รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ประกาศใช้มา 2 ปีกว่า ฝ่ายการเมืองติดตามและประเมินผลการบังคับใช้ เสนอปรับปรุงแก้ไข หนึ่งในนั้นคือระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นระบบที่ไม่ชอบธรรมและสร้างปัญหาต่อระบบการเมือง

ยิ่งเกิดปรากฏการณ์ “ไพบูลย์โมเดล” นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนปฏิรูป เสนอขอยุบเลิกพรรคต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ กกต.เห็นชอบตามนั้น

ก็มีคำถามที่ยังไม่มีคำตอบชัดเจนตามมามากมาย อาทิ จะพ้นจากสมาชิกภาพหรือไม่ ถ้าไม่พ้นต้องหาพรรคใหม่สังกัดภายใน 60 วัน คะแนนปาร์ตี้ลิสต์จะคิดอย่างไร ลำดับบัญชีรายชื่อจะต่อท้ายพรรคที่สังกัดใหม่ได้หรือไม่

ติดตามมุมมองอดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) นายอมร วาณิชวิวัฒน์ บอกว่า หลังรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ ก็ถูกฝ่ายการเมืองและนักวิชาการวิพากษ์วิจารณ์มาโดยตลอด

ล่าสุดกรณีบัตรเลือกตั้งทุกคะแนนไม่ตกน้ำ ทำไมต้องเฉลี่ยคะแนนปาร์ตี้ลิสต์พรรคเล็ก

เรื่องนี้มีที่มาที่ไป กรธ.ไม่มีโอกาสอธิบายให้สังคมได้เข้าใจ

ในฐานะที่ผมมีบทบาทเกี่ยวข้องกับร่างรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ตั้งแต่สมัยสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จนถึงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันพบว่า ปัญหาส่วนใหญ่คือความไม่เข้าใจในเจตนารมณ์กติกาใหม่

ถ้าหนังสือเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญทำเสร็จและเผยแพร่เมื่อไหร่ เชื่อว่าใครได้อ่านรัฐธรรมนูญประกอบกับอ่านเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ คงเห็นภาพชัดเจนในแต่ละกรณี

หลายเรื่องไม่มีเจตนามุ่งมั่นทำลายหรือส่งเสริมใครเป็นกรณีพิเศษ

เหมือนกรณีคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ พรรคอนาคตใหม่ก็ได้ประโยชน์เต็มที่

พอเลือกตั้งซ่อมเขต 8 จ.เชียงใหม่ พรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชาชนก็ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มขึ้น

...

ย้ำให้เห็นภาพว่าเป็นไปตามเจตนารมณ์กติกาที่วางไว้ ไม่ได้ส่งเสริมหรือทำลายใครเป็นพิเศษ

รัฐธรรมนูญดีไซน์มาเพื่อปฏิรูปประเทศ พอการเลือกตั้งครั้งแรกผ่านพ้นไป กรธ.พอใจกับผลงานที่ออกมาแค่ไหน นายอมร บอกว่า กรธ.มั่นใจทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนและบ้านเมือง

วันนี้กลไกตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งยังถูกใช้ไม่ครบ 100 เปอร์เซ็นต์

พอผลที่ออกมามีพรรคเล็กเยอะ ส่วนตัวก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่เมื่อเป็นไปตามกติกาและตามเจตนารมณ์ ที่ต้องการให้พรรคการเมืองดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายพรรคการเมือง เพื่อให้เป็นพรรคของประชาชนจริงๆ ไม่ใช่พรรคของคนใดคนหนึ่ง

แต่พรรคประชาชนปฏิรูปคงไปต่อไม่ได้ สุ่มเสี่ยงทำผิดเงื่อนไขตามกฎหมาย หากไม่หยุดทำกิจการ มีโอกาสถูกยุบพรรคโดยศาลรัฐธรรมนูญ อาจเจอโทษหนัก เช่น ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ปิดฉากอนาคตการเมือง

ทำไมนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามตั้งข้อสังเกตว่ามีการสร้างโมเดลพรรคเล็กไปควบรวมพรรคพลังประชารัฐ เพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ต่างกับสมัยหนึ่งที่เกิดการควบรวมพรรคจนถูกเรียกว่าเผด็จการรัฐสภา นายอมร บอกว่า กรณีนี้คงติดเงื่อนไขกฎหมายพรรคการเมืองมากกว่า

