ต่างคนต่างลุ้น
ท่ามกลางแรงกดดันทางการเมืองที่พุ่งเข้าใส่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และมีผลต่อความเป็นไปของรัฐบาลด้วย
เนื่องจากดำรงความเป็นนายกฯและผู้นำรัฐบาล
มีอยู่ 2 ปมที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาว่าจะมีผลวินิจฉัยออกมาในลักษณะใด
ปมที่ 1 คือเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าด้วยความเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ หากชี้ว่าผิด พล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องออกจากตำแหน่ง
ผลตามมาอีกคือ ครม.จะต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วยทั้งคณะ
ปมที่ 2 ซึ่งกำลังเกรียวกราวกันมากในทางการเมือง คือเรื่องการถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วนที่ผ่านขั้นตอนการต่อสู้กันทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง
กระทั่งผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าน่าจะเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญและมีผลต่อการจำกัดสิทธิเสรีภาพของรัฐประชาชน
หากชี้ผลออกมาว่าผิด ผลก็จะไม่ต่างไปจากปมที่ 1
ว่าไปแล้วเดิมพันของ พล.อ.ประยุทธ์น่าจะมีสูงกว่านักการเมืองคนอื่นๆที่กำลังถูกสอบความผิดในการถูกร้องและศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณา
เพราะเป็นเรื่องเฉพาะตัวโทษความผิดจึงหมายถึงเฉพาะตัวเท่านั้น แต่อาจจะมีบางเคสนอกจากที่ถูกลงโทษในความผิดทางการเมืองแต่อาจจะถูกคดีอาญาด้วย
หนักไปกว่านั้นก็คืออาจจะถูก “ยุบพรรค” ได้
ทว่าผลที่จะตามมาของ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะนายกฯนั้นไม่ใช่แค่เรื่องเฉพาะตัวเท่านั้น แต่พ่วงไปถึงรัฐบาลต้อง “ล้ม” ไปโดยปริยาย
นั่นแหละ...จะทำให้การเมืองต้องเปลี่ยนสำรับใหม่ในทันที
พรรคฝ่ายค้าน 7 พรรคนั้นน่าจะมีเป้าหมายตรงกันเพื่อ“ล้มรัฐบาล” จากเงื่อนไขที่น่าจะพูดได้ว่ามาจาก “ส้มหล่น” หรือ “ลูกเข้าตีน”...ว่างั้นเถอะ
เพราะไม่ได้คาดการณ์มาก่อนว่าจะเกิดเงื่อนไขนี้ขึ้นมาและรวดเร็วจนแทบจะตั้งตัวไม่ทัน ทั้งๆที่มุ่งไปสู่ประเด็นอื่นๆ มากกว่าที่จะทำให้รัฐบาลล้มครืนลงไป
...
ทว่าในความเป็นไปทางการเมืองนั้นหาใช่ว่ามีแต่ พล.อ.ประยุทธ์ฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น แต่นักการเมืองฝ่ายค้านก็อยู่ในภาวะที่ต้อง “ลุ้น” ไม่ต่างกัน
คดีถือ “หุ้นสื่อ” ที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่นั้นดูแล้วว่าหนักหนาสากรรจ์ไม่น้อย โดยมีประเด็นสำคัญที่จะต้องวินิจฉัยผิด-ถูก
คือโอนหุ้นก่อนลงสมัครเลือกตั้งหรือหลังวันสมัคร
โทษความผิดใน พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. หากมีความผิดจริงคือต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับ 2 หมื่น-2 แสนบาท ให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี
ในประเด็นโอนหุ้นหลังการเลือกตั้งนั้นถือว่าเป็นเรื่องคดีอาญาโดยตรง เพราะเท่ากับว่าแก้เอกสารสำคัญ
อีกเรื่องคือการโอนทรัพย์สิน 5,000 ล้านบาท และการปล่อยเงินกู้ให้พรรคอนาคตใหม่ จากหัวหน้าพรรคคือนายธนาธร
พิจารณาจากเรื่องที่ถูกร้องเรียนทั้ง 2 คน คือ พล.อ.ประยุทธ์ และนายธนาธรนั้นถือว่าสำคัญไม่ต่างกันเท่าใดนัก และมีผลทางการเมืองโดยตรง
ฝ่ายหนึ่งมีผลต่อความคงอยู่ของรัฐบาล แต่อีกฝ่ายหนึ่งหมายถึงความผิดเฉพาะตัว ทั้งต้องพ้นจาก ส.ส.เว้นวรรคการเมือง คดีอาญาและอาจถึงขั้น “ยุบพรรค” ได้ หากมีความผิดจริง
ที่แน่ๆก็คือจะมีผลต่อความเป็นไปทางการเมืองของประเทศด้วย.
“สายล่อฟ้า”