พล.อ.ประวิตรย้อนถามว่า “ก็แล้วเขาทำผิดหรือเปล่า ต้องไปดูข้อกฎหมาย กอ.รมน.ภาค 4 เขาก็ดูข้อกฎหมาย และต้องดูที่คำพูด ส่วนจะไปพูดที่ไหนก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ต้องดูที่คำพูด เพราะเขาพูดว่าจะแก้รัฐธรรมนูญอะไรนั่น” เมื่อถามว่าจะกลายเป็นเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองรอบใหม่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่มีหรอก

เหมาเข่งเพราะไม่มีใครคัดค้าน

เมื่อถามว่าแต่ในเวทีเสวนาข้อเสนอเรื่องแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 1 เป็นเพียงความเห็นเดียวของนักวิชาการ พล.อ.ประวิตรตอบว่า “ก็ในเมื่อนั่งอยู่ด้วยกัน ก็ต้องคัดค้านกันสิ” เมื่อถามย้ำว่าเป็นการสมรู้ร่วมคิดกันใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่ทราบต้องถามนักกฎหมายดู เมื่อถามอีกว่าแสดงว่า กอ.รมน.ภาค 4 พิจารณาจากภาพรวมในเวทีถึงไปแจ้งความใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ตนยังไม่ทราบรายละเอียด กอ.รมน.ภาค 4 ยังไม่ได้รายงานมา แต่ดูแล้วว่าผิด แต่ยังไม่ทราบว่าผิดข้อหาอะไร เขาแจ้งความเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ฐานยุยง ปลุกปั่น เมื่อถามว่าต้องย้อนไปดูการจัดเวทีเสวนาของ 7 พรรคฝ่ายค้านในจังหวัดอื่นๆที่ผ่านมาด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่ทราบ ฝ่ายกฎหมายเขาต้องดู กอ.รมน.ภาค 4 คงดูว่าผิดกฎหมายอะไร ตนคงไม่กำชับอะไรเพราะเป็นเรื่องของข้อกฎหมาย

7 พรรคฝ่ายค้านถกหาทางรับมือ

ช่วงบ่ายที่พรรคเพื่อไทย แกนนำ 7 พรรคฝ่ายค้าน อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค ในฐานะประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ร่วมประชุมภายหลัง กอ.รมน.ภาค 4 แจ้งความจับ 12 แกนนำและนักวิชาการ ที่ร่วมเวทีสัมมนาแก้ไขรัฐธรรมนูญ

“ชูศักดิ์” ซัดหวังผลการเมือง

นายชูศักดิ์กล่าวว่า การสัมมนาที่ จ.ปัตตานี เป็นการพูดคุยปัญหาในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ นักวิชาการก็พูดข้อมูลในมุมมองเชิงวิชาการ แต่ถ้าคิดว่าจะเข้าข่ายคดีอาญามาตรา 116 ต้องแสดงความเห็นยั่วยุให้เปลี่ยนแปลงรัฐบาล ที่สำคัญต้องใช้กำลังข่มขืนใจ มูลเหตุจูงใจต้องให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในประเทศ และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกฎหมายแผ่นดิน คนแจ้งความคงคิดว่าการพูดอะไรแก่สาธารณะ และกระทบต่อรัฐหน่อยก็แจ้งความตามมาตรา 116 โดยไม่ได้ดูองค์ประกอบให้ชัดเจน เวทีเสวนาเป็นการแสดงความคิดเห็นใช้สิทธิเสรีภาพทางการเมือง ขาดเจตนาองค์ประกอบโดยเฉพาะมูลเหตุจูงใจ จึงมองว่าการใช้มาตรา 116 มาดำเนินคดี เป็นการกระทำที่มุ่งหวังผลทางการเมือง ยืนยันว่าเป็นความคิดเห็นทางวิชาการ ไม่ได้มีการยุยงปลุกปั่น และเรามีเจตนาชัดเจนไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 อยู่แล้ว จึงมีข้อต่อสู้ และย้ำว่าเป็นการดำเนินคดีในมาตรา 116 ที่ฟุ่มเฟือย ปิดปากนักการเมือง เบี่ยงเบนประเด็น หวังผลทางการเมือง

“ทวี” ฉะมีคนสั่งการเบื้องหลัง

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง กล่าวว่า การแจ้งความดำเนินคดีโดยใช้ตำแหน่งของ กอ.รมน. โดยที่ กอ.รมน.อยู่ใต้บังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี อาจทำให้มองได้ว่านายกฯเป็นผู้สั่งการในทางกฎหมาย การแก้รัฐธรรมนูญเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลนี้ และตอนนี้ไม่มีมาตรา 44 ดังนั้น กอ.รมน.ต้องปฏิบัติตามมติ ครม. และนโยบายของรัฐบาลเท่านั้น

