ป้อมสำทับไม่ผูกมัด ปชป.อ้างพปชร.ช่วย เลือกซ่อมนครปฐม ‘ช่อ’ บี้จับตาคดีอนค.

“บิ๊กตู่” ตัดบท ไม่รับธงฝ่ายค้านนำแก้ รธน. ย้อนถามที่อยากแก้ใช่คนทั้งประเทศไหม “บิ๊กป้อม” ไม่ผูกมัดรับข้อเสนอ “เสี่ยหนู” เก๊ก ภท.ไม่ใช่ตัวถ่วง ปชป.สงสัยเจตนาของฝ่ายค้าน ต้องการแก้ รธน.หรือจุดประเด็นการเมืองแน่ “เจ๊หน่อย” กลัวเสียฟอร์มรีบแจงพบนายกฯคิวสุดท้าย “ท็อป” เมิน ปชป.ไม่พอใจ มั่นใจ “สะสมทรัพย์” ทวงคืนเก้าอี้ “สาธิต” ฟุ้งได้แรงหนุน พปชร. แต่ “สมศักดิ์” รีบปัดไม่ได้หนุนใคร “ประยุทธ์” ไม่ยุ่งให้พรรคร่วมไปสู้กันเอง “พิชัย” ถล่มงบกลาโหม 14 ปีสุดอู้ฟู่ “ชวน” เผย กกต.ชี้ “นวัธ” พ้นสภาพ ส.ส. แต่ กกต.แย้งยังไม่มีมติชี้ขาด “วิษณุ” แจกวรรณกรรม “ลงเรือแป๊ะ” ครม.มีมติตั้ง “ปกรณ์” เลขาฯกฤษฎีกา อัยการสั่งไม่ฟ้อง “ธนาธร” วิจารณ์พลังดูด

จากกรณีที่ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านมีแนวคิดจะเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อมอบธงนำเดินหน้าผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม รีบออกมาปฏิเสธไม่ยอมถือธงนำ ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ระบุว่าธงนำดังกล่าวไม่มีผลผูกมัดทางกฎหมาย

“บิ๊กตู่” ไม่รับธงฝ่ายค้านแก้ รธน.

เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 1 ต.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ครม. ถึงจุดยืนรัฐบาลต่อแนวคิดการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2560 ว่า ให้ว่าตามขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 265 ถ้าทำได้ก็ทำกันไป แต่ต้องไปดูว่าต้องทำประชามติด้วยหรือไม่ ทุกอย่างมีระยะเวลากำหนดอยู่ ส่วนการตั้งคณะกรรมาธิการฯ ขึ้นมาศึกษาก็ว่ากันไป เมื่อถามว่าฝ่ายค้านต้องการให้นายกฯ ถือธงนำแก้ไขรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ผมไม่มีธง ธงของผมคือทำอะไรต้องเป็นไปตามกฎหมาย ตามขั้นตอน ตามรัฐธรรมนูญ และรัฐธรรมนูญฉบับนี้เพิ่งมีผลบังคับใช้ได้ไม่นาน” เมื่อถามว่าเหตุที่ต้องการให้นายกฯ ถือธงนำ เพราะสังคมมองว่าจะขอความร่วมมือจาก ส.ว.ได้ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า “ถ้าใครทำได้ก็ไปทำมา ผมคงไม่ไปนำธงอะไรทั้งสิ้น ที่พูดว่าสังคมต้องการต้องถามกลับว่าเป็นสังคมของกลุ่มไหน ประชาชนกลุ่มไหน หรือพรรคการเมืองไหน ใช่คนทั้งประเทศหรือเปล่า”

...

“บิ๊กป้อม” ไม่ผูกมัดรับข้อเสนอ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องที่ 7 พรรคฝ่ายค้านเตรียมเข้าพบนายกฯ เพื่อหารือและมอบธงให้เป็นตัวหลักในการนำขับเคลื่อนเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อถามย้ำว่านายกฯ ควรรับธงหรือไม่ เพราะอาจเป็นการผูกมัดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ธงดังกล่าวมีกฎหมายรองรับหรือไม่ ถ้าไม่มีกฎหมายรองรับก็ไม่น่าจะผูกมัดอะไร ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านเดินสายรณรงค์ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น เรื่องนี้ก็ว่ากันไป แล้วแต่ประชาชน

