เจอของจริงแล้ว...

หลังจากวิปรัฐบาลได้มีการประชุมวาระสำคัญก็คือข้อเสนอกำหนดวันอภิปรายทั่วไปไม่ลงมติ ที่ 7 พรรคฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติว่าด้วยการถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วน

11 ก.ย. หรือ 12 ก.ย. ปี 62 วันใดวันหนึ่งที่น่าจะเหมาะสมและยืนยันว่าจะเป็นการพิจารณาแบบเปิดเผยไม่เอาประชุมลับ

พูดง่ายๆให้สาธารณชนได้รับรู้กันไปพร้อมๆกัน

ปรากฏเมื่อนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบแล้วผลที่ออกมาคือวันที่ 18 ก.ย.62 เนื่องจากวันอื่นๆนายกฯมีภารกิจแน่นเอี้ยด แม้จะเปิดเอาไว้ว่าพร้อมตั้งแต่วันที่ 16-18 ก.ย.

ปรากฏว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้เป็นวันที่ 18 ก.ย.

อ้างว่าวันอื่นๆนายกฯติดภารกิจและเห็นว่าเป็นวันสุดท้าย โดยให้อภิปรายเพียงวันเดียวและต้องไม่เกินเวลาเที่ยงคืน

เนื่องจากสภาจะปิดสมัยประชุมตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. ครั้งที่ 1 จะสิ้นกำหนดเวลา 120 วัน ในวันที่ 18 ก.ย.

“ชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนฯก็เห็นชอบด้วย

เพียงแต่ยังไม่ได้กำหนดว่าจะเป็นช่วงเช้าหรือบ่ายเท่านั้น โดยให้เวลาเพียงแค่ 1 วัน เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาเพียงพอแล้ว เพราะเป็นเรื่องถามมาก็ตอบไปเท่านั้น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯยืนยันว่า พร้อมจะเข้าสภาเพื่อชี้แจงเรื่องนี้ด้วยตนเองตามเวลาที่กำหนด

เป็นอันว่าที่รอคอยกันมานั้นก็ได้ฤกษ์ที่จะได้เห็นกันในสภาว่าการอภิปรายตอบโต้ชี้แจงผลจะออกมาอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ที่แน่ๆก็คือนายกฯไปแน่ไม่มี “หลบมุม” อย่างที่ฝ่ายค้านปรามาสมาตลอดว่าไม่กล้าเข้าสภาไม่สง่างาม

แต่ติงว่าการอภิปรายจะต้องมีความรับผิดชอบ เนื่องจากเรื่องนี้ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณาอยู่

ข้อสังเกตการที่รัฐบาลยืนยันขออภิปรายแบบเปิดเผยไม่เอาแบบประชุมลับนั้น เพราะเห็นว่าที่ผ่านมามีการประชุมลับของสภาทุกครั้งนั้นแทบจะเรียกว่าไม่ใช่เรื่อง “ลับ” แต่อย่างใด เพราะ ส.ส.ก็เอาออกมาเปิดเผยทุกครั้ง

...

ทว่าเหตุผลสำคัญที่รัฐบาลยืนยันให้ประชุมแบบเปิดเผยแม้จะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ขณะเดียวกันศาลรัฐธรรมนูญก็กำลังพิจารณาอยู่ด้วย

นั่นจึงเป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านจะต้องพึงระมัดระวัง

เพราะหากอภิปรายล้ำเส้น พาดพิงผู้อื่น หรือเกี่ยวพันกับด้านกฎหมายอาจจะมีปัญหาทางด้านกฎหมาย

จะทำให้การอภิปรายยากขึ้นไม่ได้พูดได้อย่างที่ต้องการแน่

เหนืออื่นใดฝ่ายรัฐบาลคงใช้วิธีการชี้แจงเพื่ออธิบายความต่างๆ แต่คงไม่ตอบโต้อะไรมากนัก อ้างว่าไม่สามารถชี้แจงอะไรได้มากนัก

นั่นเท่ากับว่ารัฐบาลคงมีการพิจารณาและเตรียมการเอาไว้เป็นอย่างไรและมั่นใจว่าจะไม่เพลี่ยงพล้ำฝ่ายค้านแน่

ยิ่งการเปิดซักฟอกแบบไม่มีลงมตินั้นก็จบกันไปในตัวอยู่แล้ว

เพราะผลสุดท้ายที่จะจบหรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญว่าจะวินิจฉัยออกมาอย่างไร ซึ่งจะเป็นจุดสิ้นสุดของเรื่อง

แต่ที่แน่ๆก็คือทุกอย่างจะดำเนินการไปตามระบบการเมืองแบบเลือกตั้งที่นำปัญหาต่างๆเข้าถกเถียงกันในเวทีสภา

เป็นครรลองการเมืองอันเป็นแบบอย่างที่ดีทำให้ปัญหาจบลงได้.

“สายล่อฟ้า”