“วันนอร์” โอด ม.116 เล่นแรงเกินไป

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ถือว่ามาตรา 116 เป็นข้อหาที่แรงเกินไป เราแค่ชี้แจงถึงความจำเป็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ยุยงปลุกปั่นให้ประชาชนก่อความวุ่นวาย เป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองเวลาปิดสมัยประชุมต้องไปพบประชาชน บอกกล่าวสิ่งที่ทำไปในสภาฯ ถือเป็นการทำหน้าที่นอกสภาฯ ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ในเวทีเสวนามีพูด 2 เรื่อง คือความเดือดร้อนของประชาชน อย่างปัญหาราคายางพารา ราคาพืชผลทางการเกษตร การทำประมง และชี้แจงความจำเป็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นนโยบายของทุกพรรค รวมถึงเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลด้วย ประธานสภาฯ ก็ทราบเรื่องนี้ บัญญัติเป็นเรื่องด่วนในการพิจารณาในสมัยประชุมหน้า จึงเป็นหน้าที่พรรคการเมืองต้องไปรับฟังความคิดเห็นประชาชนว่าคิดอย่างไร

ขู่ฟ้องกลับลั่นไม่ใช่ยุคเผด็จการ

นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า เราไปเปิดเวทีพบประชาชนมาแล้วในภาคต่างๆ เวทีที่ปัตตานีเป็นเวทีที่ 4 การแก้ไขรัฐธรรมนูญเรายืนยันมาตลอดว่าจะไม่แตะต้องหมวดที่ 1 และหมวดที่ 2 การที่ กอ.รมน.ไปแจ้งความดำเนินคดีก็ว่ากันไป เราพร้อมชี้แจง แต่ถ้าดำเนินการไม่ถูกต้อง ไม่ชัดเจน ทำให้เราเสียหาย เราจะฟ้องกลับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมด วันนี้เข้าสู่การเมืองในระบอบประชาธิปไตยแล้ว คนใช้อำนาจจะทำแบบเดิมเหมือนตอนรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารไม่ได้อีกแล้ว

ฟ้องกลับ กอ.รมน.แจ้งความเท็จ

ต่อมาเวลา 15.00 น. แกนนำ 7 พรรคฝ่ายค้านร่วมแถลงภายหลังการประชุม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง กล่าวว่า การร้องทุกข์กล่าวโทษโดย กอ.รมน. เป็นการแจ้งความเท็จในหลายประเด็น เพื่อข่มขู่ไม่ให้บ้านเมืองเกิดการพัฒนา และข่มขู่ไม่ให้มีการแสดงความเห็น ดังนั้นฝ่ายค้านจะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้แจ้งความเท็จ ทั้งคนแจ้งความและผู้มีอำนาจ และจะดูต่อไปว่าจะโยงไปถึงตัวนายกฯด้วยหรือไม่

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ กล่าวว่า เรายืนยันแสดงความคิดเห็นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ผู้มีอำนาจพยายามดึงเราให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหมวด 1 และหมวด 2 ซึ่งเรายืนยันมาตลอดว่า จะไม่แตะต้อง นอกจากนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องผ่าน ส.ส.ร. ไม่มีใครสามารถไปชี้จุดว่าจะให้แก้แบบไหน อย่างไรได้ และเราไม่เคยบอกว่าต้องแก้จุดไหน ให้เป็นสิทธิของประชาชนว่าต้องการจะแก้แบบไหน

ย้อนไม่แจ้งเอาผิดปมถวายสัตย์ฯ

ด้านนายนิคม บุญวิเศษ กล่าวว่า อย่าคิดว่าขณะนี้ยังอยู่ในยุค คสช. การแจ้งความประชาชนที่เห็นต่างกับรัฐบาล เราอยากให้หยุด เพราะตอนนี้เราอยู่ในระบอบประชาธิปไตยแล้ว ถ้าแน่จริงควรไปแจ้งความเอาผิด พล.อ.ประยุทธ์ที่กล่าวคำถวายสัตย์ฯ ไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามวันที่ 6 ต.ค.นี้ ฝ่ายค้านจะเดินทางไปแจ้งความกลับ กำลังพิจารณาว่าจะไปที่กองบังคับการปราบปราม หรือที่ สภ.เมืองปัตตานี

“ปิยบุตร” ย้อนเกล็ดเรียกแจง กมธ.

ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า พอเห็นชื่อคนฟ้องคือ พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ พร้อมข้อหาเดิมมาตรา 116 คิดได้ทันทีว่าเรื่องแบบนี้ยังมีอยู่ต่อเนื่อง ตลอด 5 ปีนายทหารคนนี้ใช้ช่องทางกฎหมายแจ้งความคนเห็นต่างตามมาตรา 116 บ้าง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์บ้าง สุดท้ายบางเรื่องอัยการไม่สั่งฟ้อง หรือศาลสั่งยกฟ้อง แต่ พล.ต.บุรินทร์ยังคงใช้วิธีการดำเนินคดีเพื่อปิดปากคนเห็นต่าง และได้ดิบได้ดีขึ้น ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ตอนนี้มีคนหลายคนทำหนังสือร้องเรียนเข้ามาเกี่ยวกับกรณีที่นายทหารของ คสช.เที่ยวไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลจำนวนมาก จนพวกเขาเสียเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และทำให้เสียเวลาในการขึ้นศาล หากเรื่องนี้บรรจุเข้าระเบียบวาระ คงต้องเรียก พล.ต.บุรินทร์มาให้การต่อ กมธ.

ข้องใจนายกฯมีเอี่ยวด้วยหรือไม่

เมื่อถามว่า เป็นการปิดกั้นการไขแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ นายปิยบุตรตอบว่า น่าจะมีสาเหตุสำคัญ 2 ประการคือ 1.ต้องการกลบเกลื่อนช่วงขาลงของรัฐบาลชุดนี้ที่มาเร็วผิดปกติ และ 2.กลบประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ ตอนนี้ดูท่าว่าสังคมจะตอบรับมากขึ้น อยากให้ทางกองทัพลองพิจารณาให้ดีว่าท้ายที่สุดแล้วใครกันแน่ที่เป็นคนขวางการเดินหน้าประเทศ และการหาฉันทามติใหม่ในการแก้รัฐธรรมนูญ บทบาทของ กอ.รมน.ที่เป็นมรดกตกทอดจากการรัฐประหารตั้งแต่ปี 2549 พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่ต่างอะไรกับการสืบทอดอำนาจของ คสช. แต่เรายืนยันถึงความบริสุทธิ์ใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากสภาฯเปิดเราอยากถามไปถึงนายกฯว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรในการดำเนินการเรื่องนี้ ต้องไม่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจในการจำกัดสิทธิเสรีภาพการแสดงความเห็น

ยันไม่มีใครคิดแตะหมวด 1-2

นายปิยบุตรยังกล่าวถึงการแสดงความคิดเห็นของนางชลิตา บัณฑุวงศ์ รองหัวหน้าภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ว่า คิดว่านักวิชาการมีเสรีภาพในการแสดงออกความคิดเห็น ถือเป็นการให้ความรู้ทางวิชาการ แต่นักวิชาการไม่มีกำลังหรืออาวุธไปทำอะไรได้ ตรงข้ามกองทัพต่างหากไม่ต้องพูดอะไร อยากจะยึดอำนาจก็ยึด โดยไม่ต้องแสดงความคิดเห็นว่าตัวเองอยากจะยึดอำนาจ อยากจะฉีกรัฐธรรมนูญ และนิรโทษกรรมตัวเอง และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่าไม่มีใครพูดว่าต้องการเปลี่ยนแปลงหมวด 1 และหมวด 2

“บุรินทร์” ลั่นไม่มีอะไรต้องกลัว

ด้าน พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผอ.สำนักงานพระธรรมนูญทหารบก และผู้ชำนาญการสำนักงาน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า พร้อมเข้าไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ของนายปิยบุตร แสงกนกกุล หากมีการเชิญมา ไม่มีอะไรต้องกลัว จะชี้แจงว่าทำตามหน้าที่ในฐานะผู้ได้รับมอบอำนาจ ส่วนเรื่องรายละเอียดของคดีไม่สามารถพูดได้ เป็นความลับ ให้ไปว่ากันในชั้นศาล