“เสี่ยหนู” เก๊ก ภท.ไม่ใช่ตัวถ่วง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องดูพรรคร่วมรัฐบาลว่ามีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง พรรคภูมิใจไทยเน้นว่าทำแล้วประชาชนได้ประโยชน์อย่างไร ประเทศชาติได้อะไร หากเป็นไปตามนี้พรรคภูมิใจไทยไม่มีปัญหาที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในช่วงหาเสียงเราไม่ได้หาเสียงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ต้องดูเสียงส่วนใหญ่ ยืนยันว่าเราจะไม่เป็นตัวถ่วง อันไหนที่เป็นประโยชน์รัฐบาลต้องรับฟัง สิ่งไหนที่เป็นอุปสรรคต้องมานั่งพูดคุยกัน ถ้าแก้ไขแล้วประชาชนได้ประโยชน์ใครๆก็อยากแก้ แต่ถ้าแก้แล้วไปเพิ่มอำนาจให้นักการเมือง เป็นเพียงเพิ่มความสะดวกให้กับนักการเมือง ก็ไม่ต้องกระตือรือร้นที่จะไปทำ เมื่อถามว่า 7 พรรคฝ่ายค้านเตรียมเข้าพบนายกฯ เพื่อมอบธงนำในการขับเคลื่อน นายอนุทินตอบว่า ไม่ทราบเรื่องนี้ นายกฯ เป็นนายกฯ ของคนไทยทุกคน ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายรัฐบาลอย่างเดียว ส่วนของฝ่ายค้านก็ถือเป็นผู้แทนของประชาชน ถ้าเขาจะมายื่นก็เป็นสิทธิ์ของเขา

ปชป.สงสัยเจตนาของฝ่ายค้าน

นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ขัดข้องเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะ รัฐบาลมีนโยบายอยู่แล้ว แต่จะแก้ไขประเด็นไหนค่อยตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพูดคุยกัน การเดินสายของฝ่ายค้านในขณะนี้ ต้องไปดูว่าเขาไปพูดประเด็นไหน ต้องพูดให้ชัดว่าแก้ไขประเด็นไหน ต้องเห็นพ้อง กันถึงจะแก้ได้ ส่วนการมอบธงนำแก้ไขรัฐธรรมนูญให้นายกฯนั้น ต้องดูเจตนาของฝ่ายค้านด้วยว่าเขาหวังจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือหวังจะใช้เป็นประเด็นการเมือง ต้องฟังเสียงประชาชนด้วย ส่วนใครจะเอาการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาเป็นประเด็นทางการเมืองหรือไม่ คงให้ความเห็นไม่ได้ อยู่ที่เจตนาและพฤติกรรมแต่ละคน รัฐบาลไม่ได้ละเลย เรื่องนี้มีสมาชิกเสนอญัตติไว้ในสภาฯ รอหยิบยกขึ้นมาพิจารณาเท่านั้น ดังนั้นการไปเคลื่อนไหวอะไรข้างนอก ในทางการเมืองมีสิทธิทำ แต่เจตนามันคืออะไร

“เทพไท” ย้ำจุดยืนเดิมแก้ ม.256

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เริ่มมีกระแสเคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญกว้างขวาง มีการพูดคุยถึงประเด็นการแก้ไขที่หลากหลายมากขึ้น นับเป็นเรื่องดีทำให้คนไทยทั่วประเทศตื่นตัว เพราะไม่อยากให้กฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ เป็นเรื่องของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น แต่พรรคการเมือง หรือองค์กรภาคประชาชนที่เคลื่อนไหว ควรคำนึงถึงความเป็นไปได้ด้วย ไม่อยากให้หวังผลทางการเมืองอย่างเดียว พรรคประชาธิปัตย์ยังยืนในจุดยืนเดิม คือสนับสนุนให้แก้ไขมาตรา 256 เพราะเป็นช่องทางเดียวที่จะนำไปสู่ความสำเร็จได้ สามารถระดมความคิดเห็น หาแนวร่วมได้ง่ายที่สุด ไม่สร้างผลกระทบต่อผลประโยชน์ของฝ่ายใด จนก่อให้เกิดความขัดแย้งต่อต้านรุนแรง ถือเป็นบันไดขั้นแรก ส่วนบันได้ขั้นที่ 2 ขั้นที่ 3 จะเกิดผลตามมาในอนาคต เคารพในความเห็นต่างของทุกฝ่ายแต่อยากให้หันหน้าเข้าหากัน ถกเถียงด้วยเหตุผล เมื่อทุกฝ่ายตกผลึกทางความคิด สามารถขับเคลื่อนผ่านคณะกรรมาธิการวิสามัญที่จะตั้งขึ้นต่อไปได้

