ตั้งท่าติดเครื่องไปต่อรอบใหม่
ในคิวที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง รอปล่อยของมาตรการ “ชิมช้อปใช้” เฟส 2 เดือน ต.ค.2562
พ่วงออปชันเสริมอย่าง “100 เดียวเที่ยวทั่วไทย” และ “เที่ยววันธรรมดา ราคาช็อกโลก” อัดฉีดต่อเนื่องการบริโภคในประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี
หมายมั่นปั้นมือผลักดันให้เกิดการกระจายรายได้ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
ภายใต้เสียงบ่นหนาหูถึงความขลุกขลักของมาตรการ “ชิมช้อปใช้” เฟสแรก ตั้งแต่ขั้นตอนลงทะเบียนยุ่งยาก ระบบแอปพลิเคชันที่ล่มบ่อย หรือการหลงหูหลงตาปล่อยให้ร้านค้าที่อยู่นอกเงื่อนไขสวมรอยเข้าร่วมโครงการ
โดยเฉพาะการถูกตั้งคำถามสำคัญ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายจริงหรือไม่ หรือแค่มิติสร้างเรตติ้งการเมือง
อย่างที่เห็นการจับจ่ายใช้สอยเงิน 1,000 บาท ส่วนใหญ่กระจายไปอยู่กับการช็อปปิ้งในห้างสรรพสินค้าที่เข้าร่วมโครงการ ตามภาพที่เห็นชาวบ้านแห่ไปจับจ่ายใช้สอยกันอย่างล้นหลาม จนระบบล่ม ขณะที่โรงแรม โฮมสเตย์ ร้านค้าชุมชน และธุรกิจบริการท่องเที่ยว มีเงินกระจายไปถึงเพียงประปราย
เม็ดเงินยังไม่ได้กระจายไปสู่ระดับเศรษฐกิจฐานรากตามเป้าหมายของโครงการเท่าที่ควร แต่กระจุกตัวอยู่ตามห้างร้านขนาดใหญ่
เปิดหน้าให้ฝ่ายตรงข้ามล่อเป้าทั้ง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์ พรรคไทยรักษาชาติ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่
แท็กทีมกันขย่มมาตรการ “ชิมช้อปใช้” ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง
เตะตัดขา ไล่ดิสเครดิตกันสนุกปาก
...
ยังต้องตามลุ้นบทสรุปมาตรการ “ชิมช้อปใช้” จะปั๊มชีพเศรษฐกิจช่วงปลายปีให้กระเตื้องได้หรือไม่
เช่นเดียวกับสถานการณ์การเมืองในห้วงเสียงปริ่มน้ำที่ยังดูหนักหนาสาหัสต่อ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
ตัวเลขที่นั่งในสภาฯของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านพร้อมเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ตามทิศทางที่ต้องเลือกตั้งใหม่หลายจังหวัด ที่ชัวร์ๆคือ นครปฐม สมุทรปราการ และจ่อคิวรอต่อที่ จ.ขอนแก่น กำแพงเพชร
ต่างฝ่ายต่างต้องรักษาฐานที่มั่น และพยายามแย่งที่นั่งคู่แข่งให้สำเร็จ ทำแต้มเพิ่มเติมให้ฝ่ายตัวเอง
ในภาวะที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กำลังโหมโรงกระแส “โดมิโนล้มรัฐบาล” ใช้ผลการเลือกตั้งซ่อมตัดกำลังฝ่ายรัฐบาลให้เหลือเสียงหนุนน้อยลง
เดินเกมคู่ขนานไปกับการเร้ากระแสแก้รัฐธรรมนูญที่ 7 พรรคฝ่ายค้านลุยเดินสายจัดกิจกรรมพบประชาชนทั่วประเทศ กระตุ้นอุณหภูมิรอกันไว้ล่วงหน้า
โดยมีแนวร่วมอย่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาลคอยผสมโรงสร้างแรงกดดัน
การเมืองทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ฝ่ายค้านจ่อยกระดับไล่ทุบรัฐบาลทุกทาง
“ลุงตู่” เผชิญศึกหนัก พะวงทั้งเรื่องปัญหาเศรษฐกิจที่ยังแก้ไม่ตก การแก้รัฐธรรมนูญที่อาจผิดใจกับพรรคร่วมรัฐบาล
ต้องเร่งแก้เกม 2 ปัญหาเรื้อรัง อย่างเรื่องปัญหาเศรษฐกิจก็เร่งติดเครื่องยนต์เศรษฐกิจ กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในช่วงปลายปี ภายใต้แบรนด์ “ชิมช้อปใช้” เฟส 2
พุ่งเป้าพยุงระดับฐานราก คู่ขนานกับการลงทุนภาครัฐในเมกะโปรเจกต์รถไฟ รถไฟฟ้า ถนนหนทาง
ส่วนเรื่องรัฐธรรมนูญก็เบรกเกมการปลุกเร้ากระแสแก้รัฐธรรมนูญไม่ให้ติดลม ตามรูปการณ์ล่าสุดที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าแจ้งความจับแกนนำ 7 พรรคฝ่ายค้าน ในความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116
โทษฐานปลุกปั่นยุยงให้ประชาชนหลงเชื่อเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนภายในราชอาณาจักร
จากการเดินสายจัดกิจกรรมฝ่ายค้านพบประชาชน ที่ จ.ปัตตานี มีเนื้อหาบางตอนที่มีนักวิชาการพูดสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรหนึ่งเดียว จะแบ่งแยกมิได้”
ใช้กฎหมายความมั่นคงตั้งแท่นข้อหารุนแรง เอาผิดยกเข่งแกนนำฝ่ายค้านที่ไม่ร่วมกันทัดทาน
สอดรับการรับลูกของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เห็นคล้อยกับการดำเนินการของ กอ.รมน. เพราะนั่งอยู่ด้วยกันบนเวที แต่ไม่ยอมร่วมกันคัดค้าน
สุดท้ายเลยต้องติดร่างแห สมรู้ร่วมคิด ปล่อยให้ล้ำเส้นพูดปลุกเร้ามวลชนจนเกินเหตุ
เกมแก้รัฐธรรมนูญทำท่าสะดุด แกนนำพลาดท่าติดชนักปักหลัง เคลื่อนไหวลำบากขึ้น
ทีม “ลุงตู่” แก้ลำ อิงตำรากฎหมายสู้ ฉีดยาแรงเบรกคู่แข่ง เสียวสันหลังไปตามๆกัน.
ทีมข่าวการเมือง