ได้ดิบได้ดีค้าความคนเห็นต่าง

นายอดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านกล่าวว่า นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้าน เห็นว่าการกระทำของ กอ.รมน.ภาค 4 เป็นการแจ้งความที่หลงละเมอเพ้อพก ปัจจุบันประเทศไม่ได้ปกครองโดย คสช. แต่ พล.ต.บุรินทร์ได้ดิบได้ดีจากพันโทถึงพลตรีในช่วงที่ประเทศปกครองโดยระบอบเผด็จการคือ คสช. ทั้งที่พรรคร่วมฝ่ายค้านทำตามรัฐธรรมนูญทุกประการ มีการจัดเวทีเสวนาตั้งแต่ จ.เชียงใหม่ มหาสารคาม ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และปัตตานี เพื่อรับฟังความคิดเห็นประชาชนว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีข้อบกพร่องควรแก้ไขอย่างไร เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ตั้งแต่เข้าร่วมการเสวนามาไม่เคยมีการแตะต้องหมวด 1 และหมวด 2 เลย และไม่เคยมีการกระด้างกระเดื่องปลุกปั่นยุยงตามที่ กอ.รมน.ฝันกลางวัน

ขู่ลากขึ้นเขียงในศึกซักฟอกแน่

นายอดิศรกล่าวต่อว่า กอ.รมน.ได้รับการผ่องถ่ายอำนาจมาจาก คสช. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม จึงไม่สะทกสะท้าน ไม่ยินดียินร้าย และไม่ให้ความร่วมมือกับสภาฯ ทำตัวเหมือนหัวหน้า คสช. เพราะ กอ.รมน.คือรัฐซ้อนรัฐ ขอฝากไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ว่าที่ไปพูดอยู่ที่สหประชาชาติว่าศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยนั้น เป็นการโกหกคนทั้งโลกหรือไม่ ในฐานะ พล.อ.ประยุทธ์เป็น ผอ.รมน. อยากให้ระงับยับยั้งอย่าให้มีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอีก เพราะปัจจุบันมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมีสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ประเด็นเหล่านี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ฝ่ายค้านจะเอาไปอภิปรายในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ในส่วนงบประมาณของ กอ.รมน. และนําไปสู่การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่จะมีขึ้นแน่ในเดือน ธ.ค.นี้ ผู้นำฝ่ายค้านห่วงว่าสถานการณ์การเมืองในระบอบประชาธิปไตยกำลังเดินทางไปสู่สภาพปกติ ไม่อยากให้มีอะไรมาขัดขวางอีก ส่วนการแสดงความคิดเห็นของนักวิชาการบนเวที ถือเป็นความเห็นส่วนตัว “อย่าให้ประเทศนี้มืดมน อย่าให้เป็นประเทศที่เขาบอกว่าเป็นกะลาแลนด์เลย ขอให้ กอ.รมน.เปิดกะลาและกะโหลกออกมาหน่อย”

หมดยุค คสช.ไร้อำนาจ ม.44 แล้ว

นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคด้านการตรวจสอบกระบวนการยุติธรรมและอำนาจรัฐ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การลงบันทึกประจำวันที่แจ้งความไว้ ไม่มีการแจ้งว่าใครพูดอะไร ตอนไหน อย่างไร ที่จะเข้าข่ายความผิดมาตรานี้ เป็นเพียงการแจ้งความหว่านแห แสดงให้เห็นว่าคนแจ้งยังไม่เข้าใจชัดเจนว่าข้อเท็จจริงเข้าความผิดมาตรานี้ และปล่อยให้เป็นดุลพินิจเจ้าพนักงาน เหมือนที่ทำในช่วงประเทศอยู่ในระบอบการปกครองของ คสช. สุดท้ายนำไปสู่การไม่ฟ้องเพราะไม่มี น้ำหนักเพียงพอ ในฐานะฝ่ายกฎหมายของกองทัพควรกลั่นกรองให้ดีก่อนจะฟ้องใคร ไม่ใช่ให้เจ้าพนักงานเขาไปดูเอง ไม่ใช่สิ่งที่ควรกระทำสำหรับนักกฎหมายที่กล่าวหาคนอื่นในลักษณะนี้ หมดยุค คสช. และหมดยุคการใช้อำนาจตามมาตรา 44 แล้ว ทั้งนี้ อาจไม่ใช่การหวังผลทางกฎหมาย แต่อาจทำเพื่อให้ประชาชนไม่กล้าแสดงความคิดเห็นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ

“สิระ” ไล่แห่ 5 หน.พรรคฝ่ายค้าน

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขอเรียกร้องไปยังหัวหน้าพรรค การเมือง ได้แก่ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ และนายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย ควรลาออกจากความเป็น ส.ส.ทันที เพื่อรับผิดชอบต่อพฤติกรรมละเมิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ที่ไปร่วมเวทีเสวนาดังกล่าว เพราะสะท้อนว่าไร้สำนึกในความเป็นชาติ ถือเป็นอันตรายต่อความมั่นคง ไม่เหมาะสมที่จะเป็นคนไทยด้วยซ้ำ