เข้าพบนายกฯยังไม่ใช่เร็วๆนี้

ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านมีความเห็นตรงกันว่า การเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญต้องให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม เพื่อให้เป็นฉันทานุมัติของทุกคน และเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนอย่างแท้จริง ต้องมีการพูดคุยหารือกับทุกฝ่ายทั้งประชาชน ภาคประชาสังคม นักวิชาการ สื่อมวลชน ภาคธุรกิจ และพรรคการเมือง ตลอดจนรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ส่วนกระแสข่าวที่ว่า 7 พรรคฝ่ายค้านเตรียมขอเข้าพบนายกฯในสัปดาห์หน้านั้น การเข้าพูดคุยกับนายกฯยังไม่เกิดขึ้นเร็วๆนี้แน่นอน เนื่องจากการพูดคุยกับนายกฯจะเป็นลำดับสุดท้าย เพราะ 7 พรรคฝ่ายค้านต้องพูดคุยกับภาคส่วนอื่นให้ครบก่อน เพื่อนำข้อมูล ความคิดเห็นไปนำเสนอต่อรัฐบาล ประกอบการพิจารณาตัดสินใจเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน

“ท็อป” เมิน ปชป.ตีวัวกระทบคราด

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงการเคลียร์ใจกับพรรคประชาธิปัตย์ กรณีส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 5 นครปฐม ว่า ยังรู้สึกดีกับทางพรรคประชาธิปัตย์ ที่ผ่านมายังไม่ได้พูดคุยกันเป็นกิจจะลักษณะแบบเปิดโต๊ะพูดคุย มีเพียงยืนคุยกับตนคนเดียวในที่ประชุม ครม. คงไม่สามารถพูดหรือตัดสินใจในนามพรรคได้ มองว่าผู้ใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ควรมานั่งคุยกับเรา แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งมีคำเรียกร้องจากประชาชนในพื้นที่นครปฐม เพราะคนในตระกูลสะสมทรัพย์ทำงานมาเป็น 10 ปี มีผลงานมากมาย การเอาผลการเลือกตั้งเพียงแค่ครั้งเดียวมาชี้วัดถึงความผิดพลาดคงโหดร้ายเกินไป

มั่นใจ “สะสมทรัพย์” ทวงคืนเก้าอี้

เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าพรรคชาติไทยพัฒนาทำเสียมารยาทพรรคร่วมรัฐบาล นายวราวุธตอบว่า เป็นความคิดเห็นของแต่ละคน แนวความคิดของแต่ละพรรคแตกต่างกัน เมื่อยังไม่ได้มีการพูดคุยกันก็ทำงานตามปกติ เมื่อถามว่าจะกลายเป็นความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายวราวุธตอบว่า คงไม่ใช่ เมื่อมีเสียงเรียกร้องอยากให้คนในตระกูลสะสมทรัพย์ลงสมัครนับหมื่นคน คนในตระกูลสะสมทรัพย์ก็ต้องลงสมัคร และมั่นใจว่าจะทวงคืนเก้าอี้กลับมาได้ บทเรียนความผิดพลาดถือเป็นครูที่ดี เนื่องจากการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมามีหลายตัวแปรที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาด และปัจจุบันมองว่าคนในตระกูลสะสมทรัพย์คงเข้าใจการทำงานในพื้นที่มากขึ้น การจะเอาผลงานกว่า 30 ปี มาตัดสินด้วยความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว ดูใจร้ายกับตระกูลสะสมทรัพย์เกินไปหน่อย และการเลือกตั้งครั้งก่อนมีหลายปัจจัยที่เป็นตัวแปร เชื่อว่าเขาเข้าใจและปรับปรุง
การทำงานในพื้นที่ได้ดีกว่าเก่า

“สาธิต” ฟุ้งได้แรงหนุน พปชร.

ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ รมว.สาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เวลาลงสนามเลือกตั้งต้องเต็มที่ ทุกคนมั่นใจ ขึ้นอยู่กับประชาชนตัดสิน แต่ความจริงถ้าตกลงกันได้มันก็ดี แต่เมื่อสถานการณ์มาถึงตรงนี้ต่างคนต่างทำหน้าที่หาเสียงให้ชนะใจประชาชน ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลยังคุยกันได้เหมือนเดิมไม่มีปัญหา เมื่อถามว่านายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ผู้สมัครจากพรรคชาติไทยพัฒนา ประกาศว่าเป็นเจ้าของพื้นที่เดิม นายสาธิตตอบว่า เรามั่นใจว่าเราต้องชนะ อ.สามพรานเป็นฐานของพรรคประชาธิปัตย์ เราต้องฟื้นความศรัทธากลับมาให้ได้ อย่างไรก็ตาม พรรคอนาคตใหม่ก็น่ากลัว เพราะเขาเป็นแชมป์ต้องให้เกียรติเขา “คุยกับพรรคพลังประชารัฐแล้ว เขาพร้อมสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เต็มที่ในนามของรัฐบาล เราคุยกันแล้วว่าเขาจะช่วยเราเต็มที่ ส่วนชาติไทยพัฒนาก็ต้องหาเสียงของเขา ในฐานะเป็นเจ้าของพื้นที่เดิม”

