“เสธ.อู้” ยัน “ช่วงช่วง” ตาย หากไม่ประมาทไม่เสียค่าปรับ 50 ล้าน เผยไทยจ่าย 10 ล้านต่อปี ค่าตัว “ช่วงช่วง-หลินฮุ่ย” เพื่อคนไทยชื่นชม ย้ำ ไม่จำเป็นต้องขอใหม่ เผย “หลินปิง” ลูก “ช่วงช่วง-หลินฮุ่ย” ได้ลูกแฝดอายุ 2 ขวบ
เมื่อวันที่ 18 ก.ย. พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ประธานกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น วุฒิสภา อดีตประธานคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ฯ กล่าวถึง การตายของหมีแพนด้า “ช่วงช่วง” วัย 19 ปี ว่า ในอดีตสมัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นรองนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2544 เคยมาเยี่ยมองค์การสวนสัตว์และได้ถามว่า อยากได้อะไร ตนก็ได้เสนอขอหมีแพนด้าซึ่งคนไทยให้ความสนใจมาก จากนั้นผ่านไป 2 ปี จนกระทั่งเจรจากับทางการจีนด้วยความเป็นมิตรประเทศ และพล.อ.ชวลิต ขอหมีแพนด้ามาเป็นทูตสันถวไมตรี ย้ำ ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ จนได้หมีแพนด้า 2 ตัว จากศูนย์วิจัยและพัฒนาหมีวูล่อง เมืองเฉินตู ทางเหนือของมณฑลเสฉวน คือ หมีตัวผู้ “ช่วงช่วง” และ “หลินฮุ่ย” ตัวเมีย ซึ่งอายุเพียง 3 ขวบ
โดยเงื่อนไขที่เจรจามีค่าตอบแทนคู่ละ 10 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นราคามิตรภาพเพื่อสนับสนุนโครงการวิจัยและพัฒนาหมีแพนด้าของจีน และเงื่อนไขต่อสัญญา 10 ปีต่อครั้ง ซึ่งไทยเพิ่งต่อสัญญาไปเพียงครั้งเดียวในช่วง ช่วงช่วง-หลินฮุ่ย อายุ 16 ปี ที่ผ่านมา และในช่วงนั้นองค์การสวนสัตว์เชียงใหม่ที่รับผิดชอบดูแลหมีทั้ง 2 ตัว จากปกติมีประชาชนเข้าชมสัตว์ในสวนสัตว์ไม่มาก แต่พอมีหมีแพนด้ามาอยู่ประชาชนจากทั่วประเทศมาเข้าชมจำนวนมากมียอดค่าผ่านประตูปีละ 7-8 แสนคน ทำให้มีรายได้จากตรงนี้
...
สำหรับการตายของช่วงช่วงนั้น พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่าจากที่ติดตามข่าวถ้าตายโดยธรรมชาติ ไม่ได้ปล่อยปละละเลย ไม่ได้ประมาท ถือว่าต่างฝ่ายต่างไม่มีค่าปรับใดๆ แต่ถ้าตายด้วยความประมาทต้องเสียค่าปรับตัวละ 50 ล้านบาท ตามเงื่อนไข แต่ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่าอายุของหมีปกติ 20-25 ปี ก็พอสมควรแล้วถือว่าไม่มากไม่น้อยเกินไป ส่วนการดำเนินการต่อไปขึ้นอยู่กับผู้บริหารองค์การสวนสัตว์ฯจะเชิญผู้เชี่ยวชาญจากจีนมาตรวจสอบสาเหตุการตายก็จะได้รู้สาเหตุที่แท้จริง อย่างไรก็ตามเมื่อเร็วๆ นี้ตนได้เดินทางไปเมืองเฉินตู เพื่อไปดูการเติบโตของ “หลินปิง” ลูกของช่วงช่วง-หลินฮุ่ย ปรากฏว่าอายุ 8 ปี มีลูกแล้วเป็นฝาแฝด ตัวผู้ 1 ตัวตัวเมีย 1 ตัวอายุได้ 2 ขวบซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี
เมื่อถามว่าโอกาสที่ประเทศไทยจะขอแพนด้ามาทดแทนช่วงช่วงที่ตายไปหรือไม่ พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ เพราะการดูแลหมีไม่ง่ายต้องมีค่าใช้จ่ายสูง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ดูแล ค่าไฟฟ้า เพราะต้องเปิดเครื่องปรับอากาศตลอด 24 ชม. กล้องวงจรปิดที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ค่าอาหาร ค่าอาบน้ำและอื่นๆ ล้วนเป็นค้าใช้จ่ายที่สูงพอสมควร ดังนั้นควรจะเลี้ยงหลินฮุ่ยไปก่อนจะดีกว่าจนกว่าจะตาย ซึ่งก็ไม่น่ามีปัญหาว่าหลินฮุ่ยจะเหงาหรือไม่เพราะอยู่ตัวเดียว ซึ่งจริงๆ แล้วช่วงช่วง กับหลินฮุ่ยแยกกรงกันอยู่จึงไม่น่ามีปัญหาขณะนี้หลินฮุ่ยอายุ 18 ปีอยู่ได้อีกนานเต็มที่ก็ไม่น่าเกิน 30 ปี
“ยังไม่น่าจะคิดไปขอมาใหม่ เพราะต้องมีการเจรจาเงื่อนไขต่างๆ ทั้งที่พักหมี ค่าตอบแทนที่อาจเพิ่มมากขึ้น ถ้าเป็นไปได้ถ้าตายแล้วไปค่อยไปเจรจากับจีนใหม่จะดีกว่า อย่างน้อยถือว่าที่เหลืออยู่เป็นความผูกพันที่จีนมีไมตรีกับไทยมาโดยตลอด” พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า
พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า ประเทศไทยได้รับหมีแพนด้าจากจีนเป็นประเทศที่ 5 หลังจากนั้นเป็นประเทศสิงคโปร์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ซึ่งให้ค่าตอบแทนราคาสูงถึง 1 ล้านเหรียญต่อคู่ นับว่าประเทศไทยได้มาในราคาที่ถูกและคุ้มค่ามาก อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางจีนมีโครงการการวิจัยและพัฒนาหมีแพนด้าจากเดิม 200 กว่าตัวเป็น 500 ตัวโอกาสที่รอดมีถึง 80 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมรอดเพียง 30 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องรีบไปเจรจาของมาเลี้ยงใหม่ทดแทนช่วงช่วงแต่อย่างใด