เรื่องของพรรคข้างบ้าน...

ว่าไปแล้วทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งมีที่ทำการพรรคอยู่เคียงข้างกัน และเป็น 2 ใน 7 พรรคเป็นแนวร่วมฝ่ายค้าน

ด้านหนึ่งถือว่าทั้ง 2 พรรคนั้นถือเป็นแกนสำคัญที่มีบทบาททางการเมืองอย่างเป็นรูปธรรมในการต่อกรกับฝ่ายรัฐบาล

อีกด้านหนึ่งก็เป็นคู่แข่งทางการเมืองในอนาคตข้างหน้า เพราะฝ่ายผู้นำของพรรคมีแนวคิดไม่ต่างกัน

มุ่งไปสู่อำนาจทางการเมืองคือเป็นนายกรัฐมนตรี

ที่ว่าอย่างนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดาของนักการเมืองและพรรค การเมืองที่ต้องการเป็นรัฐบาลเพื่อที่จะเข้าไปดำเนินการเพื่อตอบสนองนโยบายและแนวคิดทางการเมืองของแต่ละฝ่าย

“อนาคตใหม่” แม้จะเป็นพรรคการเมืองใหม่แกะกล่องและสามารถทะยานตัวไปสู่พรรคการเมืองลำดับ 2 มี ส.ส. 81 เสียง

ต้องถือว่าไม่ธรรมดา ยิ่งมี “คนรุ่นใหม่” สนับสนุนก็ยิ่งพอมองเห็นอนาคตได้ เพียงแต่จะรักษาความนิยมไปได้ไกลแค่ไหนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ที่สำคัญแนวทางการเมืองนั้นมุ่งไปสู่การนำประเทศไปสู่โครงสร้างใหม่อย่างที่มีการถ่ายทอดมาตลอด

เฉพาะหน้าก็คือจับหมุดประชาธิปไตยเป็น “ธงนำ” พร้อมกับการต่อต้านเผด็จการ คสช.การสืบทอดอำนาจและไม่นิยมชมชอบทหารอย่างตรงไปตรงมา

ด้วยความพร้อมทั้งเงินและบุคลากร (รุ่นใหม่) ที่ว่าไปแล้ว

ที่มีบทบาทจริงๆนั้น เข้าลักษณะคนหนุ่มไฟแรง มีอุดมการณ์ มีความรู้ ความสามารถ แม้จะด้อยประสบการณ์ไปบ้าง

แต่ด้วยความด้อยประสบการณ์การเมืองในสนามจริงภายใต้การปกครองประชาธิปไตยมาจากการเลือกตั้ง

มองโครงสร้างการเมืองด้วยยึดมั่นถือมั่นว่าจะต้องดำเนินการไปตามที่พวกเข้าคิดว่าถูกต้อง ไม่มีทางอื่นที่จะแก้ไขได้

ลืมความรู้สึกนึกคิดของประชาชนในประเทศอย่างไร้เดียงสาในบางเรื่องบางประเด็นจนทำให้บกพร่องในการสร้างความนิยม

...

แต่คงจะเข้าใจถึงประเด็นนี้จึงพยายามลดโทนลงไปบ้าง

“เพื่อไทย” เป็นอีกพรรคหนึ่งที่ต่อท่ออำนาจมาจากไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาเพื่อไทย ผ่านการเป็นรัฐบาล มีนายกฯต่อเนื่องมาหลายคนเช่นกัน

พูดง่ายๆว่าผูกขาดการเป็นรัฐบาลโดยมี “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นหัวเรือใหญ่

ความพ่ายแพ้ทางการเมืองในการเลือกตั้งที่ผ่านมาทำให้ต้องตกที่นั่งไปเป็นฝ่ายค้านทำให้เสียเครดิตทางการเมืองไปด้วยความช้ำใจ

อีกทั้งปัญหาภายในพรรคที่ยังไม่ลงตัวทำให้ขาดผู้นำที่จะนำทัพอย่างเป็นเอกภาพ แม้วันนี้จะมีนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ จะเป็นหัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้าน

แต่ภายในพรรคล้วนรู้กันดีว่าคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคน่าจะมีบทบาทต่อการเป็นผู้นำพรรคโดยปริยาย

“อุดมการณ์การเมือง” นั้นก็แค่เอาชนะรัฐบาลชุดนี้ให้ได้เท่านั้น

ต่างกับ “อนาคตใหม่” ในเรื่องโครงสร้างประเทศอย่างชัดเจน

เรื่องระหองระแหงของ 2 พรรคนี้ก็เพราะดาวสภาฝ่ายเพื่อไทยไปชี้ช่องเรื่อง “ยุบพรรค” อนาคตใหม่โยงไปถึงการยุบเลิกพรรคประชาชนปฏิรูปที่ละเอียดอ่อนพอสมควร

ว่าโดยสรุปแล้วเมื่อแต่ละพรรควางเป้าหมายการเมืองไม่ต่างกัน

พรรคข้างบ้านจึงไม่สามารถที่จะเป็นเนื้อแท้ในครอบครัวเดียวกันได้.

“สายล่อฟ้า”