“สมศักดิ์” รีบปัดไม่ชัดหนุนใคร

ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และแกนนำพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้ประสานงานและคุยกันเป็นกิจจะลักษณะ เพราะมีอยู่หลายพรรค ทำให้ลงชนกันเอง ส่วนพรรคพลังประชารัฐจะสนับสนุนผู้สมัครของพรรคใดนั้น เราคงไม่ได้สนับสนุนอะไรที่เป็นทางการ ใครชอบใครก็เลือกกันไป เมื่อถามว่าจะเข้าไปพูดคุยกับผู้ที่สนับสนุนพรรคในเขตดังกล่าวอย่างไร นายสมศักดิ์ตอบว่า ยังไม่ได้คุยกัน คงต้องพูดคุยกันหลังจากนี้ เดิมคิดว่าจะมีผู้สมัครจากพรรคร่วมรัฐบาลพรรคเดียว คือพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 2 ในครั้งก่อน แต่พอมี 2 คนต้องนั่งคุยกัน เรื่องนี้จะกลายเป็นความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น ไม่ทราบ คงเป็นเรื่องที่ต้องดูกันต่อไปในสนามเลือกตั้ง คงเอาผลของแต่ละพรรคที่มีอยู่มาว่ากัน

ไม่ยุ่งพรรคร่วมให้ไปสู้กันเอง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 5 นครปฐม เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าถ้าฝ่ายรัฐบาลแพ้ย่อมมีผล อย่าเพิ่งไปคาดคะเนใครจะชนะ ทั้งหมดเป็นเรื่องของประชาชนที่ต้องเข้าใจว่าเลือกตั้งเพื่ออะไร เพื่อให้ได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ แต่ถ้าไม่เข้าใจตรงนี้มันก็วุ่นวาย เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่พรรคร่วมรัฐบาลส่งผู้สมัครชิงกันเอง นายกฯตอบว่า เป็นเรื่องของการเลือกตั้ง และเป็นสิทธิของแต่ละพรรคตามกติกา ส่วนใครจะได้ก็เป็นเรื่องของประชาชน ส่วนกลุ่มต่อต้านที่ไปชูป้ายประท้วงที่สหรัฐอเมริกานั้น ไม่มีใครสนใจ ไม่เห็นจะมีคนเลย ต่างประเทศไม่ได้สนใจ ต่างชาติก็ตอบรับตนดี ส่วนการตรวจสอบเรื่องการว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์เป็นไปตามกฎหมาย มีคนทำอยู่แล้ว หน้าที่ใครหน้าที่มัน

ไม่ทำนายใครจะชนะศึกครั้งนี้

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าพรรคประชาธิปัตย์จะชนะเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้หรือไม่ ต้องไปถามพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามย้ำว่า คะแนนเสียงของพรรคพลังประชารัฐจะนำไปรวมกับพรรคประชาธิปัตย์แล้วทำให้ชนะการเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่ทราบ คิดกันไปเองทั้งนั้น แล้วแต่ประชาชน ส่วนกรณีที่พรรคอนาคตใหม่หาเสียงใช้ จ.นครปฐมเป็นโมเดลโดมิโนนำร่อง เพื่อชนะการเลือกตั้งซ่อมในอีก 3 จังหวัดนั้น ก็ว่ากันไป ไม่เป็นไร

“พิชัย” กางงบกลาโหม 14 ปีสุดอู้ฟู่

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า กรณีที่ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ อ้างว่างบทหารไม่ได้เพิ่มขึ้น หรือเพิ่มน้อยนั้น ไม่เป็นความจริง มองย้อนหลังไปถึงปี 2549 ก่อนมีการปฏิวัติ งบกระทรวงกลาโหมอยู่ที่ 85.9 หมื่นล้านบาท แต่งบปี 2563 งบกระทรวงกลาโหมอยู่ที่ 2.33 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 271% หรือเกือบ 3 เท่า ในเวลา 14 ปี สมัยรัฐบาล คสช.มีอัตราการเพิ่มมากสุด เวลา 5 ปี เพิ่มเฉลี่ยถึงปีละ 4.37% และมีสัดส่วนถึง 7% ของงบประมาณ ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่ามีการจัดสรรจากงบกลาง และงบความมั่นคง ไปใช้เพิ่มในด้านการทหารจำนวนมากในแต่ละปี ทำให้ค่าใช้จ่ายเพื่อการทหารของไทยสูงมาก และเป็นสาเหตุหนึ่งว่าทำไมเศรษฐกิจไทยถึงขยายตัวน้อย เพราะไม่ได้สร้างผลดีต่อเศรษฐกิจ

