หลังกุมอำนาจบริหารบ้านเมืองมาแล้ว 5 ปี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพิ่งเกิด ดวงตาเห็นธรรม
มองเห็นความจริงว่านโยบายแก้ปัญหาความยากจนที่ทะลุ่มทะลุยทำมา 5 ปี เป็นการแก้ปัญหา “ผิดฝาผิดตัว”
ทำให้คนยากจนเพิ่มจาก 8 ล้านคน กลายเป็น 14.6 ล้านคน
นายกฯลุงตู่ จึงสั่งผ่าตัดใหญ่นโยบายแก้จนของรัฐบาลที่ “ผิดฝาผิดตัว” ให้ “ถูกฝาถูกตัว” ให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ ให้ตอบสนองความต้องการของประชาชนที่แตกต่างกัน
โดยใช้บิ๊กดาต้าวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกผู้ถือบัตรสวัสดิการของรัฐ 14.6 ล้านคน นำไปจัดกลุ่มจังหวัดที่มีศักยภาพเศรษฐกิจใกล้เคียงกัน ดังนี้คือ...
กลุ่มสีเขียว 29 จังหวัด ที่มีความพร้อมสูงและเศรษฐกิจแข็งแกร่ง เช่น กทม.และปริมณฑล ขอนแก่น เชียงใหม่ ชลบุรี ฯลฯ
กลุ่มสีฟ้า 8 จังหวัด มีความพร้อมพอควรและเศรษฐกิจค่อนข้างแข็งแกร่ง
กลุ่มสีนํ้าเงิน 7 จังหวัด ที่ยังขาดความพร้อมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
กลุ่มสีส้ม 20 จังหวัด ที่เศรษฐกิจอ่อนแอ ต้องการดูแลเป็นพิเศษ
และกลุ่มสีแดง 12 จังหวัด ที่ติดกับดักความยากจน ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนจากรัฐบาล
จากนั้นรัฐบาลจะออกแบบนโยบายแก้จนแต่ละกลุ่มจังหวัดให้เหมาะกับบริบทที่แท้จริง
พูดง่ายๆ จ่ายยารักษาโรคให้ตรงกับโรคที่เป็น
“แม่ลูกจันทร์” ชื่นชม นายกฯลุงตู่ ที่กล้ายอมรับความจริงว่านโยบายแก้จนของรัฐบาลที่ทำมาแล้ว 5 ปี ยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ฉายหนังโฆษณา
ไม่ทำให้คนยากจนหลุดพ้นความยากจนได้อย่างยั่งยืน
แถมทำให้หนี้สินครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ
ทำให้คนไทยมีหนี้เฉลี่ยต่อหัวเพิ่มจาก 7 หมื่นบาท เป็น 1.5 แสนบาท
นี่คือใบเสร็จยืนยันว่านโยบายแจกเงินฟรี ไม่ทำให้คนไทยเป็นหนี้น้อยลง
...
แต่ต้องแบกหนี้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
ใบเสร็จยืนยันใบที่ 2 คือ ผลการจัดเก็บภาษีแวตในช่วงเดือนล่าสุด หดตัวลงไปกว่า 9 เปอร์เซ็นต์
แสดงว่าคนไทยกระเป๋าแห้ง กำลังซื้อตกฮวบ ส่งผลให้การเก็บภาษีแวตหดวูบลงอย่างแรง
“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่าการที่รัฐบาล ทุ่มงบกระตุ้นเศรษฐกิจระยะฉุกเฉินอีก 6 หมื่นล้านบาท อัดฉีดเงินแจกฟรีผ่านบัตรคนจน 14.6 ล้านคน เพิ่มพิเศษอีก 1 พันบาท จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อ และบรรเทาอาการไส้กลวงได้ชั่วคราว
ส่วนระยะยาว...ต้องพิสูจน์กึ๋นรัฐบาลว่าจะผ่าตัดนโยบายแก้จนอย่างไรให้ถูกฝาถูกตัว??
แต่ไม่ว่านโยบายแก้จนเวอร์ชันใหม่จะออกมาอย่างไร
การแจกเงินโอนใส่บัตรคนจน 14.6 ล้านคน บวกแจกเงินเบี้ยยังชีพคนชราอีก 8 ล้านคน ยังเป็นไฟต์บังคับรัฐบาลต้องทำต่อไป
และต้องแบกภาระรายจ่ายเพิ่มอีกเกือบ 2 แสนล้านบาทต่อปี
เลิกไม่ได้ ลดไม่ได้ มีแต่ต้องแจกเพิ่มขึ้นทุกปีๆ
ดังนั้น การที่รัฐบาลจะจัดตั้งหน่วยงานใหม่รับผิดชอบโครงการแจกฟรีของรัฐบาลเป็นการถาวร
“แม่ลูกจันทร์” เห็นด้วยว่าควรมีหน่วยงานเป็นเจ้าภาพรับผิดชอบโครงการแจกเงินฟรีโดยตรง
ไม่ว่าในอนาคตใครมาเป็นรัฐบาล ก็ต้องสานต่อนโยบายแจกเงินฟรีของนายกฯลุงตู่ตลอดกาล.
“แม่ลูกจันทร์”