มาตามนัด...
พ้นภัยแล้งพายุพัดผ่านมาจนนํ้าท่วมเจิ่งนองไปหลายจังหวัด ว่าไปแล้วกลายเป็นวัฏจักรที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้
อยู่ที่ว่าจะมีการเตรียมการป้องกันด้วยวิถีทางที่ทำให้เกิดความยั่งยืนก็ด้วยการจัดการปัญหาอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพเท่านั้นที่จะผ่อนปรนปัญหาไปได้
พูดกันมากพูดกันเป็นประจำหลังเกิดเหตุจะทำอย่างนั้นจะทำอย่างนี้ แต่ถึงวันนี้ยังไม่มีอะไรที่งอกเงยขึ้นมาเลย
“ฝุ่นพิษ” ก็เป็นอีกภัยหนึ่งที่มาตามนัดในระยะหลังๆมานี้ ก่อนหน้านี้ที่ภาคใต้ซึ่งได้รับกระทบจากควันไฟที่มาจากต่างประเทศก็พอจะเอาอยู่ในระยะไม่ยาวนัก
ภาคเหนือโดยเฉพาะที่เชียงใหม่ ซึ่งได้รับผลกระทบจากควันไฟปกคลุมไปทั้งเมือง ปีนี้ยังไม่เกิดเหตุแต่ผู้คนในจังหวัดนั้นเริ่มไม่สบายใจเตือนให้ทางการเตรียมรับมือให้ดี
“วันนี้อากาศดี แต่เดี๋ยวมันก็เผา”
แสดงว่าพวกเขารู้ว่าควันไฟกำลังจะมาและชี้เหตุที่มาคือการจุดไฟเผาป่าทำให้เกิดควันพิษเหล่านี้
หลายปีที่ผ่านมารัฐบาลประกาศจะเอาจริงเอาจัง แต่ในทางปฏิบัติไม่ได้ใช้ความเด็ดขาดในการแก้ไขปัญหา
กรุงเทพมหานครเมืองหลวงของประเทศปกติก็มีควันพิษอยู่โดยปกติอยู่แล้ว เพียงแต่ทนเคยชินกันมาด้วยภูมิต้านทานสูง
แต่ปัจจุบันจะเห็นอาการหนักหนามากขึ้นทุกทีปกคลุมไปทั่วกรุง แม้ด้านหนึ่งจะมาจากธรรมชาติที่บอกว่าเนื่องจากความกดอากาศเย็นปกคลุมประเทศไทยทำให้ฝุ่นละอองที่ดำรงอยู่แล้วไม่สามารถพัดผ่านไปได้
หลายพื้นที่ในกรุงเทพฯได้มีการตรวจพบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือพีเอ็ม 2.5 เกินค่ามาตรฐาน หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องได้แต่เตือนประชาชนให้ระมัดระวังด้วยการใช้หน้ากากป้องกัน
เพราะไม่รู้จะทำยังไง จะแก้ไขอะไร ทำได้เพียงแค่นี้
คือช่วยตัวเองกันไปก่อนแบบตายผ่อนส่ง
ก่อนหน้านี้มีการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาจึงต้องนำผลการดำเนินการมาพิจารณาเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง
อาจจะต้องมีมาตรการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มข้น เช่น มาตรการบังคับใช้กฎหมายกับรถสาธารณะ รถขนส่ง ที่ก่อให้เกิดมลพิษ เพื่อให้ทันต่อการแก้ไขปัญหา
ไม่รู้ชาติหน้าตอนบ่ายจะทำได้หรือไม่?
ว่าไปแล้วยังไม่มีความเป็นรูปธรรมหรือมาตรการที่จะแก้ไขกันอย่างจริงจัง มีแต่ปัญหาเฉพาะหน้าไปแต่ละครั้งเท่านั้น
เอาให้ถึงที่สุดปัญหานี้ยังไม่รู้ว่าหน่วยงานไหนเป็นแม่งานจริงๆ เพราะมันเกี่ยวพันกันไปหมด จึงหาคำตอบว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้
แต่เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯถึงกับเจอเข้าไปอีกดอก เพราะเจอแค่ฝุ่นการเมืองเข้าไปก็แทบจะหายใจขัดๆ
มาเจอ “ฝุ่นพิษ” เข้าไปถึงกับเรียกประชุมด่วนทันที
หากปล่อยกันไปอย่างนี้โดยไม่ได้คิดที่จะทำอะไรให้เป็นแก่นสารย่อมทำลายสุขภาพผู้คนหนักเข้าไปทุกวัน
หากรัฐไม่คิดแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน ไม่มีหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรง ไม่มีการลงทุนอย่างเป็นจริงไม่มีมาตรการเด็ดขาดเพื่อจัดการทางกฎหมาย
เรื่องใหญ่ๆอย่างนี้ไม่เคยคิดจะทำกันบ้างหรือ?
“สายล่อฟ้า”