ย้ำคิดย้ำทำเรื่องไม่ก่อประโยชน์

นายพิชัยกล่าวว่า เรือดำน้ำไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงตามที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พยายามแก้ตัวข้างๆ คูๆ หากประเทศไทยต้องการพัฒนามากขึ้นเป็นประเทศรายได้สูง ควรต้องลดงบทางทหารลง อีกทั้งรูปแบบการรบในอนาคตอาจเปลี่ยนไป อาวุธยุทโธปกรณ์ที่จัดซื้อวันนี้อาจไม่มีประโยชน์ในอนาคต เท่ากับประเทศเสียเงินฟรีเพื่อไปซื้ออาวุธที่กำลังจะตกยุค และยังเสียโอกาสพัฒนาประเทศ งบทหารต้องถูกปรับลดลงเพื่อนำมาพัฒนาประเทศในโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ยังมีการใช้เงินสะเปะสะปะ เช่น โครงการชิมช้อปใช้ล่าสุด แจกเงินเที่ยว 1,000 บาท ยิ่งตอกย้ำว่าเงินไปตกไปอยู่กับนายทุนเจ้าของห้างสรรพสินค้า ประชาชนผู้มีรายได้น้อยไม่ได้รับผลประโยชน์ หากจำกันได้โครงการแจกเงินเที่ยวเคยถูกนำเสนอก่อนเลือกตั้ง แต่ถูกสังคมโจมตีหนักจนต้องยกเลิกไป แต่ยังนำมาปัดฝุ่นทำใหม่ ทำให้คิดว่ารัฐบาลมีไอเดียแค่นี้หรือ ย้ำคิดย้ำทำแต่เรื่องไม่เกิดประโยชน์ “พล.อ.ประยุทธ์น่าจะเข้าไปดูในกูเกิล ว่าตอนก่อนเลือกตั้งถูกด่าไว้อย่างไร และตอนนี้ถูกด่าอย่างไร ขนาดพูดเรื่องกูเกิลประชาชนได้ยินกันทั้งประเทศ แต่ยังกล้าบอกว่าถูกบิดเบือน”

เย้ย “ชิมช้อปใช้ประชาไม่นิยม”

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า โครงการชิมช้อปใช้ เป็นมาตรการแก้ปัญหาไม่ตรงจุดเกาไม่ถูกที่คัน แจกเงินใส่กระเป๋าประชาชนโดยไร้เงื่อนไข เข้าข่ายประชานิยม ถ้าเป็นรัฐบาลปกติคงทำได้ยาก แต่เมื่อรัฐบาลนี้ทำแล้วประชาชนกลับสับสนและพาลจะไม่นิยม เป็นแค่กลยุทธ์การตลาดที่ไม่ก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจจริง ซ้ำยังมีระบบขั้นตอนที่ซับซ้อนยุ่งยาก ระบบล่มแล้วล่มอีก มีปัญหาแทบจะทุกขั้นตอน เจตนาครั้งแรกคล้ายจะให้เงินหมุนลงไปในท้องถิ่น ชุมชน ตลาดสด ร้านค้าชาวบ้าน แต่พอเปิดให้ผู้ประกอบการทุนใหญ่เข้าร่วมโครงการ กลายเป็นว่าเม็ดเงินไปตกอยู่กับกลุ่มทุนใหญ่ ธุรกิจเจ้าสัวเพียงไม่กี่ตระกูล เป็นการเอื้อประโยชน์ให้ทุนใหญ่ครองประเทศ ยิ่งซ้ำเติมปัญหาความเหลื่อมล้ำ รวยกระจุกจนกระจาย

วางกรอบถกงบฯเบื้องต้น 2 วัน

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง พ.ร.ฎ.เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ในวันที่ 17 ต.ค. ว่า การกำหนดเวลาประชุมวาระแรกได้ออกระเบียบวาระการประชุมเบื้องต้นไว้ 2 วัน คือวันที่ 17-18 ต.ค. แต่ถ้าเวลาไม่พอก็ขยายเวลาออกไปอีกเป็นวันที่ 19 ต.ค. ได้เนื่องจากเราไม่ได้มีสภาฯที่มาจากการเลือกตั้งมานาน พยายามจะให้เวลาสมาชิกในการอภิปราย ดังนั้นต้องหารือกับประธานวิปรัฐบาลและประธานวิปฝ่ายค้านอีกครั้ง เพราะยังมีเวลาอีกครึ่งเดือน เมื่อถามว่า จะใช้เวลา 5 วัน ตามที่ฝ่ายค้านขอมาหรือไม่ นายชวนตอบว่า เท่าที่ผ่านมาการพิจารณาวาระแรกไม่เคยใช้เวลาถึง 5 วัน แต่ในวาระที่ 2 อาจใช้เวลาประมาณ 5 วันได้ หากสมาชิกพูดทุกคน คนละ 10 นาที อย่างน้อยก็ใช้เวลา 3-4 วัน แต่พอเวลาจริงๆอาจมีสมาชิกบางคนขอถอนการแปรญัตติ

เผย กกต.ชี้ “นวัธ” พ้นสภาพ ส.ส.

