ไม่มีปาฏิหาริย์แน่

ถ้าว่ากันตามตัวเลขทางคณิตศาสตร์คงหนีไม่พ้นที่จะต้องมีปัญหา กำลังว่าถึงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ที่แน่นอนก็เป็น 3 จังหวัด

คือนครปฐม กำแพงเพชร สมุทรปราการ

จำนวน 3 เสียงนี้แหละจะเป็นตัวแปรทางการเมืองหากฝ่ายรัฐบาลชนะทั้ง 3 เขตเสียงสนับสนุนก็พอจะหายใจหายคอสะดวกขึ้น

แต่ในจำนวนนี้หากไปอยู่ในมือฝ่ายค้านก็มีความเป็นไปได้อย่างที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ อาจจะเกิดความพลิกผันทางการเมืองได้

ถือเป็น “โดมิโน” ที่ระเนนระนาดไล่เลียงกันไป

แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ยังยอมรับว่า “ทุกคน ก็รู้ว่าถ้าแพ้ก็มีผล” ประชาชนต้องเข้าใจการเลือกตั้งเพื่ออะไร เพื่อได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพหรือไม่ หากไม่เข้าใจตรงนี้ก็วุ่นวายไปหมด

เอาแค่...เลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 5 นครปฐมก็มีผลอย่างน้อย 2 ด้าน

1. ฝ่ายรัฐบาลชนะก็ดีไป แต่ถ้าฝ่ายค้านชนะก็ยุ่งล่ะสิ

2. ถ้าอนาคตใหม่ชนะการเลือกตั้งย่อมเกิดผลสะเทือนต่ออนาคตทางการเมืองในวงกว้างอย่างไม่คาดคิดได้

ไล่ๆกันมานั้นที่จะเป็นชนวนทางการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ทางการเมืองของประเทศ

แค่เริ่มต้นก็ไปไกลเกินกว่าที่คาดการณ์กันไว้ ไม่ใช่เฉพาะแค่ 7 พรรคฝ่ายค้านเท่านั้น แม้แต่ฝ่ายรัฐบาลก็เกิดปัญหาภายในเพราะความเห็นไม่ตรงกัน

เริ่มแต่นายกฯ พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนาก็มีความเห็นกับประชาธิปัตย์ตั้งแต่เริ่มตั้งเจรจาร่วมรัฐบาลที่เป็นเงื่อนไขให้บรรจุในนโยบายของรัฐบาล

เพียงแต่ประชาธิปัตย์นั้นต้องยืนยันในเรื่องนี้ ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องเร่งมือเท่าใดเพียงแต่เริ่มต้นเดินหน้าเท่านั้น

...

เงื่อนไขของประชาธิปัตย์ก็แค่เปิดทางที่จะให้แก้ไขเป็นไปได้ง่ายขึ้นอีก ทั้งคงจะเลือกประเด็นที่คิดว่าจำเป็นต้องแก้

คงจะไม่สอดรับกับ 7 พรรคฝ่ายค้านเท่าใดนัก ด้วยการนำเสนอที่แตกต่างกัน อนาคตใหม่นั้นดูเหมือนจะต้องการแก้ไขทั้งฉบับถึงกับโจมตีทำนองว่า “เฮงซวย” ทุกมาตรา

เพื่อไทยอีกพรรคหนึ่งที่ต้องการแก้ไขและเห็นว่ารัฐธรรมนูญปี 60 นั้น คืออุปสรรคสำคัญของการเมืองไทย เพราะไม่เป็นประชาธิปไตย

ที่เห็นและเป็นไปนั้นต้องถือว่าอนาคตใหม่มีบทบาทมากกว่าพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ เท่ากับว่าถือธงนำหน้าไปไกลกว่ากันมาก

ยิ่งการเคลื่อนไหวด้วยการสัญจรตามภาคต่างๆ เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนสนับสนุนของ 7 พรรคฝ่ายค้านนั้นเป็นปรากฏการณ์ที่ชัดเจน

“อนาคตใหม่” เป็นฝ่ายนำมากกว่า ด้วยข้อเสนอที่ค่อนข้างจะสุดโต่ง

นั่นคงเป็นเหตุอย่างหนึ่งที่ทำให้ฝ่ายค้านอื่นๆ โดยเฉพาะเพื่อไทยคงคิดเหมือนกันว่ากำลังจะกลายเป็นฝ่ายตามมากกว่า

เท่ากับลดบทบาทไปโดยปริยาย ทั้งๆที่เป็นใหญ่มีเสียงมากที่สุด

ไม่ควรมองข้ามอยู่หนึ่งกรณีที่สัญจรภาคใต้ได้มีอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ร่วมไปด้วย ได้เสนอแนวคิดที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากคือ ม.1 ว่าด้วย “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกไม่ได้”

คือผ่าหมากว่าไม่จำเป็นต้องมีมาตรานี้ก็ได้

เกรงว่าฝ่ายค้านอื่นๆจะพลอยติดร่างแหกับแนวคิดสุดโต่งไปด้วย.

“สายล่อฟ้า”