หลังเป็นเป้าโดนฝ่ายค้านถล่มอาวุธหนักไปหลายดอก ร.อ.ดร.ธรรมนัส พรหมเผ่า กล่องดวงใจพรรคพลังประชารัฐต้องเก็บเนื้อเก็บตัวไม่เป็นข่าวไปพักใหญ่

ล่าสุด “รมช.เกษตรฯคนดัง” กลับมาเป็นข่าวน่าสนใจอีกครั้งหนึ่ง

ร.อ.ธรรมนัส แถลงว่า ผลการสำรวจพื้นที่ ส.ป.ก.ทั่วประเทศกว่า 34 ล้านไร่ ที่จัดสรรให้เกษตรกร 2.8 ล้านรายใช้ทำกิน

พบว่ามีที่ดิน ส.ป.ก.เพียง 7 เปอร์เซ็นต์ ที่มีความเหมาะสมทำการเกษตรมาก

พื้นที่ ส.ป.ก.อีก 59 เปอร์เซ็นต์ เหมาะสมระดับปานกลาง

และพื้นที่ ส.ป.ก. อีก 19 เปอร์เซ็นต์ เหมาะสมน้อย

ส่วนที่ดิน ส.ป.ก.ที่เหลืออีก 15 เปอร์เซ็นต์ ไม่เหมาะสมทำการเกษตรเลย

รัฐบาลจึงมีนโยบายใหม่จะนำที่ดินเหล่านี้ไปพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ

หรือแปลงสภาพที่ดิน ส.ป.ก.เป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น วังน้ำเขียว และดอยแม่สลอง

“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่าประเด็นสำคัญที่ ร.อ.ธรรมนัส แถลงซะยืดยาวไปจบจุดฟูลสต็อปตรง “วังน้ำเขียว” นี่เอง!!

คือตั้งเป้าจะเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก.วังน้ำเขียวให้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เพื่อให้กลุ่มนายทุนเจ้าของโรงแรม รีสอร์ตหรูย่านวังน้ำเขียวเช่าที่ดิน ส.ป.ก.ใช้ประโยชน์ระยะยาว

โดยไม่ต้องถูกยึดที่ดินคืน ไม่ต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตามคำสั่งศาล และหลุดพ้นความผิดคดีรุกป่าอย่างลอยนวล

ถ้า ร.อ.ธรรมนัสเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก.วังน้ำเขียว กลายเป็นพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวได้สำเร็จอย่างที่ฉายหนังโฆษณา
เชื่อว่าจะเกิด “วังน้ำเขียวโมเดล” ตามมาอีกหลายขบวน

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าผลสำรวจที่ ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า 15 เปอร์เซ็นต์ ของที่ดิน ส.ป.ก.35 ล้านไร่ ไม่เหมาะสมทำการเกษตร

...

เป็นผลสำรวจที่ฟังแล้วน่าตกใจ

เพราะ 15 เปอร์เซ็นต์ของที่ดิน ส.ป.ก.35 ล้านไร่ เท่ากับ 5.2 ล้านไร่ทีเดียว

ถ้ารัฐบาลเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก. 15 เปอร์เซ็นต์ไปใช้ประโยชน์อื่น จะทำให้ที่ดินเพื่อการเกษตรของประเทศไทยลดฮวบไปอีก 5.2 ล้านไร่ทันที

ปัญหาที่จะต้องพิจารณาต่อไปคือ พ.ร.บ.ปฏิรูปที่ดิน ส.ป.ก. กำหนดชัดต้องใช้ทำการเกษตร และต้องจัดสรรให้เกษตรกรผู้ยากจนไม่มีที่ดินทำกิน

ห้ามขาย ห้ามโอนที่ดิน ส.ป.ก.ให้ผู้อื่นทุกกรณี

แต่ปรากฏว่า พ.ร.บ.ปฏิรูปที่ดิน ส.ป.ก. มาตรา 31 แอบเปิดช่องให้สำนักงาน ส.ป.ก. โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี มีอำนาจขอซื้อที่ดิน ส.ป.ก.คืนจากผู้ครอบครองรายเดิม ที่ไม่ประสงค์ทำการเกษตร

หรือไม่มีลูกหลานสืบทอดอาชีพเกษตรกรรม

ดังนั้น การที่ ร.อ.ธรรมนัส ประกาศว่า รัฐบาลจะซื้อที่ดิน ส.ป.ก.คืนจากเจ้าของเดิมในราคาไร่ละไม่เกิน 60,000 บาท

โดยใช้เงินกองทุน ส.ป.ก.ที่มีอยู่กว่า 4,000 ล้านบาท

จึงสามารถทำได้อย่างสะดวกโยธิน

ส่วนที่ดิน ส.ป.ก.ที่รัฐบาลซื้อคืนมาจะนำไปจัดสรรให้เกษตรกรรายใหม่ทำการเกษตร

หรือ จะไปให้เช่าใช้ประโยชน์ระยะยาว 30 ปี หรือ 40 ปี ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะดำเนินการต่อไป

“แม่ลูกจันทร์” สรุปว่า นี่แหละคือ “นโยบายเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก.เป็นโฉนดทองคำ” ที่พรรคพลังประชารัฐตีปี๊บหาเสียงไว้นั่นเอง

เพราะเกษตรกรที่ได้รับแจกที่ดิน ส.ป.ก.รายละ 50 ไร่ ถ้าขายคืนรัฐบาล (ไร่ละ 60,000 บาท) จะได้เงิน 3 ล้านบาทต่อราย

ปัดโธ่...3 ล้านบาท ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะโยม.

“แม่ลูกจันทร์”