นายชวนยังกล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบสถานภาพ ส.ส.ของนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ที่ถูกศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาประหารชีวิตว่า ได้รับรายงานจากเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ส่งเรื่องดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เนื่องจาก กกต.ได้วินิจฉัยเองแล้วว่า นายนวัธขาดจากความเป็น ส.ส.แล้ว และคาดว่าในการประชุม ครม.จะมีการพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เพื่อให้จัดการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 7 ขอนแก่น ส่วนการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 5 นครปฐม ช่วยผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่ได้คุยกับทางพรรค เพราะตำแหน่งประธานสภาฯต้องไม่เป็นกรรมการบริหารหรือตำแหน่งอื่นใดในพรรค ถ้าจะไปช่วยผู้สมัครหาเสียงนอกเวลาราชการไม่ได้มีข้อขัดข้องแต่อย่างใด

วุฒิสภาจ่อตั้ง กมธ.เกาะติดงบฯ

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ตามที่มีพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสภาสมัยวิสามัญ วันที่ 17 ต.ค. เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ในส่วนของวุฒิสภาเตรียมเรียกประชุมวันที่ 20 ต.ค. เพื่อพิจารณาเรื่องที่ยังค้างอยู่ รวมถึงการให้ ส.ว.ใหม่ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่แทนอดีต ส.ว.ที่พ้นจากตำแหน่งกล่าวคำปฏิญาณตน ทั้งหมด 3 คน คือ นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ ส.ว. พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ.คนใหม่ และ ส.ว.จากสายวิชาชีพอีก 1 คน ที่เลื่อนลำดับมาแทนนายชยุต สืบตระกูล ที่พ้นตำแหน่งหลังต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก 5 ปี กรณีทุจริตจัดซื้อที่ดินตาบอดของ กทม. นอกจากนี้ จะมีวาระ การตั้งคณะกรรมาธิการติดตามร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ควบคู่ไปกับสภาผู้แทนราษฎร

กกต.แย้งยังไม่มีมติชี้ขาดสถานะ

วันเดียวกัน สำนักงาน กกต.ออกเอกสารข่าวชี้แจงกรณีความเป็นสมาชิกภาพของนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย สิ้นสุดลงตามสื่อต่างๆแล้วนั้น โดยระบุว่า เพื่อให้การเลือกตั้ง ส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญกำหนด จึงมีหนังสือในส่วนของสำนักงาน กกต.เป็นการประสานงานทางธุรการตามขั้นตอน และแนวทางปฏิบัติของสำนักงาน กกต.ไปยังสำนักเลขาธิการ ครม.เพื่อเตรียมการในเบื้องต้นสำหรับการเลือกตั้ง ส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ กกต.ยังไม่มีความเห็นว่าสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของนายนวัธสิ้นสุดลงแต่อย่างใด เรื่องนี้สำนักงาน กกต.อยู่ระหว่างการพิจารณาจัดทำความเห็น เพื่อนำเสนอที่ประชุม กกต.พิจารณาต่อไป

สนง.กกต.ทำป่วนปมสถานะ “นวัธ”

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงาน กกต. นายเมธา ศิลาพันธ์ รองเลขาธิการ กกต. ปฏิบัติหน้าที่แทนเลขาธิการ กกต. มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ ลต.0012/1042 เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ถึงเลขาธิการ ครม. เรื่องร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 7 ขอนแก่น แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยเป็นการให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสิ้นสุดสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของนายนวัธ เตาะเจริญสุข ให้นับตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. ทั้งนี้ ท้ายหนังสือยังระบุว่า กรณีดังกล่าวเป็นการพิจารณาของสำนักงาน กกต. จากสภาพเหตุการณ์และความเห็นของนักกฎหมาย แม้ขณะนี้ กกต.ยังไม่ได้มีมติเกี่ยวกับการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด ต่อมาช่วงเย็นวันเดียวกัน สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ นร. 0503/31555 กลับมายังสำนักงาน กกต. เพื่อขอทราบข้อมูลว่าการให้มีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ขอนแก่น เนื่องมาจากเหตุตามมาตรา 105 (1) ของรัฐธรรมนูญเพราะเหตุใด และถือว่ากรณีนี้วันใดเป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลง

“บิ๊กตู่” ปลื้มผลงานวิจัยเด็กไทย

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นำคณะเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เพื่อเสนอผลงานที่ประสบความสำเร็จจากการบ่มเพาะธุรกิจวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (Technology Business Incubation : TBI) โดยอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือคัดเลือก 7 ผลงานโดดเด่นจาก 7 มหาวิทยาลัยมาแสดง ได้แก่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แม่โจ้ แม่ฟ้าหลวง พะเยา นเรศวร ราชภัฏอุตรดิตถ์ และราชภัฏพิบูลสงคราม อาทิ การจัดการขยะรีไซเคิล นวัตกรรมพลาสติกชีวภาพจากกากกาแฟย่อยสลายได้ 100% (NU Bio Bags)

