มองโลกแง่ดี ก็สะท้อนมุมที่รัดกุมรอบด้านทุกมิติ
จากการที่คณะรัฐมนตรีไม่เห็นชอบมาตรการ “ฟรีวีซ่า” นักท่องเที่ยวจีน อินเดีย หนึ่งในแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจที่นำเสนอโดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ หลังจากกระทรวงการต่างประเทศท้วงติงอาจก่อปัญหาด้านความมั่นคงตามมา
แต่ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าหน้าด่านตรวจคนเข้าเมือง ถึงวันที่ 30 เมษายน 2563
ตามสถานการณ์ที่ปฏิเสธไม่ได้ รายได้จากการท่องเที่ยวคือ “เสาหลัก” ที่ “หาเงิน” เข้าประเทศ ต่อทุนหน้าตักของไทย ณ ห้วงเวลายากลำบาก “สึนามิ” เศรษฐกิจพัดกระแทกทั่วโลก
จำเป็นอย่างยิ่งยวดในการปั๊มชีพจรเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายปลายปี
“ความมั่นคงของประเทศ” กับ “ความมั่นคงปากท้องของประชาชน” ต้องหยั่งน้ำหนักให้พอดีๆ
ขณะที่ความมั่นคงทางการเมืองของรัฐบาลก็เด้งเชือกไปพลางๆ กับลีลานักการเมืองเต็มขั้นของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในจังหวะรับมุกส่งลูกกับทีม ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่พากันมาต้อนรับระหว่างลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์ภัยแล้งที่จังหวัดสุรินทร์
โดย ส.ส.เมืองช้างค่าย “ทักษิณ” เสนอของบฯ 1,000 ล้านสร้างอ่างเก็บน้ำให้ชาวบ้าน
และนายกฯก็ตอบทันที “รับหลักการ” อีกทั้งสังเกตว่า งานนี้ทั้ง “นายกฯลุงตู่” และทีม ส.ส.สุรินทร์พรรคเพื่อไทย ประสานเสียงในโทนเดียวกัน ไม่มีพรรค ทุกคนต้องช่วยกัน ทุกอย่างจะเดินหน้าไปได้ จะทะเลาะกันทำไม สิ่งไหนดีพร้อมสนับสนุน ไม่ค้านดะทุกเรื่อง
ตามท้องเรื่องเลยนำมาซึ่งพาดหัวข่าว ส.ส.เพื่อไทยอวย “บิ๊กตู่” อยู่ครบเทอม
สื่อกระแสหลักมองเป็นจุดเริ่มตามธรรมชาติการเมืองของ “งูเห่า”
...
และนั่นก็สอดรับกับกระแสข่าวโล้ไปโล้มา พรรคเศรษฐกิจใหม่ของ “เฮียมิ่ง” นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ จ่อสวิงข้ามมาอยู่กับฝั่งรัฐบาล ตามอาการแปร่งๆไม่เข้าร่วมวงประชุมร่วม 7 พรรคฝ่ายค้าน
ปรากฏการณ์แบบที่ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ปฏิเสธไปก็ยังอดเอะใจสงสัยไม่ได้ ในอารมณ์แบบที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ “ป้ายแดง”
บอกปัดไม่มีการดีลกับพรรคเศรษฐกิจใหม่
ยังไม่รู้ว่าจะมาทั้งหมดหรือมากี่คน
พูดวกๆวนๆให้เดาทางกันยาก แต่หากแทงหวยกันตามรูปการณ์ไม่ช้าไม่นานลูกพรรคเศรษฐกิจใหม่น่าจะสวิงขั้วมาอยู่ฝั่งรัฐบาลแน่ แต่ “เฮียมิ่ง” จะมาหรือเปล่ายังเป็นเครื่องหมายคำถาม
ตามคำพูดที่ “มัดคอตัวเอง” ไว้แน่น เสี่ยง “เสียคน”
เบื้องต้นทีมหนุน “ลุงตู่” น่าจะมี 3-4 แต้ม มาเติมเสียงปริ่มน้ำ
ธรรมชาติของนักเลือกตั้งอาชีพใครก็อยากอยู่ฝั่งรัฐบาล ที่สำคัญไม่มีใครอยากเหนื่อยเลือกตั้งเร็ว
เรื่องของเรื่อง ไฮไลต์มันอยู่ตรงช็อตทีเล่นทีจริงของ “นายกฯลุงตู่” ที่แกล้งกระเซ้าถาม ส.ส.สุรินทร์พรรคเพื่อไทย ได้ร่วมลงชื่ออภิปรายนายกฯด้วยหรือไม่ พร้อมหยอดทุ่นทิ้งท้ายเป็นนัยๆ
“ถ้ารัฐบาลนี้ไม่ผ่าน รัฐบาลเก่าได้กลับมา”
ขณะที่ ส.ส.เพื่อไทยรีบอวยกันเสียงหลง เชียร์นายกฯอยู่ยาวครบ 4 ปีไปเลย อย่ายุบสภา
แล้วก็เป็น “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่เคลียร์ประโยคปริศนาของ “นายกฯลุงตู่” สั้นๆแต่มีความหมาย “คสช.กลับมา”
เมื่อแกะรอยตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่ “นายกฯลุงตู่” เผชิญปมถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ
และจุดสำคัญ ตามกระบวนการถ้าผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติส่งเรื่องต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ก็ต้องยึดตามกติกา กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย
ถ้าหวยออกมานายกฯทำ “ผิด” รัฐธรรมนูญ ก็ถือว่าโมฆะ
ทุกอย่างต้องวนย้อนกลับไปสู่จุดตั้งต้นนับหนึ่งกันใหม่
แต่โดยสภาพรัฐบาลเก่า “ประยุทธ์ภาค 1” ที่ยังครบองค์ ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ฯลฯ
ยังเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มตามรัฐธรรมนูญ
เหนืออื่นใดดาบอาญาสิทธิ์ “มาตรา 44” ก็จะกลับมามีฤทธิ์เหมือนเดิม
โดย “อำนาจวิเศษ” สามารถใช้ผ่าทางตันได้
ส่วนหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร ต้องติดตามกันเป็นตอนๆไป.
ทีมข่าวการเมือง