3 ส.ส.ฝ่ายค้าน ลุยตรวจสอบป่าเขาตะเกียบ พบร้านซีฟู้ดชื่อดังบุกรุก สร้างถนนลูกรัง หวั่นทำระบบนิเวศเสียหาย ด้าน “มงคลกิตติ์” จี้ กรมป่าไม้ทบทวนเลิกสัญญาเช่าภายใน 7 วัน
วันที่ 2 ก.ย. นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศิวิไลซ์ พร้อมด้วยนายนิรามาน สุไลมาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ นายพรเทพ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ส.ส.ประจวบฯ เขต 2 พรรคเพื่อไทยและคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบชายเขาติดชายทะเลบริเวณร้านอาหารซีฟู้ดชื่อดัง บริเวณเชิงเขาวัดเขาตะเกียบ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังมีชาวบ้านร้องเรียนว่า มีการใช้เครื่องจักรกลหนักขุดถนน ถมดินลูกรัง สร้างเส้นทางจากร้านอาหารไปจุดชมวิวด้านพระยืนริมหาดหัวหิน ยาวกว่า 100 เมตร เกรงจะกระทบกับสภาพสิ่งแวดล้อมภูมิทัศน์ที่สวยงามของเขาตะเกียบ
โดยพบว่า มีบริษัทเอกชนรายหนึ่งเช่าใช้พื้นที่ดังกล่าวจากกรมป่าไม้ จำนวน 32 ไร่เศษ ได้รับอนุญาตเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560 จนถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 ทั้งนี้ มี น.ส.บุษบา โชคสุชาติ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นายพิษณุ กล้าขาย สมาชิก อบจ.ประจวบฯ เขต อ.หัวหิน ฝ่ายปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้ข้อมูล พร้อมกันนี้ นายชีพ สุกสี ส.ท.หัวหิน เป็นตัวแทนชาวชุมชนเขาตะเกียบยื่นหนังสือคัดค้านการบุกรุกพื้นที่เขาตะเกียบให้ นายมงคลกิตติ์ ท่ามกลางชาวบ้านยืนถือป้ายประท้วงคัดค้านอยู่หลายคน
...
จากนั้น นายพรเทพ และนายนิรามาน ได้เชิญผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ประกอบด้วยปลัดอำเภอหัวหิน ตัวแทนประชาชน 5 คน ร่วมประชุมหารือกับตัวแทนผู้ประกอบการร้านอาหารชื่อดัง ภายในอาคารร้านอาหารในพื้นที่เช่ากรมป่าไม้
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ได้หารือกับผู้บริหารกรมป่าไม้ทราบว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบว่า จะยกเลิกสัญญาเช่าหรือไม่ภายใน 7 วัน หากยกเลิกสัญญาเช่า ผู้ครอบครองจะกลายเป็นผู้บุกรุกพื้นที่ป่าทันที นอกจากนั้นพบว่า ในพื้นที่มีการโยกย้ายหินเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติของป่าเขาตะเกียบเชื่อว่า กรมป่าไม้ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ที่สำคัญเขาตะเกียบมีลิงแสมอาศัยอยู่กว่า 3,000 ตัว หากกรมป่าไม้ดำเนินการล่าช้าก็อาจจะถูกฟ้องร้อง โดนดำเนินคดีเสียเอง
ด้านนายพรเทพ กล่าวว่า ได้ตรวจสอบรายละเอียดการเช่าพื้นที่จากกรมป่าไม้ ขณะที่ผู้ประกอบการร้าดังกล่าว ยืนยันว่า เช่าใช้พื้นที่ 3 ปี ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด สำหรับการใช้อาคารโดยไม่ได้อนุญาตจากเทศบาลเมืองหัวหิน เจ้าของร้านอ้างว่า เดิมมีอาคารเดิมอยู่แล้ว ก่อนเช่าใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ ต่อมาผู้ประกอบการได้เช่าช่วงใช้อาคารดังกล่าว เป็นรุ่นที่ 3 แต่ไม่ได้แจ้งรายละเอียดให้ทราบว่า เช่าใช้อาคารร้านลาแมจากบุคคลใด หรือทราบว่า มีการขออนุญาตถูกต้องหรือไม่ ทั้งนี้หลังจากครบ 7 วัน ที่ชาวบ้านยื่นข้อเสนอขอให้ฝ่ายปกครองอำเภอหัวหิน นัดตัวแทนกรมป่าไม้ เทศบาลเมืองหัวหิน ผู้ประกอบการร้านอาหารดังกล่าว และตัวแทนประชาชน หารือกันอีกครั้ง โดยให้ฝ่ายปกครองอำเภอ หาสถานที่ประชุมในหน่วยงานราชการ
ขณะที่นายธนนท์ พรรพีภาส นายอำเภอหัวหิน กล่าวว่า กรณีที่ก่อนหน้านี้เทศบาลเมืองหัวหินแจ้งดำเนินคดีกับผู้ครอบครองอาคาร ที่อ้างว่า เช่าโรงทานจากวัดเขาตะเกียบในข้อหาก่อสร้างอาคารโดยไม่รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร 2522 ต่อมาศาลมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2559 สั่งลงโทษปรับจำเลย ส่วนข้อหาจำคุกรอลงอาญา 1 ปี เพราะจำเลยรับสารภาพ และคำสั่งศาลให้คนงานและบริวารออกจากพื้นที่ แต่ปัจจุบันทราบว่า ผู้ประกอบการยังไม่ยื่นขออนุญาตใช้อาคาร จากการหารือกับผู้พิพากษา ยืนยันคดีนี้ถือเป็นคำพิพากษาศาลฎีกาแล้ว เทศบาลเมืองหัวหิน สามารถสั่งบังคับคดีได้ทันที แม้ว่าคำพิพากษาจะไม่ระบุว่าให้เทศบาลรื้อถอนอาคาร แต่กรณีนี้ถือเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ล่าสุดได้แจ้งให้ปลัดเทศบาลและนิติกร หารือแนวทางกับพนักงานอัยการ เพื่อขอความเห็นในการบังคับใช้กฎหมาย.