เผอิญผ่านไปย่านพระรามเก้าเห็นภาพ ยายหลานขอทาน กำลังถูกเจ้าหน้าที่เทศกิจรุมซักถาม ได้ยินแว่วๆว่ามีความสัมพันธ์ยายหลานกันจริงหรือไม่ ตัวยายติดบัตรคนพิการเอาไว้ที่หน้าอก ส่วนหลานอายุน่าจะอยู่ระหว่าง 7-8 ขวบ ใส่กระโปรงนักเรียนกับเสื้อยืดเก่าๆ เข้าใจว่าคงไม่มีโอกาสเรียนหนังสือแล้ว

ระหว่างที่ยายตอบคำถามเจ้าหน้าที่ หลานทำท่าตกใจปนกับหวาดกลัว เห็นแล้วน่าสงสารจับใจ เลยนึกถึงภาพลำดับต่อไป ยายหลานคงถูกเจ้าหน้าที่เทศกิจตักเตือนไม่ให้มาขอทานบนทางเท้า แล้วคงจะปล่อยไป เป็นหน้าที่ของยายกับหลานว่าจะเอาชีวิตรอดอย่างไรต่อไปในสังคมป่าคอนกรีต

ชีวิตของคนต่างจังหวัดยังอยู่ใน วัฏจักรความยากจนซ้ำซาก พ่อแม่มาทำงานในเมืองทิ้งลูกเอาไว้กับตายาย เรียนหนังสือจบแค่ ป.4-ป.6 หรือดีหน่อยก็ ม.ศ.3 ส่วนที่โชคร้ายเรียนไม่จบ ป.4 พอโตขึ้นมาหน่อยพ่อแม่ก็มารับตัวไปทำงานโรงงานบ้าง ทำงานก่อสร้างบ้าง คนไหนที่โชคไม่ดี ถูกข่มขืนตั้งแต่เด็ก

อนาคตต่อจากนั้นไม่ต้องไปคิดให้เมื่อยตุ้มว่าคุณภาพชีวิตจะเป็นอย่างไร วนเวียนไปแบบนี้รุ่นต่อรุ่น

คุณภาพชีวิตของคนในต่างจังหวัดไม่มีโอกาสเลือกสถานศึกษา ไม่มีโอกาสเลือกการรักษาพยาบาล ไม่มีโอกาสเลือกสภาพแวดล้อมของที่อยู่อาศัย กลายเป็นที่มาของปัญหายาเสพติด ปัญหาการพนัน อบายมุขทั้งหลาย

ยิ่งถ้าเศรษฐกิจไม่ดี ก็จะยิ่งมีผลกระทบมากขึ้นจากรากหญ้าก็จะกระทบถึงคนชั้นกลาง เอสเอ็มอี เจ๊ง ทำธุรกิจขาดทุนแล้วก็กลายเป็นสาเหตุของการฆ่าตัวตาย ที่กรมสุขภาพจิต แถลงว่าอัตราการฆ่าตัวตายของคนไทยเฉลี่ยที่วันละ 12 คน น่าเป็นห่วง

ย้อนมาที่นโยบายรัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ ทำอะไร กระทรวงสาธารณสุข ทำอะไร ดูจากข่าวที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง

ไม่อยากพูดมากเจ็บคอ มีแต่เรื่องไร้สาระ งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ละปีเป็นแสนล้าน ล่าสุดรัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประเดิมที่ 3.16 แสนล้าน เงินไปไหน ถึงรากหญ้าอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่

...

หรือเป็นการสร้างนโยบายขึ้นมาเพื่อเอาชนะประชานิยมเท่านั้น

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน แจกเงินสด แล้วเอาไปกดซื้อเหล้า บุหรี่ หวย ถามว่าเงินเหล่านี้หมุนไปที่ไหน บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผูกขาดหรือกระจายให้กับคนชั้นกลาง ชั้นล่างอย่างทั่วถึง ไม่ได้ทั้งเงินผัน เงินหมุน

รวยถึงได้กระจุก จนถึงได้กระจาย

งบ ส.ส.ได้คนละ 200-500 ล้านบาทไปไหน เข้าผู้รับเหมาส่วนใหญ่ก็เครือข่ายนักการเมือง ได้ทั้งค่าหัวคิวและหางคิว ต้นน้ำยันปลายน้ำ เงินก็ไม่ถึงคนจนอยู่ดี ประกันราคาสินค้าการเกษตร

พ่อค้ายิ้มอ่อนเอาไว้ล่วงหน้า ประกันมากได้มาก กักตุนทั้งข้าวสาร ข้าวเหนียวเอาไว้จนราคาข้าวเหนียวที่เคยซื้อถุงละ 19 บาท เป็น 49 บาท จะให้คนที่เคยกินข้าวเหนียวมาทั้งชีวิตหันไปกินข้าวเจ้าแทน พูดง่ายแต่ทำยาก ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวย ยิ่งห่างกันมากทุกที

มองบนเห็นต้นทุนบรรดานักการเมือง รมต.บางคนแล้ว สมกับเป็นประเทศด้อยพัฒนา.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th