พท.สับ “บิ๊กตู่” หวังสืบอำนาจยาว

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่นายกฯแสดงท่าทีชัดเจนไม่เอาด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ยังจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปใช่หรือไม่ แม้จะรู้ดีว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหามากมาย เป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานของรัฐบาลปัจจุบันมาก แต่หากเทียบกับผลประโยชน์ที่จะได้สืบทอดอำนาจไปเรื่อยๆ เชื่อว่าทั้ง พล.อ.ประยุทธ์และเครือข่ายยังคงขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยังหวังจะอยู่ในอำนาจต่อไปโดยอาศัยกลไกพิเศษที่ถูกออกแบบเอาไว้ใช่หรือไม่ โดยเฉพาะ 250 ส.ว.ที่โหวตเลือกนายกฯได้ถึง 2 สมัย โดยไม่สนใจปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน นอกจากจะไม่ยอมรับความจริงแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ยังชอบพูดอวดรู้ยกตนข่มท่าน

เย้ย “ผู้นำ” ทองแท้อย่ากลัวไฟ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่นายกฯพูดขู่ว่าถ้าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯไม่ผ่านสภาฯ อาจเดือดร้อนกันทั้งประเทศนั้น อย่าจิตตกหรือวิตกกังวลจนเกินเหตุ ท่านจะให้การอภิปรายงบประมาณเป็นยอวาที เหมือนยุค สนช.ที่ทำเป็นแค่พิธีกรรมคงไม่ได้ ถ้าจัดทำงบประมาณมาดี โปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่มีเหตุผลที่ฝ่ายค้านจะไปค้านแบบไม่ลืมหูลืมตา ความกลัวทำให้เสื่อม ทองแท้ไม่กลัวไฟ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ต้องกลัว แต่คนไทยได้ยินแต่ผู้นำเหล่าทัพจะจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ เสริมศักยภาพกองทัพ โดยไม่รู้ว่าจะไปรบกับใคร เห็นแต่ข่าวการจัดซื้อจัดจ้างที่มีคำถาม กรณีบ้านพักรับรอง ผบ.ทร. ริมแม่น้ำเจ้าพระยา 112 ล้านบาท คุ้มค่าหรือแพงเกินไป ทำตามขั้นตอนถูกต้องหรือไม่ พรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายค้านจะตรวจสอบอย่างเข้มข้น

“สมคิด” จ้องชำแหละงบกลาง

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประเทศนี้เดือดร้อนมานานแล้ว เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ทำงบขาดดุลมาทุกปีเฉลี่ยปีละห้าแสนล้าน ตั้งแต่มาเป็นนายกฯท่านต้องกู้เงินราว 2.5 ล้านล้านบาท เป็นนายกฯมาหลายปีควรรู้ดีงบประมาณจะผ่านไม่ผ่าน มันอยู่ที่การบริหารจัดการของรัฐบาล ถ้างบประมาณที่จำเป็นต่อประชาชนฝ่ายค้านเข้าใจและสนับสนุนในหลักการอยู่แล้ว ส่วนงบไหนที่ไม่จำเป็นก็ต้องตรวจสอบ หรือขอตัดลดลง ครั้งนี้ขอดูงบกลางที่หลายปีมานี้ตั้งไว้จำนวนมาก 4-5 แสนล้านบาท เราจะตรวจสอบอย่างละเอียด รวมถึงงบของกระทรวงกลาโหม อย่ากลัวว่าประเทศจะเดือดร้อนหากงบไม่ผ่าน คนเดือดร้อนคือนายกฯ ท่านเคยแต่อ่านและพูดฝ่ายเดียวให้ สนช.ฟัง แต่นี่สภาผู้แทนราษฎรมาจากประชาชน

“เทพไท” หวั่นแท้งก่อนแก้ รธน.

