อย่าโทษปี่โทษกลอง...

เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็ไม่จบ มีแต่จะบานปลายกลายเป็นชนวนให้เสียหน้าเสียตาอย่างที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น

คะแนนก็ไม่ได้ เสียฟอร์มหนักเข้าไปอีก

ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะตั้งคำถามกันว่า 5 ปีที่ผ่านมารัฐบาล คสช.ที่รู้ปัญหาดีว่าภัยแล้ง น้ำท่วมนั้นเป็นอย่างไร

เห็นตั้งท่าจะแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนด้วยการตั้งหน่วยงานใหม่เพื่อแก้ไขปัญหานี้คือ บริหารจัดการเรื่องน้ำให้เกิดภาวะสมดุลระหว่าง “คน” กับ “น้ำ”

เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง นายกฯยังเป็นคนหน้าเดิมก็ต้องมาเผชิญกับเรื่องน้ำอีกครั้ง

นั่นเพราะงานด้านนี้ไม่มีอะไรคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมหากเดินหน้าไปอย่างดุ่ยๆอย่างนี้ คือไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

ว่าไปแล้วฝนที่มาจากพายุนั้นปริมาณน้ำย่อมมีจำนวนมาก แค่ดับภัยแล้งได้ก็เป็นบุญ แต่มาเป็นชุดใหญ่น้ำก็เลยท่วมอย่างที่เห็นๆชาวบ้านต่างก็ได้รับความเดือดร้อน

อีกทั้งการกักเก็บน้ำจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหานี้ แต่เนื่องจากพื้นที่เก็บกักมีไม่มากนัก หรือมีก็ตื้นเขินรับน้ำได้ไม่มากพอ

หัวใจเบื้องต้นมันอยู่ตรงนี้!

ยิ่งรัฐบาลปัจจุบันคงประเมินสถานการณ์น้ำต่ำเกินไป หมายความว่า น้ำท่วมคงไม่มากนักเดี๋ยวก็ไหลลงทะเล ลงน้ำโขงไปหมด

ทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองหน่วยต่างๆที่เกี่ยวข้องแม้กระทั่งภาคเอกชน จิตอาสาที่ลงพื้นที่ลุยแก้ปัญหาช่วยเหลือประชาชน

ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างทำ

บรรดา ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล รัฐมนตรี นายกฯเองก็เดินทางไปเช่นกัน พูดไปแล้วก็เหนื่อยกันทุกฝ่าย เพื่อต้องการช่วยเหลือประชาชน

...

ปัญหาที่เห็นก็คือ ด้วยความประมาทของรัฐบาล ด้วยสภาพความเป็นไปและสถานการณ์ที่คงคิดว่า “เอาอยู่” ทำนองนั้น

จึงไม่มีทีมงานเฉพาะกิจ-เพื่อบริหารจัดการปัญหาน้ำท่วมก็เลยขาดการวางแผนที่เป็นระบบ แยกย้ายกันทำงานคุมพื้นที่เป้าหมาย

ด้วยเป้าหมายเดียวกันทั้งหมด

ภาพที่เห็นคือเข้าพื้นที่จริง แต่ไม่ได้วางแผนเป้าหมายแต่ละฝ่ายจึงต่างกันไป ทำให้บางพื้นที่ที่เข้าไม่ถึงประชาชนในพื้นที่นั้นค่อนข้างจะลำบาก หากคุมพื้นที่อย่างมีเป้าหมายก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างทั่วถึง

ที่สำคัญก็คือขาดการประเมินผล?

ยิ่งดาราเก่าอย่าง “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ซึ่งน่าจะเข้าถึงพื้นที่ที่ชาวบ้านเดือดร้อนมากก็เลยเห็นปัญหา ก็เลยเป็นเรื่องขึ้นมา เนื่องจากไม่มีเงินติดตัวกันเลย

จึงควักกระเป๋าตัวเองประเดิม 1 ล้านบาท เพื่อร่วมกันรับบริจาคจากประชาชน ซึ่งคนไทยนั้นจิตใจอย่างนี้เอาไหนเอากันจนเงินบริจาคที่ได้มานั้นมีจำนวนมาก

เงินเหล่านี้จึงถูกลำเลียงเข้าพื้นที่ เพื่อนำไปบริจาคให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเบื้องต้นครอบครัวละ 5,000 บาท

เผอิญที่ว่าระหว่างน้ำท่วมนั้นนายกฯกลับเดินทางไปที่นครศรีธรรมราชและสมุย ก็เลยเป็นเรื่องน้ำท่วมอีสานแต่
กลับไปใต้

อย่าไปโทษว่าเป็นเรื่องการเมืองทั้งหมดมันคงหาใช่ไม่?

“สายล่อฟ้า”