อาทิ ต้องหาสมาชิกเพิ่มให้ครบ 5 พันคนภายใน 1 ปีและ 1 หมื่นคนภายใน 4 ปี สมาชิกแต่ละคนต้องจ่ายค่าบำรุงพรรคไม่น้อยกว่า 100 บาทต่อปี หรือจ่ายค่าบำรุงพรรคแบบตลอดชีพ ไม่น้อยกว่า 2 พันบาท คุณสมบัติทั่วไปและคุณสมบัติต้องห้ามของสมาชิกพรรคการเมืองยังกำหนดไว้ละเอียดยิบ

ไม่คิดว่าเป็นการเลี่ยงบาลีโดยอ้างเหตุผลเหล่านี้ เพื่อเปิดประตูย้ายพรรค

ถ้าย้ายในลักษณะนี้บอกว่าเป็นการควบรวมพรรคก็ไม่ได้ เพราะอยู่ในช่วงอายุของสภาผู้แทนราษฎร ห้ามควบรวมพรรคการเมืองที่มีสมาชิกเป็น ส.ส.

หากควบรวมต้องรวมกันเพื่อจัดตั้งเป็นพรรคการเมืองใหม่ โดยขอความเห็นชอบที่ประชุมใหญ่ของแต่ละพรรคการเมืองก่อน แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเชื่อมั่นมีทางออก กลไกตามรัฐธรรมนูญไม่มีทางตัน

คล้ายกรณีนายกรัฐมนตรีนำคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ไม่ครบด้วยถ้อยคำตามรัฐธรรมนูญ ก็มีทางออกตามกลไกรัฐธรรมนูญ

แต่ถึงอย่างไรกรณีนายไพบูลย์ก็สุ่มเสี่ยงต่อตัวเอง สมมติไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐตามที่ต้องการ แม้กฎหมายคุ้มครองสถานะ ส.ส.อยู่และคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ก็ติดตัวไปด้วย แต่ไปแทรกลำดับปาร์ตี้ลิสต์ไม่ได้

ในระหว่างนั้นภายใน 1 ปีนับแต่มีการเลือกตั้ง หากเขตใดเขตหนึ่งมีการเลือกตั้งซ่อม ต้องคิดคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ใหม่ทั้งประเทศและหารด้วยจำนวน ส.ส.350 คน ผลออกมาถึงได้จำนวน ส.ส.พึงมี

เหมือนเลือกตั้งซ่อมเขต 8 จ.เชียงใหม่ พรรคใหญ่จึงได้เปรียบและคะแนนปาร์ตี้ลิสต์มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ทุกพรรค โดยเฉพาะพรรคเล็กได้ ส.ส.จากคะแนนคาบลูกคาบดอก ย่อมสุ่มเสี่ยงไม่ได้ ส.ส.

ถ้าถามว่ามันเป็นธรรมหรือไม่ ก็บอกไม่ได้ แต่เป็นไปตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ

กรณี “ไพบูลย์โมเดล” จะแทรกลำดับบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐหรือต่อลำดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อพลังประชารัฐคนสุดท้าย นายอมรบอกว่า เรื่องนี้ตอบไม่ได้

ความเห็นส่วนตัวคะแนนทั้งหมดที่พรรคประชาชนปฏิรูปได้ย่อมติดตัวนายไพบูลย์ไป เพราะไม่ได้เป็นคะแนนของพรรคพลังประชารัฐ หากมีการเลือกตั้งซ่อมเขตใดเขตหนึ่งภายใน 1 ปีนับจากวันเลือกตั้งใหญ่

เมื่อคำนวณคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ใหม่ นายไพบูลย์ย่อมมีโอกาสหลุด ส.ส.ได้ เพราะยังคิดจากฐานคะแนนพรรคประชาชนปฏิรูป

โมเดลนี้ถูกฝ่ายการเมืองดักคอว่านำร่อง เพื่อควบรวมพรรคเล็กๆ เข้าพรรคพลังประชารัฐ ส่อขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญอย่างไร นายอมร บอกว่า กติกาใหม่เอื้อให้ยุบพรรคในลักษณะนี้ได้

