“อนุพงษ์” เผย ปัญหาฝุ่นมีทุกปี ส่วนพื้นที่มีผลกระทบจาก PM2.5 คือ กทม.-ปริมณฑล พร้อมขอความร่วมมือในจังหวัดอื่นๆ ลดการเผาพื้นที่เกษตรกรรมด้วย

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงปัญหาค่าฝุ่นละอองในอากาศที่เกินมาตรฐาน ว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาทุกปีสำหรับประเทศไทย โดยพื้นที่มีฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ซึ่งมีผลกระทบต่อร่างกายประชาชนอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งเมื่อวานนี้ (30 ก.ย. 2562) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการตามแผนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษ มีมาตรการใหญ่ 3 เรื่อง คือ มาตรการเชิงพื้นที่ ให้ทุกคนช่วยกันไม่สร้างมลพิษเพิ่ม เน้นการตรวจแหล่งกำเนิดฝุ่นละออง เช่น พื้นที่ก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรม การตรวจสภาพรถยนต์ดีเซล แต่หากค่าฝุ่นสูงกว่า 51-75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หน่วยงานที่รับผิดชอบต้องมีมาตรการที่เข้มงวดขึ้น ต้องช่วยกันรณรงค์อย่างกว้างขวาง หน่วยงานที่ตรวจตราต้องไปตรวจอย่างเข้มข้นเพื่อไม่ให้เกิดฝุ่นจากแหล่งกำเนิด ทั้งนี้ ปัญหาฝุ่นละอองเป็นเรื่องทั้งในประเทศและนอกประเทศ ประชาชนทั้งประเทศต้องช่วยกันทำตามมาตรการดังกล่าว ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยก็กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดให้ขอความร่วมมือชาวบ้านลดการเผาพื้นที่เกษตรกรรม

ขณะที่ปัญหาค่าฝุ่น PM2.5 ในหลายพื้นที่ขณะนี้ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เผยว่า ถือว่ารัฐบาลได้มีการเตรียมมาตรการไว้แล้ว โดยมีการสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดในการดูแลพื้นที่ ขณะเดียวกันขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการช่วยแก้ไขปัญหานี้ ขณะที่รัฐบาลก็มีมาตรการในการช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการฉีดน้ำบนอากาศการใช้เครื่องบินโปรยน้ำลงมาในการช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการฉีดน้ำบนอากาศ การใช้เครื่องบินโปรยน้ำลงมา และการทำฝนเทียม ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาลงได้

...

นอกจากนี้ นายนิพนธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเดินสายพบปะประชาชนเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เรื่องนี้ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้มีการขัดข้อง ซึ่งในเรื่องนี้ก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาแล้ว และรับฟังเสียงประชาชน จากที่ฝ่ายค้านเดินสาย ก็อยากให้มาพูดคุยกันว่าจะแก้รัฐธรรมนูญในประเด็นใดบ้าง ซึ่งก็จะต้องดูเจตนาว่าในเรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมืองหรือไม่ และเชื่อว่าการที่ฝ่ายค้านเดินสายไม่ได้เป็นการปลุกระดม รวมถึงประชาชนจะแยกแยะเรื่องนี้ได้ ถ้าไม่มีนัยซ่อนเร้น.