เพื่อไทย ขู่ยื่นไม่ไว้วางใจ หาก “บิ๊กตู่” บิดพลิ้ว จ่อชง ป.ป.ช.ฟันอาญา จงใจเลี่ยง รธน. บี้ รัฐบาลต้องลาออก ถ้าพ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว ผิด รธน.แล้วโดนตีตก
วันที่ 3 ก.ย. ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุมคณะกรรมการพรรคร่วมฝ่ายค้าน หลังการประชุม นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน แถลงว่า จนถึงขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนในการกำหนดวันอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านยังคงรอความชัดเจนจากรัฐบาล และเห็นว่า ไม่ควรนำเรื่องปัญหาของอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่มาเป็นข้ออ้าง เพื่อหลีกเลี่ยงในการไม่มาตอบในสภาฯ แม้ว่าปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ แต่กรณีการถวายสัตย์ฯ เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เพราะส่งผลต่อการบริหารงานของรัฐบาล และทั้งสองเรื่อง สามารถทำควบคู่กันไปได้ ทั้งนี้หากรัฐบาลยังคงละเลย มีท่าทีที่จะหลบหนีการซักฟอกของฝ่ายค้านจะเพิ่มมาตรการ โดยวันที่ 3 ก.ย.จะมีการหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งอาจจะถอนญัตติการปภิปรายไม่ลงมติตาม มาตรา 152 แล้วใช้การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแทน ซึ่งตนจะให้เวลารัฐบาลภายในสัปดาห์นี้ ในการกำหนดวันอภิปราย ทั้งนี้หากจำเป็นต้องยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เชื่อว่าจะสามารถทำได้ทันก่อนปิดสมัยประชุมนี้
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หากรัฐบาลยังคงหลีกเลี่ยงการมาตอบในสภาฯ นอกจากจะดำเนินมาตรการในสภาฯ แล้ว ยังมีมาตรการทางกฎหมายโดยจะใช้ช่องทางของรัฐธรรมนูญ มาตรา 150 วรรค 2 ดำเนินการคดีทางอาญา ที่ทางรัฐบาลมีเจตนาไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ โดยการหลีกเลี่ยงการมาตอบคำถามในสภาฯ โดยจะยื่นเรื่องไปยัง ป.ป.ช. หากเห็นว่า มีมูลจะต้องส่งไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงคดีทางการเมือง
...
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า นอกจากนี้ พรรคฝ่ายค้านจะรวบรวมรายชื่อ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของทั้งหมด เพื่อยื่นเรื่องผ่าน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่า การออก พ.ร.ก แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.ส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว ผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะกรณีที่ดังกล่าวไม่เข้าหลักเกณฑ์การออก พ.ร.ก.ที่ต้องเป็นเรื่องเร่งด่วนกรณีภัยพิบัติ ความมั่นคง เศรษฐกิจ ความปลอดภัย คาดว่า จะรวบรวมรายชื่อได้ภายในวันเดียวกันนี้ ทั้งนี้ เราต้องทำเป็นบรรทัดฐาน จัดระเบียบนิติรัฐนิติธรรมกันใหม่ เมื่อยื่นให้กับประธานสภาไปแล้ว สภาจะต้องชะลอการพิจารณา พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าวออกไปก่อน เพื่อรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หากศาลชี้ว่า ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ จะเข้าสู่การพิจารณาต่อไป แต่หากขัดรัฐธรรมนูญก็ถือว่า พ.ร.ก.ตกไป ซึ่งตามวัฒนธรรมการเมือง หากถูกสภาตีตก รัฐบาลจะรับผิดชอบด้วยการลาออก แต่หากถูกตีตกโดยศาลรัฐธรรมนูญนั้น ยังไม่เคยมี แต่ไม่ว่า พ.ร.ก.จะตกไปในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ หรือสภา ถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล รัฐบาลต้องลาออก ไม่ใช่ยุบสภา