เพราะ กกต.เชื่อในเหตุผลพรรคนี้ไม่สามารถเดินต่อไปได้ เหมือนล้มละลายทางธุรกิจ จึงอนุญาตให้ยุบพรรค และมันก็เป็นไปได้ที่อาจเป็นโมเดลให้พรรคการเมืองอื่นไหลตาม ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้ง 2 ขั้วทางการเมือง

โดยเฉพาะพรรคเล็กที่สนับสนุนรัฐบาล หากมองโดยสถานะปฏิบัติตามกฎหมาย หากไม่เสนอขอยุบเลิกพรรคต่อ กกต. น่าจะล้มละลาย แต่เขาคงไม่ปล่อยให้เลยเถิดถึงขั้น กกต.พิสูจน์แล้วสั่งให้ยุบพรรค เพราะกรรมการบริหารพรรคจะมีความผิดตามกฎหมาย กระทบต่ออนาคตทางการเมือง

ในช่องทางการสื่อสารภายในกลุ่ม กรธ. ได้สนทนาธรรมในประเด็นนี้แค่ไหน นายอมร บอกว่า ไม่ได้นัดรับประทานอาหารกัน 2-3 เดือนแล้ว ปกติเจอกันทุกเดือนก็หยิบยกประเด็นร้อนๆมาหารือกัน

ในฐานะนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธาน กรธ.ก็จะให้แนวทาง ให้ความรู้ว่าอะไรทำไม่ได้มากกว่า

พรรคอนาคตใหม่มีหลายคดีที่อาจถูกยุบพรรคได้ สมมติถูกยุบก่อนวันที่ 24 มี.ค.63 จริงจะเกิดอะไรขึ้นกับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายอมร บอกว่า ส่วนตัวเห็นว่าถ้ายึดตาม “ไพบูลย์โมเดล” คะแนนย่อมติดตัว ส.ส.บัญชีรายชื่อไป และ ส.ส.ต้องหาสังกัดใหม่ภายใน 30 วัน

แต่ผมมองว่าศาลรัฐธรรมนูญอาจชี้ชัดถึงขั้นเป็นไปตามทฤษฎีผลไม้พิษ

เมื่อความผิดเกิดจากหัวหน้าพรรค ส.ส.ในพรรคก็ต้องพ้นสมาชิกภาพทั้งหมด ผลออกมาตามนี้ก็สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้

ในระหว่างที่ยังไม่ถึง 1 ปีของการเลือกตั้ง มีการเลือกตั้งซ่อมในเขตใดเขตหนึ่งอีก ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเล็ก ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเล็กที่ย้ายไปสังกัดพรรคใหม่แล้ว และ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคใหญ่ลำดับท้ายๆ มีโอกาสพ้นสมาชิกภาพ ส.ส. เพราะต้องคิดคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ใหม่ทั้งประเทศและหารด้วยจำนวน ส.ส.350 คน ผลออกมาถึงได้จำนวน ส.ส.พึงมี นายอมร บอกว่า ถูกต้อง ส่วนใหญ่จะกระทบต่อพรรคเล็กและพรรคใหญ่ลอยตัว

กรธ.สะท้อนเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญผ่าทางตันได้ทุกเรื่อง แต่ทำไมพรรคการเมืองเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ นายอมร บอกว่า ก็เป็นสิทธิ์ของนักการเมือง

การแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกออกแบบให้รัฐสภาต้องสมานฉันท์ ได้เสียง ส.ว. ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลสนับสนุนตามที่กฎหมายกำหนด ในโลกของความเป็นจริงมันไม่ง่ายที่จะแก้ไข

วันนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะแก้ไข เพราะ รัฐธรรมนูญยังไม่มีข้อบกพร่อง แค่มีผลกระทบต่อนักการเมือง

และ กรธ.รู้อยู่แล้วว่าหลังเลือกตั้งสิ่งแรกนักการเมืองมีธงทำ คือ การแก้รัฐธรรมนูญ

กรธ.ก็วางมาตรการให้แก้ไขได้ยาก แต่ไม่มีเจตนาห้ามแก้

เพราะเชื่อมั่นกลไกรัฐธรรมนูญผ่าทางตันได้ทุกเรื่อง.

ทีมการเมือง