ฝ่ายความมั่นคง เผย เหตุแจ้งความจับ 12 แกนนำ ฝ่ายค้าน-นักวิชาการ เพราะร่วมกันกระทำความผิด หลังจัดเสวนา ยุยงปลุกปั่น แก้รธน.มาตรา 1
วันที่ 4 ต.ค. รายงานจากด้านความมั่นคงเปิดเผยว่า จากกรณีที่ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) มอบหมายให้ พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก และผู้ชำนาญการสำนักงาน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา เพื่อให้ดำเนินคดีกับบุคคลรวม 12 คน ซึ่งเป็นแกนนำพรรคฝ่ายค้านและนักวิชาการ หลังร่วมกันจัดเสวนา “พลวัตแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่นับหนึ่งรัฐธรรมนูญใหม่” ที่บริเวณลานวัฒนธรรม หน้าศาลากลาง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 28 ก.ย. ที่ผ่านมานั้น ซึ่งในระหว่างการเสวนาได้มีเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เข้าร่วมรับฟังอยู่ด้วย
โดยเฉพาะในช่วงที่ นางชลิตา บัณทุวงศ์ อายุ 47 ปี อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวตอนหนึ่งว่า “สถานการณ์ชายแดนใต้ไม่มีทางที่จะดีขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญนี้ มันสืบทอดอำนาจของระบอบเหล่านี้ ก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ ปัญหาชายแดนใต้ คืออะไร มีผู้อธิบายว่า มีมาจากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุหลักๆ ที่มีน้ำหนักมากก็คือสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น มันเป็นผลพวงของความรู้สึกถึงความไม่ชอบธรรม ความคับข้องหมองใจของผู้คนที่รู้สึกว่า ตัวเองเป็นพลเมืองชั้นสอง และก็ถูกกีดกันออกจากการพัฒนาต่างๆ แล้วก็ใช้ช่วงเวลา 10-15 ปี มานี้ มันก็เป็นความคับข้องหมองใจที่เกิดจากการกระทำของรัฐในการกวาดล้าง การใช้กฎหมายพิเศษ รวมถึงเรื่องแนวคิดและอุดมการณ์เรื่องการแบ่งแยกดินแดน
...
ทั้งหมดเกี่ยวพันกับปัญหาอื่นๆ แต่รัฐมีแนวทางแก้ปัญหา คือ 1. การใช้กำลังทหารและตำรวจในการรักษาความมั่นคง 2. การพัฒนาพื้นที่คุณภาพชีวิต และ 3.การส่งเสริมทางสังคมและวัฒนธรรม พบว่าแนวทางดังกล่าวมีปัญหา เพราะแนวทางเหล่านี้ ล้วนอยู่ภายใต้อำนาจเบ็ดเสร็จของกองทัพ ซึ่งที่จริงไม่ควรเป็นงานด้านความมั่นคง แต่ทหารกลับมามีอำนาจและมีบทบาทในทุกด้าน อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาของประเทศไทยอาจไม่ต้องอยู่กันเป็นรัฐเดียวหรือรวมศูนย์ก็ได้ การแก้รัฐธรรมนูญ อาจแก้ มาตรา 1 ด้วย ก็ไม่แปลกอะไร”
ถือเป็นบิดเบือนข้อเท็จจริงให้ประชาชนทั่วไปหลงเชื่อ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่อง ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบภายในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินได้ ส่วนที่ต้องดำเนินคดีกับผู้ที่อยู่ในเวทีเสวนาทั้งหมดนั้น เพราะถือว่าทุกคนเป็นผู้ร่วมกันกระทำความผิด และทุกคนสมัครใจมีส่วนร่วมในการจัดการเสวนาครั้งนี้ อีกทั้งพื้นที่จัดงานเสวนาก็เป็นพื้นที่ที่ยังคงประกาศใช้กฎหมายพิเศษอยู่ ซึ่งมีความเปราะบางต่อสถานการณ์เป็นอย่างมาก.