“พิชัย”ถาม“บิ๊กตู่”ไทยเป็นประธานอาซียน ตอบสังคมโลกอย่างไรปม “ธรรมนัส” ชี้ อย่าทำไทยเป็น "บานาน่ารีพับลิก" จะหมดเชื่อถือ จี้ รัฐสืบหา 3 คนเกี่ยวข้องคดี

วันที่ 15 ก.ย. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า ข่าวของนายธรรมนัส ได้กระจายไปทั่วโลกแล้ว โดยสื่อหลักต่างประเทศได้ลงข่าวเพิ่มกันอีก ซึ่งมีทั้ง Washington Post, New York Times และ The Times ของลอนดอน ฯลฯ อีกทั้ง นสพ. The Sydney Morning Herald ก็ยังคงตีข่าวเพิ่มแทบทุกวันตอกย้ำข้อมูล โดยเฉพาะการยืนยันเอกสารจากศาลออสเตรเลีย จึงอยากถามพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอาเซียน จะตอบสังคมโลกอย่างไร

ทั้งนี้ เป็นที่ทราบดีว่า สื่อหลักระดับโลกจะต้องมั่นใจในข้อมูลจึงกล้าเสนอข่าว เพราะถ้าลงข่าวผิดจะถูกฟ้องร้องได้ ไม่ใช่เป็นสื่ออวตารลงมั่วๆ เหมือนที่ถูกกล่าวหา ดังนั้น การที่ปีนี้ประเทศไทยมีโอกาสเป็นประธานอาเซียน ก็น่าจะเป็นโอกาสที่จะทำให้ประเทศไทยได้ฟื้นฟูชื่อเสียงที่สูญเสียไปในช่วงของการปฏิวัติให้กลับคืนมา แต่เรื่องนี้กลับยิ่งทำให้ประเทศไทยเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียงหนักมากขึ้น

โดยไม่อยากให้นานาชาติคิดว่า ไทยได้กลายเป็น บานาน่ารีพับลิก ไปแล้ว ซึ่งชื่อนี้เป็นชื่อที่ใช้ขนานนามประเทศที่ไม่มีหลักการ ไม่มีความมั่นคงทางการเมือง มีการปฏิวัติกันตามใจชอบ ไม่รักษาภาพพจน์ เศรษฐกิจย่ำแย่ มีการเอื้อประโยชน์เฉพาะชนชั้นสูงและชนชั้นปกครอง และมีผู้นำและรัฐมนตรีเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ฯลฯ ซึ่งในอดีต นานาชาติจะใช้ขนามนามหลายประเทศในแถบทวีปอเมริกาใต้ แม้กระทั่งในปัจจุบันประเทศเหล่านี้ก็ยังคงมีปัญหาทางการเมืองและปัญหาทางเศรษฐกิจกันอยู่เลย

แม้ว่าปัจจุบันไทยจะมีการแจกกล้วย (บานาน่า) โดยเปรียบนักการเมืองจากพรรคเล็กเป็นลิงก็ตาม แต่หากประเทศไทยกลายเป็น บานาน่ารีพับลิกในสายตาของชาวโลก ประเทศไทยก็จะหมดความน่าเชื่อถือ และจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่ของไทย

...

ขนาดเรื่องคดีปล่อยกู้แบงก์กรุงไทยของ นาย อุตตม ยังสร้างความเสียหายและทำให้ความเชื่อมั่นของรัฐบาลหดหายมากแล้ว เรื่องนายธรรมนัส จะยิ่งทำให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียหนักยิ่งกว่าเดิมมาก ดังนั้นรัฐบาลจะต้องไม่นิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้กระทั่งเรื่องข้อมูลการจบการศึกษาระดับปริญญาเอก ถ้าไม่ตรงกับความจริงก็ยิ่งจะตอกย้ำความไม่น่าเชื่อถือ และจะเป็นการให้ข้อมูลเท็จกับทางราชการใช่หรือไม่

ทั้งนี้ หากรัฐบาลต้องการยืนยันข้อมูลของคดีที่แท้จริงก็สามารถร้องขอข้อมูลเอกสารตัวจริงจากศาลออสเตรเลียได้โดยตรง และเมื่อได้เอกสารที่แท้จริงแล้ว และหากตรงตามที่สื่อออสเตรเลียเสนอข่าว รัฐบาลก็ควรจะต้องเร่งดำเนินการหาบุคคลอีก 3 คน ที่ชื่อ Wera, Manop, Pisarn ที่ถูกกล่าวถึงว่ามีส่วนร่วมในการกระทำความผิดในคดี และเป็นทหารนอกประจำการ เพื่อนำมาสอบสวนในคดี และอาจจะต้องดำเนินคดีหากมีความผิดตามที่ถูกกล่าวถึงจริง ทั้งนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยเอาจริงเอาจังกับปัญหาการค้ายาเสพติด

"เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังจากเลือกตั้งแล้ว รัฐบาลพลเอกประยุทธ์แทนที่จะนำพาประเทศให้เจริญก้าวหน้า สร้างภาพพจน์ให้เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ กลับมีแต่เรื่องทางด้านลบและมีข้อครหามากมายมาโดยตลอด ภาพพจน์รัฐบาลกลับยิ่งแย่กว่าสมัยที่อยู่ในช่วงปฏิวัติเสียอีก หากเป็นเช่นนี้โอกาสของประเทศไทยที่จะพัฒนาและก้าวหน้าต่อไปก็คงจะลดลงไปเรื่อยๆ และประชาชนก็จะยิ่งลำบากเพิ่มขึ้นไปอีก" นายพิชัย กล่าว...