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ว่า อยากให้ทุก ฝ่ายระมัดระวังการเคลื่อนไหวเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มากที่สุด ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งครั้งใหม่ ขอ ให้การจัดเวทีรณรงค์ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เป็นเวทีทางวิชาการมากกว่าเวทีการเมือง ไม่กี่วันที่ผ่านมาการจัดเวทีที่ภาคอีสาน ก็มีวาทกรรมเรื่องรัฐธรรมนูญเฮงซวยทุกมาตรา หรือเวทีที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ก็พูดถึงการแก้ไขมาตรา 1 ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์-วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง และสุ่มเสี่ยงจะก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีก ดังนั้น เพื่อความสบายใจของคนในสังคม อยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายประกาศขอบเขตการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับหมวดที่ 1 และหมวดที่ 2 เพื่อลดความหวาดระแวงของกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยได้ระดับหนึ่ง ฝ่ายที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจให้สังคมเชื่อมั่น และไว้วางใจได้มากที่สุด

“ศรีสุวรรณ” ร้อง อสส.เล่นถึงกบฏ

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องต่อสำนักงานอัยการสูงสุด เอาผิดนางชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ 7 พรรคฝ่ายค้าน กรณีแสดงความเห็นแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 1 อาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 อาจเข้าข่ายกระทำความผิดฐานกบฏได้ การกระทำของนางชลิตา และ 7 พรรคฝ่าย ค้าน ถือว่าใช้สิทธิดำเนินการเกินไปกว่ารัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะแนวคิดที่ย่ามใจถึงขั้นเสนอแก้มาตรา 1

“บิ๊กแป๊ะ” มอบ “สุวัฒน์” ตามคดี

ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชันจินดา ผบ.ตร. กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐาน ยังไม่มีการเชิญบุคคลใดมาให้ปากคำ แต่ยอมรับว่าเนื้อหาที่มีการเสวนาเข้าข่ายความผิดตามที่มีการแจ้งความร้องทุกข์ ได้สั่งกำชับให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร.ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ ไปติดตามความคืบหน้า รวมทั้งรวบรวมข้อมูล ฝากเตือนไปยังประชาชนไม่ควรพูดอะไรเป็นการสุ่มเสี่ยง เพราะหากมีการพูดลักษณะเข้าข่ายความผิด ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

ลุ้นศาล รธน.รับตีความ “นวัธ”

วันเดียวกัน ที่ศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ กกต.นำคำร้องกรณีปัญหาสถานภาพ ส.ส.ของนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 พรรคเพื่อไทย สิ้นสุดลงหรือไม่ ตามมติประชุม กกต. ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคท้าย ในกรณีที่ กกต.เห็นว่าสมาชิกภาพของสมาชิก ส.ส. หรือ ส.ว.คนใดคนหนึ่ง มีเหตุสิ้นสุดลงตามวรรคหนึ่ง โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะประชุมพิจารณารับไว้วินิจฉัยหรือไม่ในสัปดาห์หน้า

กสร.แจ้งเถ้าแก่ให้ลูกจ้างไปกาบัตร

นายสมบูรณ์ ตรัยศิลานันท์ รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) รักษาราชการแทนอธิบดี กสร. ลงนามประกาศขอความร่วมมือสถานประกอบการกิจการให้ลูกจ้างหยุดงานไปใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครปฐม เขต 5 ในวันที่ 23 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ตามบทบัญญัติมาตรา 50 (7) แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 จึงขอความร่วมมือสถานประกอบการกิจการ นายจ้างอนุญาตให้ลูกจ้างที่มีสิทธิเลือกตั้งไปใช้สิทธิตามวันเวลาดังกล่าว

“บิ๊กตู่” แย้มมีโปรแจกแถมอีก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า เผยแพร่บันทึกคลิปของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม พูดคุยกับประชาชนผ่านรายการ Government weekly ครั้งที่ 2 ยาว 15 นาที โดยมีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำ สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำเนินรายการ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ว่า กำหนดลงทะเบียนวันละ 1 ล้านคน บางวันลงไม่ผ่านประมาณ 2 แสนคน มีการเปิดให้ลงทะเบียนใหม่ ส่วนระยะที่ 2 คงต้องปรับมาตรการให้สะดวกรวดเร็วขึ้น เงิน 1,000 บาทที่ให้ไป ประชาชนใช้อะไรได้ไม่มาก แต่เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบ คิดว่ากระทรวงการคลังคงกำลังคิดมาตรการใหม่ขึ้นมา ว่าจะทำอย่างไรให้เกิดการหมุนเงินในวงจร งบที่ใส่ไปจะทำให้เงินหมุนเวียนมากขึ้น 2-3 เท่า ถ้าดีอาจจะถึง 5 เท่า เพราะประชาชนใช้เงินของเขาด้วย สามารถทำให้ร้านค้าขนาดเล็กเดินต่อได้ ถ้าหยุดกันหมดก็แย่ ขณะที่การส่งออกมีปัญหาอยู่พอสมควร