“เฉลิมชัย” สั่งการกรมชลประทานเร่งสูบน้ำช่วยเหลือเกษตรกร-ประชาชนใน 19 จังหวัด หลังฝนตกหนักน้ำท่วมจากพายุโพดุล จี้ สำรวจความเสียหายเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ

วันที่ 1 กันยายน 2562 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมชลประทานเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขังทั้งในพื้นที่เกษตร พื้นที่ชุมชน และพื้นที่เศรษฐกิจ ซึ่งได้รับรายงานจากอธิบดีกรมชลประทาน ว่า ขณะนี้มีพื้นที่ประสบอุทกภัย 19 จังหวัด คือ จ.แพร่ พิจิตร น่าน พิษณุโลก อุตรดิตถ์ ยโสธร ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม อุดรธานี อุบลราชธานี อำนาจเจริญ มุกดาหาร สกลนคร สระแก้ว ชุมพร และระนอง โดยเข้าสู่สถานการณ์ปกติแล้ว คือ จ.นครราชสีมา อีกทั้งมีการคงระดมเครื่องจักร-เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ รถขุด พร้อมเจ้าหน้าที่จำนวนมากเข้าไปคลี่คลายปัญหาโดยเร่งด่วน และจากการพยากรณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาที่คาดการณ์ว่าภาวะฝนตกหนักจากพายุโพดุล จะเกิดขึ้นถึงวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว ภาวะน้ำท่วมจะดีขึ้น

นอกจากนี้ ยังสั่งการกรมส่งเสริมการเกษตรให้เตรียมเข้าสำรวจความเสียหายพื้นที่การเกษตรทันทีหลังน้ำลด โดยอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรรายงานว่า มอบหมายให้เกษตรจังหวัดทุกจังหวัดเตรียมพร้อมรับมือผลกระทบจากพายุโพดุล โดยเฉพาะพื้นที่ได้รับผลกระทบ 44 จังหวัดทั่วประเทศ โดยเกษตรอำเภอและเกษตรจังหวัดออกเตือนพี่น้องเกษตรกรแล้ว และกำชับให้รายงานผลสำรวจให้กรมส่งเสริมการเกษตรทราบทุกวัน พร้อมเตรียมให้ผลิตชีวภัณฑ์ เช่น ไตรโคเดอร์มา เพื่อเตรียมแจกจ่ายช่วยเหลือเกษตรกรหลังน้ำลดทันที หลังน้ำลดสารชีวภัณฑ์จะสามารถช่วยลดผลกระทบจากโรคพืชที่มากับน้ำได้ 
 
ส่วนมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ หากผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศเขตพื้นที่ภัยพิบัติ พี่น้องเกษตรกรจะต้องยื่นแบบความจำนงขอรับการช่วยเหลือ (กษ.01) โดยให้ผู้นำท้องถิ่นเซ็นรับรองข้อเท็จจริง ก่อนจะมีการตรวจสอบทะเบียนเกษตรกร และพื้นที่ความเสียหายทางการเกษตรจริงเพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามขั้นตอน ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรยึดหลักปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2556 โดยเกษตรกรต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรไว้ก่อนเกิดภัย ในส่วนของการจ่ายเงินช่วยเหลือตามจำนวนพื้นที่จริงที่ได้รับความเสียหาย รายละไม่เกิน 30 ไร่ ซึ่งกำหนดให้นาข้าวได้รับอัตราไร่ละ 1,113 บาท พืชไร่ได้รับอัตราไร่ละ 1,148 บาท และพืชสวนและอื่นๆ ได้รับอัตราไร่ละ 1,690 บาท 
 
อย่างไรก็ตาม นายเฉลิมชัย กล่าวอีกว่า ส่วนตัวได้กำชับกรมชลประทานให้เร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่เกษตรโดยเร็วที่สุด เนื่องจากหากน้ำท่วมขังไม่นานอาจไม่ส่งผลกระทบต่อพืชผล แต่หากกรมส่งเสริมการเกษตรสำรวจแล้วพบว่าพืชผลของเกษตรกรที่กำลังจะเก็บเกี่ยวผลผลิตเสียหาย นอกจากจะได้รับเงินช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังแล้ว กระทรวงเกษตรฯ จะพิจารณามาตรการช่วยเหลืออื่นๆ ตามความเหมาะสม เช่น สนับสนุนปัจจัยการผลิตสำหรับฤดูกาลเพาะปลูกต่อไป รวมถึงประสานกับกระทรวงพาณิชย์หาตลาดจำหน่ายผลผลิตให้ ตามนโยบายการตลาดนำการเกษตร เพื่อสร้างความมั่นใจแก่เกษตรกรว่าขายผลผลิตได้แน่นอน และมีรายได้อย่างต่อเนื่อง.

...

(ภาพจากเฟซบุ๊ก ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน)