เดือน กันยายน นี้ มีประเด็นการเมืองต้องรอลุ้นหลายเรื่อง การอภิปรายทั่วไป ของฝ่ายค้านต่อกรณี การถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างไรเสียก็หนีไม่พ้น ก่อนปิดสมัยประชุมสภามีเรื่องที่ ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (6) และมาตรา 98 (15) จากเหตุดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ถือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่ โดย ศาลรัฐธรรมนูญ นัดวินิจฉัยวันที่ 18 ก.ย. เวลา 14.00 น.
เป็นวันเดียวกับ การสิ้นสุดการเปิดสมัยประชุมสภา เงื่อนเวลาตรงนี้ย่อมมีนัยสำคัญบางประการ ขณะเดียวกัน กรณีคำร้องของ กกต. ให้วินิจฉัยสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่จากการถือครองหุ้นสื่อ บริษัทวี-ลัค มีเดีย ที่จะมีการวินิจฉัยต่อจากกรณีของ พล.อ.ประยุทธ์
มีผลต่ออนาคตทางการเมือง
ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ หรือ ธนาธร แม้จะอยู่กันคนละขั้ว แต่มีชะตากรรมที่ไม่แตกต่างกัน ยังมีเรื่องร้องเรียนผ่านองค์กรอิสระให้ ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องวินิจฉัยอีกหลายกระทง อาทิ ให้พรรคกู้เงิน งบประมาณรายจ่ายไม่มีที่มา การถวายสัตย์ปฏิญาณ ลัดขั้นตอนการโหวตเลือกนายกฯ เป็นต้น
ถ้ารอดวิบากกรรมไปได้ก็ต้องถือว่าปาฏิหาริย์มีจริง
และ คำวินิจฉัยของกระบวนการยุติธรรม จะถูกนำมาเป็น บรรทัดฐาน ในการนำไปปฏิบัติต่อไป เช่น ความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จะขาดคุณสมบัติต้องเข้าองค์ประกอบครบทั้ง 4 ข้อหรือไม่ หรือ ไม่ขาดคุณสมบัติ ถ้าเข้าเงื่อนไขเพียง 2-3 ข้อไม่ครบ 4 ข้อ
ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยไว้แล้ว คือ ได้รับการแต่งตั้งหรือเลือกตั้งตามกฎหมาย มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการหรือหน้าที่ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายและปฏิบัติงานประจำ อยู่ในบังคับบัญชาหรือกำกับดูแลของรัฐและมีเงินเดือนค่าจ้างหรือค่าตอบแทนตามกฎหมาย
...
จะมีการนำมาอ้างเป็นธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติ สืบต่อไป
สุดท้ายผลที่จะตามมาจากการวินิจฉัยในครั้งนี้ ต่อตัวบุคคล ต่อพรรคการเมืองจะเป็นการสิ้นสุดของ ครม. ถ้านายกฯถูกชี้ว่าขาดคุณสมบัติ หรือจะเป็นการสิ้นสุดของพรรคอนาคตใหม่ ถ้าหัวหน้าพรรคถูกชี้ว่าขาดคุณสมบัติ
จะเป็นชนวนการเมืองอีกระลอก
เพราะการติดกระดุมผิดเม็ด หรือการเขียนรัฐธรรมนูญล้ำเส้น ก็เป็นอีกเรื่อง แต่การกำหนดเป้าหมายทางการเมือง หรือโรดแม็ป ที่ขัดกับระบอบประชาธิปไตย ผลลัพธ์จะทำลายระบบการเมืองการปกครองย่อยยับ
ไม่ต่างอะไรจากวิกฤติการเมืองเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th