แซะคนพูดเก่งมีประโยชน์ไหม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เห็นแล้วดีใจที่เอาวัสดุเหลือใช้มาทำประโยชน์ให้เกิดเมืองสีเขียว โดยรัฐบาลเข้าไปดูแลลงรายละเอียดไประดับฐานราก ถ้าพูดลอยๆเอาเงินไปให้ก็ไม่ได้อะไร ต้องดูการใช้เงินให้เหมาะสมถูกต้องบางทีเข้าใจยาก บางครั้งยากในการทำแต่ผลออกมาคุ้มค่า ต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาทำให้ครบระบบ ถ้าทำแบบเดิมไม่ได้ราคาต้องหาวิธีการปรับเปลี่ยนทุกอย่างให้สอดคล้องกับธรรมชาติ อย่างเรื่องอีอีซีต้องไปดูอะไรที่เขาต้องการเราก็ไปเรียนสาขานั้นอาจจะเรียนยากบ้าง ต้องหาตัวเองให้เจอ ส่วนใหญ่จะเรียนตามเพื่อนทำให้คิดไม่เป็น ใครที่พูดเก่งๆ พูดโน้มน้าวคนได้ต้องดูว่าสิ่งที่พูดมีประโยชน์อะไรกับตัวเรา สังคม ประเทศชาติหรือไม่

บ่นอีกไม่ดูโซเชียลที่มีประโยชน์

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า สื่อโซเชียลมีเดียก็แรง เราต้องช่วยกันลดความขัดแย้ง อย่างที่บอกว่าการใช้โซเชียลมีเดีย กูเกิล ยูทูบให้เกิดประโยชน์ จะไปใช้เรื่องบันเทิงไม่ได้ห้ามแต่อยากให้ใช้กดดูสิ่งที่เป็นประโยชน์ อย่างเว็บไซต์หน่วยงานราชการพอไม่ได้กดเข้าไปดูก็ไปร้องขอ ตรงนี้ต้องสร้างหลักคิดเพื่อให้ปัญหามันออกไป ไม่ใช่ให้ปัญหาเกิดขึ้นทุกวันเพราะคนคิดกันคนละอย่าง บอกให้เปิดกูเกิลเปิดกันอยู่แล้ว คนไทยใช้เว็บไซต์มากกว่า 90 ล้านเครื่อง เว็บไซต์ราชการเปิดเป็นร้อย อยากให้สร้างสตอรีว่าดีอย่างไรคนจะได้เรียนรู้ จากนั้นได้ถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก และหันไปพูดกับนักศึกษาหญิงที่นำผลงานมาแสดงว่า “อย่างนี้เขาเรียกว่าสวยและมีสมอง”

ทำงง “วิษณุ” เขียน “ลงเรือแป๊ะ”

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ในที่ประชุม ครม. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้แจกหนังสือเล่มใหม่ชื่อ “ลงเรือแป๊ะ” ให้นายกฯและ ครม.โดยเลขาธิการ ครม.เป็นผู้แนะนำเนื้อหาในหนังสือ นายกฯกล่าวสั้นๆว่า “ผมก็ไม่รู้ว่าท่านจะเขียน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหนังสือ “ลงเรือแป๊ะ” เป็นผลงานเขียนเล่มล่าสุดของนายวิษณุ มีเนื้อหาเล่าถึงการทำงานและเรื่องราวต่างๆในการดำรงตำแหน่งรองนายกฯในรัฐบาล คสช. นับตั้งแต่หลังวันรัฐประหาร 22 พ.ค.57 คำว่า “เรือแป๊ะ” นายวิษณุเป็นผู้กล่าวครั้งแรกที่บรรยายให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ฟังเมื่อปี 2557 โดยระบุว่า “ประเทศเรามักเรียกว่ารัฐนาวา นายกฯเป็นกัปตัน สำนวนไทยโบราณเปรียบเทียบว่า “ลงเรือแป๊ะตามใจแป๊ะ” คสช.คือแป๊ะ ฉะนั้นจะทำอะไรช่วยชำเลืองดูแป๊ะหน่อย”

ตั้ง “ปกรณ์” เป็นเลขาฯกฤษฎีกา

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ครม.มีมติตั้งอนุมัติรับโอนนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เป็นเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ รองเลขาธิการ ก.พ.ร. เป็นเลขาธิการก.พ.ร. ขณะที่นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และนายกีรติ รัชโน ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เป็นอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ

“เฉลิมชัย” เร่งดันประกันราคายาง

อีกเรื่อง นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า นายกฯมอบหมายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ในวันที่ 4 ต.ค. เพื่อพิจารณาโครงการประกันรายได้ชาวสวนยางตามที่การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เสนอเข้าที่ประชุม ครม. เพื่อให้สามารถจ่ายเงินตามโครงการได้ตามกำหนด โดยระยะที่ 1 จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.62-30 มี.ค.63 จะจ่ายเงินส่วนต่างให้ 2 เดือนต่อ 1 ครั้ง เริ่มจ่ายตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. ผ่านบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) งบฯรวม 24,278,626,534 ล้านบาท ธ.ก.ส.จะสำรองจ่ายไปก่อนและให้ขอรับจัดสรรงบฯในปี 2564 โครงการประกันรายได้ชาวสวนยางจะทำควบคู่กับมาตรการอื่น ได้แก่ การเพิ่มใช้ยางภายในประเทศ ลดพื้นที่ปลูก และการสร้างตลาดกลางยางขึ้นในไทย เมื่อราคายางปรับตัวสูงขึ้นเท่ากับราคาที่ประกันไว้จะหยุดโครงการประกันรายได้ทันที

วางคิวตรวจเยี่ยมกองทัพบก

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม มีกำหนดตรวจเยี่ยมเหล่าทัพ โดยวันที่ 9 ต.ค.จะมาตรวจกองทัพบกเป็นที่แรก และทำพิธีเปิดพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ ที่สืบทอดเจตนารมณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ สมัยที่เป็น ผบ.ทบ. นอกจากนี้ยังสั่งการให้มีการปรับปรุงห้องศูนย์ท่องเที่ยวกองทัพบกให้เป็นศูนย์คอมพิวเตอร์และศูนย์เรียนรู้ E-Lear ning เป็นเซ็นเตอร์หรือศูนย์รวมให้บุตรหลานกำลังพลมีพื้นที่เรียนรู้หลังเลิกเรียน และมารอผู้ปกครองเลิกงานโดยจะเปิดทำการได้ภายในเดือน เม.ย.63 เมื่อถามถึงความคืบหน้าการทำบทความเชิงวิทยานิพนธ์การใช้สื่อสังคมออนไลน์ทางการเมือง พล.อ.อภิรัชต์ตอบว่า ตนจะพูดเรื่องสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นผู้บรรยายเองเพราะเคยอยู่ในพื้นที่มาก่อนเคยกิน เคยนอน ทำงานที่นั่น 1 ปีครึ่ง

สั่งไม่ฟ้อง “ธนาธร” วิจารณ์พลังดูด

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญานัดฟังคำสั่งคดีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายไกลก้อง ไวทยการ นายทะเบียนพรรค และ น.ส.จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ กรรมการบริหารพรรค เป็นผู้ต้องหาความฐานร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาตรา 14 (2) ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 จากกรณีผู้ต้องหาร่วมกันจัดรายการ “คืนวันศุกร์ให้ประชาชน” ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ในเพจอนาคตใหม่-The Future We Want และเพจ Thana thorn Juangroongruangkit วิจารณ์กระแสข่าวกรณีพลังดูดของ คสช. โดยนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความเปิดเผยว่า อธิบดีอัยการสำนักคดีอาญามีความเห็นสั่งไม่ฟ้องในคดีดังกล่าว คดีถือเป็นอันยุติแต่หากตำรวจเห็นแย้งตามขั้นตอนต้องนำความเห็นส่งให้อัยการสูงสุดเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดต่อไป

“ช่อ” วอน ปชช.จับตาอีกหลายคดี

ที่พรรคอนาคตใหม่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษก พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า กรณีอัยการไม่สั่งฟ้องในคดีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมกันจัดรายการคืนวันศุกร์ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์วิจารณ์กระแสข่าวกรณีพลังดูดของ คสช. ไม่แปลกใจที่อัยการมีความเห็นไม่สั่งฟ้องคดีนี้ เพราะเชื่อมั่นว่าเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะรัฐบาลทหารที่ใช้ภาษีประชาชนโดยขาดการตรวจสอบถ่วงดุลจากสภาฯ เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ และพรรคการเมืองยิ่งควรทำในฐานะตัวแทนประชาชน นี่เป็นคดีแรกที่แกนนำพรรคอนาคตใหม่ถูกยกฟ้อง แต่ยังมีอีกหลายคดีขอให้ประชาชนช่วยกันจับตาเพราะการตัดสินใจของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกกระบวนการของคดี จะเป็นบทพิสูจน์ว่ากระบวนการยุติธรรมไทย ปกป้องคุ้มครองประชาชนได้จริงหรือไม่ ปลอดจากการแทรกแซงทางการเมืองจริงหรือไม่