“รังสิมันต์ โรม” ส.ส.อนาคตใหม่ โพสต์ชี้แจง 4 ข้อตอบโต้ หลังถูกวิจารณ์มีทรัพย์สินแต่ไม่ใช้หนี้ กยศ. ซัดคนกุเรื่องมักง่าย อาศัยช่องว่างจากความไม่รู้ของผู้คน
จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินในส่วนของ นายรังสิมันต์ ว่า มีทรัพย์สิน 222,623 บาท หนี้สิน 202,360 บาท โดยหนี้สินเป็นเงินกู้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีทรัพย์สินอยู่มากกว่า 220,000 บาท แต่ทำไมจึงไม่ชำระหนี้ กยศ.
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ชี้แจงเป็น 4 ข้อดังนี้ ว่า 1. ป.ป.ช. กำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินโดยแจ้งรายการที่เราต่างมีอยู่ก่อนหน้าวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 (วันที่ปฏิญาณตนรับหน้าที่ในสภา)
2. การชำระหนี้ กยศ. จะชำระกันเป็นรายปี ก็ทำตามระเบียบปกติในการกู้ยืมเพื่อการศึกษา เมื่อต้องชำระก็ทำการชำระตามปกติ โดย ป.ป.ช. ให้แจ้งหนี้ กยศ. ออกเป็น 2 ส่วน ในส่วนหนี้สินต้องนำยอดรวมทั้งหมดมาหักลบกับที่ชำระไปก่อนหน้าแล้ว ซึ่งการชำระหนี้ กยศ. ปีนี้เพิ่งจ่ายไปเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ดังนั้น ยอดการชำระคืนของปีนี้จึงไม่ได้ถูกนับรวมไปในส่วนที่ถูกชำระไปแล้ว
3. ในส่วนของทรัพย์สินยอดรวมที่เป็นประเด็นคือประมาณ 200,000 กว่าบาท ขอชี้แจงเบื้องต้นว่ายอดทรัพย์สินรวมนี้มาจากเงินสดที่มีอยู่จำนวน 20,000 บาท อีกส่วนมาจากบัญชีเงินฝากทุกบัญชีที่มีอยู่ รวมถึงผลตอบแทนที่จะได้จากเบี้ยประกันในอนาคต (ซึ่งยังไม่ได้ ณ ตอนนี้) และจากจุดนี้ที่มีการอาศัยความเข้าใจผิดว่าตนเองมีทรัพย์สินมากมาย มากกว่าหนี้ กยศ. ทำไมจึงไม่ยอมจ่ายชดใช้หนี้แผ่นดิน ทั้งที่ตนเองไม่เคยมีปัญหาในการใช้หนี้คืน กยศ.
...
4. ตนเองลงเล่นการเมืองในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อายุแค่ 27 ปี กยศ. ให้เวลาในการชำระหนี้ 15 ปี ก็ไม่เคยหลบหนี ก็มีบางคนกล่าวหาผมว่าเงินเดือนมากทำไมจึงไม่ใช้หนี้ให้หมด ขอต้องตอบตรงๆ ว่าต้องบริหารจัดการวางแผนทุกอย่างให้ดี เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งที่ยังคงต้องเดินทางไปทำงาน รับประทานอาหาร จ่ายค่าที่พักอาศัย ค่าใช้จ่ายรายเดือน รวมถึงการบริจาคให้กับพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากพรรคไม่มีนายทุน แน่นอนว่าที่ผ่านมาหนี้ กยศ. ก็ยังคงเป็นหนึ่งในรายจ่ายนั้นเสมอมา และไม่เคยบกพร่องเรื่องนี้
ทั้งนี้ นายรังสิมันต์ ทิ้งท้ายด้วยว่า “ผมต้องอธิบายคำโจมตีมักง่ายไม่กี่ประโยคด้วยการชี้แจงเป็นหน้ากระดาษ ในขณะที่การโจมตีนั้นอาศัยเพียงช่องว่างจากความไม่รู้ของผู้คน เอาแค่การบวกลบเลขง่ายๆ แต่ไม่ประกอบบริบทมาใช้กล่าวหา ขอเถอะครับ อย่าใช้การกล่าวหามักง่ายเช่นนี้กันอีกเลย ไม่เช่นนั้นคงไม่ต่างอะไรการสร้างข่าวปลอม (Fake News) เพื่อโจมตีให้ฝ่ายตรงข้ามเสียหาย ซึ่งไม่สร้างสรรค์”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง