ไม่มาอีกเจอแรงขึ้น ถกคำร้อง ‘ศรี’ 27ส.ค. ส.ส.โวยลั่นสภาใหม่ ห้องนํ้าไม่มี ‘สายฉีด’
ฝ่ายค้านเมิน “บิ๊กตู่” หลบกระทู้สด งัด ม.152 ยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ลงมติซักฟอกถวายสัตย์ฯไม่ครบ “สุทิน” ฉะหนีสภาฯยื้อเวลาโบ้ยเผือกร้อนให้ผู้ตรวจการฯ-ศาลรัฐธรรมนูญ จ่อเปิดเขียงต่อคิวข้อบังคับประชุมสภาฯ “อนุดิษฐ์” ซัดนายกฯ บกพร่อง ผิดพลาด ผิดกฎหมาย ไม่มาแจงเจอถล่มเรื่องอื่นด้วย “วิษณุ” อุบไต๋รอดู ญัตติฝ่ายค้าน ผู้ตรวจการฯถกคำร้อง 27 ส.ค. “วิทวัส” ทำขึงขังไม่ยอมให้ใครชี้นำ วิป รบ. แก้เกี้ยวไม่ได้แพ้โหวตโยนเป็นเรื่อง กมธ. ครั้งแรก 37 ส.ส.-รมต.ทำพ่าย หนสอง 25 ส.ส.-รมต.ล่องหน “บิ๊กป้อม” เข้า พปชร. 20 ส.ค.หารือ กก.ยุทธศาสตร์ นายกฯ ขอสื่อสนใจเศรษฐกิจมากกว่าการเมือง ส.ส.โวยลั่นรัฐสภาใหม่ห่วย “วีระกร” อัดไม่ปลอดภัย ไฟฉุกเฉิน-ป้ายบอกทางบันไดหนีไฟไม่มี “วิรัตน์” ซัดสภาฯหรูหมื่นล้านไร้สายชำระ “รังสิมา” สับตั้งถังขยะล่อหนู-แมลงสาบบุก
จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ไม่ยอมไปตอบกระทู้ถามสดในสภาผู้แทนราษฎร เรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน อ้างรอการพิจารณาของผู้ตรวจการแผ่นดิน พรรคฝ่ายค้านจึงได้ยื่นญัตติต่อประธานสภาฯขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152
ฝ่ายค้านยื่นอภิปราย “ตู่” ปมถวายสัตย์ฯ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 15 ส.ค. ที่รัฐสภา เกียกกาย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะปฏิบัติหน้าที่ประธานคณะกรรมาธิการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงความคืบหน้าการเสนอญัตติขอเปิดการอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญกรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญว่า วันที่ 15 ส.ค. นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย จะร่างญัตติเตรียมเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ภายหลังสภาผู้แทนฯพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุม ส.ส.ปี 2562 เสร็จสิ้น ก่อนจะเริ่มพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 โดยที่นายกฯจะต้องมาชี้แจงต่อสภาฯเอง ไม่เช่นนั้นจะฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอาจยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรภายในบ่ายวันที่ 15 ส.ค. หรือวันที่ 16 ส.ค.
...
ฉะหนีสภาฯโบ้ยผู้ตรวจฯ-ศาล รธน.
นายสุทินกล่าวต่อว่า ฝ่ายค้านพยายามทบทวนแล้ว มาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญเปิดให้ทำได้ปีละ 1 ครั้งเท่านั้น แต่ที่ตัดสินใจจะยื่นเนื่องจากการถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วนเป็นเรื่องใหญ่ กระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน หากนายกฯหนีไม่มาชี้แจงไปเรื่อยๆ แล้วโยนให้ผู้ตรวจการแผ่นดินและศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจะทำให้เวลาล่วงเลยนานไป ส่งผลกระทบต่อการบริหารงานของรัฐบาล มติ ครม.เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีเพียงการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง แต่ไม่ได้เห็นชอบมาตรการต่างๆเพื่อแก้ปัญหาประชาชน อาจเพราะรัฐบาลไม่เชื่อมั่นสถานภาพตัวเอง การเปิดอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ครั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้ทุกฝ่ายหาทางออกเรื่องนี้ ทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ ไม่ถือว่าชี้นำองค์กรอิสระ เช่นเดียวกับการอภิปรายคุณสมบัตินายกฯ ตอนแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาในระหว่างที่เรื่องอยู่ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ

ยันนายกฯต้องมาเคลียร์เอง
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและว่าที่ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า การยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปนายกฯตามมาตรา 152 เพื่อประโยชน์แห่งข้อเท็จจริง ฝ่ายรัฐบาลก็ได้ประโยชน์จะได้ชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจชัดเจน เพราะประเด็นการถวายสัตย์เป็นเรื่องสำคัญ ไม่แตกต่างจากความเดือดร้อนของประชาชนเรื่องอื่น หากข้อกังขาทำผิดรัฐธรรมนูญยังอยู่ ประชาชนยังไม่ได้รับความกระจ่างถือว่าเดือดร้อน หากผิดรัฐธรรมนูญจริงสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการไปจะยุ่งยากวุ่นวาย ประชาชนเดือดร้อนเช่นกัน ที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯระบุว่าเรื่องน่าจะจบที่ศาลรัฐธรรมนูญนั้นไม่รู้ นายวิษณุพูดอยู่เรื่อยๆหลายครั้งขัดกันเองบ้าง คงต้องไปปรับเหมือนกัน
ชงญัตติ “ชวน” ล็อกต่อคิวข้อบังคับ
ต่อมาเวลา 11.30น. น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ร่วมกับตัวแทน 7 พรรคฝ่ายค้านร่วมกันแถลงข่าว โดยนายสุทิน คลังแสง ว่าที่ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ข้อสรุปแล้วว่าจะยื่นญัตติต่อประธานสภาฯเวลา 08.30 น. วันที่ 16 ส.ค. เพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปนายกฯแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ กรณีนายกฯไม่มาชี้แจงกระทู้ถามสดเกี่ยวกับการถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วน 2 สัปดาห์ติดกัน เพื่อให้การอภิปรายเกิดขึ้นภายในเดือนนี้ ก่อนการพิจารณางบฯปี 2563 หรืออย่างเร็วที่สุดให้เป็นญัตติถัดจากการพิจารณาข้อบังคับการประชุมสภาฯเสร็จสิ้นแล้ว โดยปกติแล้วเมื่อมีการยื่นญัตติจะต้องเลื่อนเรื่องนี้ขึ้นมาดำเนินการก่อน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประธานสภาผู้แทนราษฎร
ซัด “บิ๊กตู่” บกพร่อง ผิดพลาด ผิด ก.ม.
น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์อาจเข้าใจเอาเองว่าเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 มีผู้ไปร้องและเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการของผู้ตรวจการแผ่นดินไปแล้ว จึงไม่ จำเป็นต้องมาชี้แจงสภาฯ เป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก สะท้อนให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังขาดความรู้ ความเข้าใจในระบบรัฐสภาที่มาจากประชาชน เพราะการตั้งกระทู้ถามคือคำถามที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถามต่อนายกฯ หรือรัฐมนตรี เพื่อขอให้ตอบในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานของรัฐบาลหรือเรื่องสำคัญใดๆที่อยู่ในความสนใจของประชาชน หรือเป็นเรื่องกระทบถึงประโยชน์ประเทศชาติประชาชน หรือเป็นเรื่องเร่งด่วน ดังนั้นการตั้งกระทู้ถามนายกฯ ครั้งนี้เนื่องจากนายกฯ กระทำการบกพร่อง ผิดพลาดและอาจผิดกฎหมายด้วย ส่งผลให้การดำรงอยู่ของ ครม.ทั้งคณะสุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโมฆะ จึงเป็นเรื่องที่นายกฯ ต้องรีบมาชี้แจงต่อสภาฯอย่างเร่งด่วน ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยแบบนี้
ขู่ไม่มาตอบจะโดนถล่มเรื่องอื่นด้วย
น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวต่อว่า ขอยืนยันว่าฝ่ายค้านไม่มีความจำเป็นใดที่จะใช้เรื่องถวายสัตย์ฯ ไม่ครบถ้วน มาเป็นเครื่องมือโจมตีนายกฯ และรัฐบาลตามที่นายกฯกล่าวหา แต่เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านที่ต้องตรวจสอบ หากไม่ดำเนินการฝ่ายค้านเองต้องถูกดำเนินการข้อหาละเว้นเช่นเดียวกัน ขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจอำนาจหน้าที่ตนเองและให้เกียรติการทำงานของแต่ละฝ่ายด้วย จากนี้ไปหวังว่าฝ่ายค้านจะไม่ได้ยินนายกฯปฏิเสธความรับผิดชอบต่อสภาฯเช่นนี้อีก หากนายกฯ ยังอ้างว่าตัวเองยอมเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบในช่องทางอื่นๆไปแล้ว และไม่ยอมเข้าสู่การตรวจสอบของสภาฯที่มาจากประชาชน ฝ่ายค้านย่อมจำเป็นต้องใช้อำนาจของสภาฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป ซักถามข้อเท็จจริงจากนายกฯต่อไป หากเป็นเช่นนั้นขอบอกเลยว่าจะไม่มีแค่ประเด็นกระทำความผิดตามรัฐธรรมนูญเรื่องการถวายสัตย์ฯเท่านั้น แต่จะมีประเด็นความบกพร่องผิดพลาดในการบริหาร และอาจผิดกฎหมายอื่นๆตามมาอีกด้วย
“จิรายุ” โอ่ช่วยหาทางออกให้รัฐบาล
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวเสริมว่า กรณีที่มีกูรูฝ่ายกฎหมายในรัฐบาลบางคนแนะนำว่ามีการยื่นเรื่องเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อรอการพิจารณาส่งต่อไปให้ศาลปกครองเพื่อวินิจฉัยพิพากษา จะใช้เวลาค่อนข้างมาก พรรคฝ่ายค้านจึงเป็นห่วงและเห็นว่าต้องยื่นญัตติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 อภิปรายเรื่องนี้เพื่อช่วยหาทางออกให้รัฐบาลและนายกฯ เพราะหากผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 63 ไปแล้วศาลมีคำพิพากษาไม่เป็นคุณต่อนายกฯ อาจเกิดปัญหาที่กระทบต่อเศรษฐกิจและงบประมาณภายหลัง

“ชวน” ยังไม่ตอบรอส่งมาก่อน
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปนายกฯ ตามมาตรา 152 สามารถบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมได้เลยหรือไม่ว่า ยังไม่เห็นญัตติดังกล่าวของฝ่ายค้าน ไม่อยากตอบไปล่วงหน้า ทุกอย่างต้องรอเรื่องส่งเข้ามาก่อน
“วิษณุ” ชี้เปลี่ยนข้อหาร้อง ป.ป.ช.-ศาล รธน.
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีนายกฯ ไม่ไปตอบกระทู้สดการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนว่า กระทู้สดเหมือนกระทู้ปกติที่ควรต้องไป หากติดภารกิจแจ้งสภาฯได้ เว้นแต่จะมอบหมายให้คนอื่นไปแทน นายกฯ ชี้แจงแล้วว่าประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณเรื่องอยู่ที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่กระทู้นำกลับมาถามใหม่ได้อีก ทราบจากข่าวผู้ตรวจการแผ่นดินจะใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ และไม่มั่นใจว่าผู้ตรวจการมีสิทธิวินิจฉัยตีตกคำร้องหรือไม่ ต้องถามเขาเอง มีประสบการณ์เยอะ ที่ใครต่อใครไปร้องผู้ตรวจการแผ่นดินเพราะให้มีคำวินิจฉัยหรือเป็นทางผ่านไปยังองค์กรอื่น แต่มีช่องทางที่ยื่นเองได้ เช่น ป.ป.ช. หรืออัยการ แต่ต้องเปลี่ยนข้อหา เคยมีเหมือนกันที่ผู้ตรวจการแผ่นดินไม่รับเรื่องบอกว่าไม่มีเหตุมีผล อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ มีข่าวรั่วออกมาว่าจะไม่รับหรือ

นายกฯไปตอบหรือไม่รอดูญัตติฝ่ายค้าน
เมื่อถามอีกว่าถ้าสุดท้ายแล้วมีการวินิจฉัยทางลบจะส่งผลกระทบต่อรัฐบาลหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ขอตอบ ถ้าพูดว่าไม่ทราบจะเสียเหลี่ยม ทราบจากข่าวว่ามีการยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดินและอัยการสูงสุดด้วยข้อเท็จจริงเดียวกันแต่ต่างที่ข้อหา ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้รับเรื่องเหล่านี้มา จึงยังไม่ทราบข้อเท็จจริง หากเขารับเรื่องไว้รัฐบาลต้องไปชี้แจงอยู่ที่ว่าถามใคร ก่อนหน้านี้เคยสอบถามคุณสมบัติการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐของนายกฯ ท่านก็ตอบเอง ไม่ขอตอบว่าระหว่างนี้นายกฯควรไปชี้แจงต่อสภาฯหรือไม่ แต่ขณะนี้นายกฯยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อยู่ เมื่อถามว่าฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ นายกฯต้องไปตอบเองหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ขอดูญัตติเขาก่อน ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 นายกฯต้องไปด้วยตัวเอง ญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 เกี่ยวพันกับใครคนนั้นต้องไปตอบ หรือมอบหมายรัฐมนตรีไปตอบได้ แต่การยื่นญัตติทั้ง 2 อย่าง ยื่นได้ครั้งเดียวใน 1 ปี 365 วัน และเนื่องจากมี 2 มาตรา ไม่ได้หมายความว่าหากยื่นมาตรานี้แล้วหมดไปแล้ว 1 ปี แต่มันคืออย่างใดอย่างหนึ่งที่ยื่นไป แต่ละอันใช้เวลา 1 ปี ซึ่ง ส.ว.ก็ทำได้
ผู้ตรวจการถกคำร้องร้อน 27 ส.ค.
พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า คำร้องที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ นำ ครม.กล่าวคำถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า อยู่ระหว่างแสวงหาข้อเท็จจริง ต้องรวบรวมข้อเท็จจริงประเด็นข้อกฎหมาย อาจต้องสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ถูกร้องคือนายกฯด้วย เมื่อได้ข้อเท็จจริงครบถ้วนแล้วจะนำพิจารณาอีกครั้ง ปกติการสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถ้าเป็นเรื่องซับซ้อนจะให้เวลา 30 วัน ถ้าไม่ซับซ้อนจะให้ 15 วัน กรณีนี้น่าจะถือว่าเป็นเรื่องไม่ซับซ้อน 15 วันน่าจะเพียงพอ การประชุมครั้งต่อไปวันที่ 27 ส.ค.คงได้มีการพิจารณา คงจะไม่เร็วไปกว่านั้น เพราะผู้ตรวจฯก็มีภารกิจมาก
ทำขึงขังเป็นอิสระ ไม่ยอมให้ใครชี้นำ
เมื่อถามว่าหากต้องส่งเรื่องไปยังศาลพิจารณาจะยื่นศาลใด พล.อ.วิทวัสกล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณากันอยู่ ส่วนที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีระบุเหมือนชี้นำว่าเรื่องนี้ต้องจบที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการชี้นำ เพราะฝ่ายค้านว่าอย่างหนึ่ง รัฐบาลก็ว่าอย่างหนึ่ง แต่ผู้ตรวจการฯจะใช้ดุลพินิจของเราเอง เราไม่ได้หนักใจ เราเป็นองค์กรอิสระ ไม่ประสงค์ที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง การพิจารณาเป็นอิสระ ยึดตามข้อเท็จจริงพร้อมให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ไม่มีใครมากดดันได้ ส่วนที่นายศรีสุวรรณระบุว่า ผู้ตรวจการฯสามารถหยิบยกเรื่องนี้มาพิจารณาโดยไม่ต้องมีการร้อง ยืนยันว่าถ้าเป็นเรื่องที่ต้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองกฎหมาย ไม่ให้สามารถหยิบยกขึ้นเอง ต้องเป็นเรื่องที่ร้องเรียนมา
วิป รบ.แถ ก.ม.สำคัญไม่แพ้แน่
อีกเรื่อง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการลงมติร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทน ราษฎร ข้อที่ 13 ว่าด้วยการพ้นจากตำแหน่งของคณะกรรมการประสานงานร่วมสภาฯ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ที่กรรมาธิการข้างมากแพ้โหวตฝ่ายค้านเป็นครั้งที่ 2 ว่า เป็นความเห็นส่วนตัวของ ส.ส.รัฐบาลเห็นแตกต่างเรื่องถ้อยคำอาจโหวตไม่เหมือนกันได้ คงไม่ต้องมีบทลงโทษสมาชิกที่โหวตสวน เพราะเป็นประชาธิปไตย แม้ว่าอยากให้โหวตไปทางเดียวกัน และ ส.ส.หลายคนเดินมาลงมติไม่ทัน แต่ร่างข้อบังคับการประชุมฯไม่ใช่กฎหมายของรัฐบาลที่ ครม.เสนอ ไม่ถือเป็นความล้มเหลวของวิปรัฐบาล จากนี้จะเน้นย้ำให้ความสำคัญการอยู่ในห้องประชุม หากเป็นกฎหมายสำคัญต้องกำชับเข้มข้นกว่านี้ มั่นใจว่าเมื่อถึงเวลาพิจารณากฎหมายสำคัญจะไม่เป็นแบบนี้

ฝ่ายค้านโวชนะเพราะมีคนเท รบ.
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะปฏิบัติหน้าที่ประธานคณะกรรมาธิการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายรัฐบาลแพ้คะแนนฝ่ายค้าน 223 ต่อ 234 เสียง ในการพิจารณาข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรข้อที่ 13 เมื่อวันที่ 14 ส.ค. จะมองว่าเป็นความพ่ายแพ้ของฝ่ายรัฐบาลก็ได้ หรือถ้ามองเชิงเนื้อหาแล้ว หากพิจารณาเหตุผลของคณะกรรมาธิการเสียงข้างน้อยทั้งนายอดิศร เพียงเกษ และนายขจิตร ชัยนิคม เชื่อว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้ฝ่ายรัฐบาลหลายคนเห็นด้วยและลงคะแนนให้เรา
“สมพงษ์” แนะติดกริ่งเรียกลงมติ
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและว่าที่ผู้นำฝ่ายค้านกล่าวว่า ปัญหาตาม ส.ส.ไปลงคะแนนในการประชุมสภาฯ พรรคฝ่ายค้านประสบปัญหาเช่นกัน ส่วนใหญ่การอภิปรายจะยืดเยื้อ ที่เกิดปัญหาเพราะสมาชิกออกไปพักผ่อนนอกห้องประชุม พอถึงเวลาลงมติบางครั้งกลับมาไม่ทัน มีปัญหาการสื่อสารกัน การติดตั้งกริ่งสัญญาณเรียกมาลงมติน่าจะแก้ปัญหาง่ายกว่าแบบอื่น ต้องติดให้ได้ยินทุกห้อง ทุกพื้นที่รัฐสภา
ติงพ่ายโหวตงบฯ 63 ต้องยุบสภาฯ-ไขก๊อก
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การลงมติข้อบังคับการประชุมสภาฯน่ากังวล แพ้ฝ่ายค้านถึง 2 ครั้งไล่เลี่ยกัน ส่งสัญญาณทางการเมืองไม่ควรประมาท วิปรัฐบาลต้องกำชับให้สมาชิกเคร่งครัดมีระเบียบวินัย ต่อจากนี้ไปต้องรับมือกับเกมในสภาฯมากยิ่งขึ้น เสียงฝ่ายรัฐบาลปริ่มน้ำสุ่มเสี่ยงแพ้โหวตหรือทำให้สภาฯล่มได้ง่ายมากที่สุด เสมือนประลองกำลังกันระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้านกลายๆ เป็นห่วงยังมี พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2563 รออยู่ รัฐบาลแพ้โหวตไม่ได้เด็ดขาด ถ้าแพ้ไม่ลาออกก็ยุบสภาฯเท่านั้น

“บิ๊กป้อม” ถก กก.ยุทธศาสตร์ พปชร.
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอุตตม สาวนายน รมว.คลังและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการทำงานกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯเป็นประธานว่าจะไม่เหลื่อมล้ำกัน พรรคอื่นก็มีโครงสร้างแบบนี้ ประสานงานกันสบายมาก เพราะตนเป็นที่ปรึกษาคณะยุทธศาสตร์อยู่แล้ว
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร.กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรจะเข้าพรรควันที่ 20 ส.ค. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคครั้งแรก จะดูความเชื่อมโยงระหว่าง ส.ส.กับพื้นที่เพื่อให้บริหารจัดการความต้องการของประชาชนและเชื่อมโยงกับภาครัฐ จากนี้ต้องหารือกับ พล.อ.ประวิตรพิจารณาตัวบุคคลมาเป็นคณะกรรมการยุทธศาสตร์มีโครงสร้างอยู่แล้ว ส่วนนายกฯยังไม่ได้พูดอะไร ขณะนี้ยังไม่มีตำแหน่งในพรรค
ตอกกลับ “ดำรงค์” ไม่ต้องมาขู่
ที่สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ขู่ถอนตัวจากรัฐบาล หากรัฐดำเนินโครงการที่กระทบต่อทรัพยากรป่าไม้ว่า รัฐบาลทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับป่าเสียหายหรือไม่ ไม่ต้องมาขู่ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ทำอะไรให้ผิดกฎหมายทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องป่าหรืออะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างที่ทำมา 5 ปี ไม่เคยทำอะไรผิดกฎหมาย
สภาฯ หมื่น ล.ไม่ปลอดภัย-ไร้สายชำระ
ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 12.00 น.ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้เปิดให้ ส.ส.หารือปัญหาการใช้พื้นที่สภาฯใหม่นานกว่าครึ่งชั่วโมง มีทั้ง ส.ส.ฝ่ายค้านและรัฐบาลรุมท้วงติงหลายจุด อาทิ นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า หากเกิดอัคคีภัยช่วงกลางคืน ป้ายบอกทางไปบันไดหนีไฟก็ไม่มี ไม่รู้บันไดหนีไฟอยู่ตรงไหน ไม่ได้มาตรฐาน หากไฟดับกลางคืนจะอพยพหนีออกกันอย่างไร ไม่มีความปลอดภัย ต้องมีไฟฉุกเฉิน มีป้ายบอกทางไปบันไดหนีไฟ ติดตั้งถังดับเพลิง ไฟส่องสว่างในห้องประชุม
น้อยกว่าเกณฑ์ทำให้ง่วงนอน
นายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ท้วงติงเรื่องห้องน้ำว่างบฯก่อสร้างหลักหมื่นล้านบาทเป็นไปได้อย่างไร สายชำระล้างในห้องสุขาไม่มี ห้องน้ำผู้ชายกระมิดกระเมี้ยนเข้าไปใช้ ทุกวันนี้ปวดก้นไปหมดใช้กระดาษชำระเช็ด นายนิรามาน สุไลมาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า สายชำระล้างสำคัญมาก วัฒนธรรมเราใช้น้ำฉีดไม่ใช้กระดาษชำระ แรงลมดันน้ำในโถชักโครกแรงเบาไม่เท่ากัน อยากให้เร่งแก้ไข

“รังสิมา” กลัวหนู-แมลงสาบบุก
น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ ส.ส.มีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น ตำรวจสภาฯไม่กล้าทำอะไรเลยปล่อยให้ผ่านเข้ามาทั้งผู้ติดตาม ผู้ช่วย ส.ส. ลูกเมียไม่รู้ใครเป็นใคร ต้องเป็นผู้มีบัตรสแกนเท่านั้นจึงจะให้ผ่านขึ้นลิฟต์มาได้ ส.ส.หน้าใหม่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าในห้องประชุมตั้งถังขยะไม่ได้ สภาฯเราเหมือนไม่ใช่สภาฯไปแล้วเป็นที่นั่งกินกาแฟกินขนม ต้องเข้มงวดห้ามนำอาหารเข้ามาในห้องประชุม ถ้าไปตั้งถังขยะเดี๋ยวหนู แมลงสาบจะตามมา สภาฯยุคเก่าเคยมีปัญหาแบบนี้มาแล้ว หมากฝรั่งมาแปะหลังเก้าอี้มันไม่ใช่ ส่วนตอนเลิกประชุมออกันเต็มหน้าประตูทางออก จอดรถริมทางทั้งที่ถนนแคบ คนอื่นจอดรอรับไม่ได้ แต่พวกที่จอดรอรับนายจอดได้ ตำรวจสภาฯไม่กล้าทำอะไร คนไหนใช้อภิสิทธิ์เหนือคนอื่นต้องเอามาประจานในห้องประชุมหรือไม่ และน้ำในห้องน้ำก็รั่วเจ้าหน้าที่ต้องคอยเช็ด ห่วงผู้สูงอายุจะล้มก้นกระแทก
“ชวน” วอนยืม ส.ว.ใช้ต้องอดทน
ด้านนายชวนชี้แจงว่า ต้องยอมรับความจริงว่าเรายืมห้องของ ส.ว.ใช้ เป็นครั้งแรกที่ ส.ส.ไม่มีสภาฯเป็นของตัวเอง จะให้ไปต่อเติมไม่ได้ ส่วนกรณีคนนอกที่ไม่ควรเข้ามาในห้องประชุมเห็นด้วย ต้องแบ่งสัดส่วนให้ชัดเจน ขณะที่นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาฯชี้แจงว่า พยายามจัดหาให้ดีที่สุด ต้องยอมรับว่าการก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ แต่เข้ามาใช้พื้นที่บางส่วนเพื่อประหยัดงบฯ การจะไปตกแต่งหรือแก้ไขทันทีทันใด ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดฟ้องร้องกัน ส่วนคำแนะนำของสมาชิกได้บันทึกไว้หมดแล้ว เดือน ธ.ค.ห้องสุริยันจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นั่งไม่ติดโร่ตรวจห้องน้ำ-ห้องอาหาร
ต่อมาเวลา 12.40 น. นายชวนได้ลงมาตรวจ ความเรียบร้อยห้องน้ำชาย ชั้น 1 และห้องอาหารรวม ที่เปิดจำหน่ายให้สื่อมวลชนและผู้ติดตาม ส.ส.จำนวนมาก นายชวนให้สัมภาษณ์ว่า สถานที่ยังไม่พร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังสร้างไม่เสร็จยืม ส.ว.ใช้ แต่อย่านำมาเป็นเงื่อนไขว่าทำงานไม่ได้หรือล่าช้า ประชาชนไม่ได้คิดแบบนั้นเขามองว่าที่แห่งนี้สบายที่สุด บางเรื่องเข้าใจได้ เช่น ห้องน้ำมีคนใช้มากต้องช่วยกันดูแล แต่การเข้าห้องประชุมไม่ทันเพราะปัญหาสื่อสารไปต่อเติมทันทีไม่ได้ ขอร้องให้สมาชิกอยู่ใกล้ห้องประชุม หน้าที่ต้องอยู่ในห้องประชุมอยู่แล้ว กรณีวิปรัฐบาลนำวิทยุทรานซิสเตอร์มาติดตั้งถูกมองว่าตลก ถือเป็นเรื่องดีจะทำให้รู้ว่าขั้นตอนถึงไหนจะได้เข้าห้องประชุมทัน ที่อ้างว่าไม่มีเสียงสัญญาณเตือนไม่มีสิทธิไปพูด มีอะไรบกพร่องก็แก้ไขโดยรวมไม่สามารถเอาความสะดวกตามอำเภอใจได้ ปกติ ส.ส.ต้องอยู่ในห้องประชุมอยู่แล้ว จะมีปัญหาเฉพาะคนที่ออกไปอยู่ด้านนอกห้องประชุม ส่วนกรณี ส.ส.รัฐบาลแพ้โหวตอ้างว่าสถานที่ไม่พร้อม ไม่ใช่เรื่องรัฐบาลแพ้โหวต แต่เป็นเรื่องกรรมาธิการยังแปลกใจว่าทำไมมาลงคะแนนห่างกันเพียง 1 คะแนน ความจริงควรห่างกันมาก

“วิรัช” แก้เกี้ยวไม่เกี่ยว รบ.-ฝ่ายค้าน
กลับมาที่ห้องประชุมสภาฯ เมื่อเวลา 12.40 น.ที่ประชุมสภาฯเข้าสู่การพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาฯ ที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วเป็นการพิจารณาต่อจากวันที่ 14 ส.ค. นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล อภิปรายชี้แจงว่า ร่างข้อบังคับการประชุมเป็นเรื่องของสภาฯ กมธ.เสียงข้างมากและข้างน้อย บางครั้งสมาชิกเห็นไม่ตรงกับ กมธ. แต่ข่าวออกไปกลับเป็นเรื่องรัฐบาลกับฝ่ายค้าน ทั้งที่ไม่ใช่ ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ถ้าจะเกี่ยวต้องเป็นร่างกฎหมายที่ ครม.เสนอมาและมีรัฐมนตรีเข้ารับฟังด้วย นอกจากนี้ เสียงออดสัญญาณขอให้ประธานกดนานๆ สมาชิกหลายท่านที่ออกไปยืดเส้นยืดสาย บางครั้งไม่ได้ยินหรือขึ้นมาไม่ทัน ถ้าหากจะให้โหวตขอให้ทิ้งระยะเผื่อเวลาให้สมาชิกด้วย และยังมีปัญหาสมาชิกบางท่านโหวตแต่กลับไม่มีชื่อขึ้น หรือมีการแสดงผลโหวตผิดพลาด ขอให้ช่วยตรวจสอบด้วย
ครั้งแรก 37 ส.ส.-รมต.ทำแพ้โหวต
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า สำนักงานเลขาธิการสภาฯได้เปิดเผยข้อมูลการลงคะแนน ในการประชุมเพื่อพิจารณาข้อบังคับการประชุมสภาฯ ของวันที่ 8 ส.ค. และวันที่ 14 ส.ค. ที่ กมธ.ซีกรัฐบาลพ่ายแพ้ให้กับ กมธ.ฝ่ายค้านไปทั้ง 2 ครั้ง ในการประชุมวันที่ 8 ส.ค. การลงมติข้อบังคับข้อ 9 กมธ.ซีกรัฐบาลพ่ายแพ้ กมธ.ฝ่ายค้านไป 205 ต่อ 207 เสียง จากผู้เข้าร่วมประชุม 414 คน พบว่ามี ส.ส.ฝั่งรัฐบาลขาดลงมติไปถึง 37 คน อาทิ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนปฏิรูป นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ นายชัชวาลล์ คงอุดม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก พรรคประชาธิปัตย์ นายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย นายฐานิสร์ เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว พรรคพลังประชารัฐ รวมถึงรัฐมนตรีที่ไม่ได้ลงมติ อาทิ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรฯ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาฯ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ เป็นต้น
พ่ายหนสอง 25 ส.ส.รัฐบาลล่องหน
ขณะที่การลงมติล่าสุด เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ในร่างข้อบังคับข้อที่ 13 (1) มีผู้เข้าร่วมประชุม 460 คน ซึ่งเสียงข้างมากเห็นด้วยกับ กมธ.เสียงข้างน้อยให้แก้ไขข้อความด้วยมติ 234 เสียง ต่อ 223 เสียง พบว่ามี ส.ส.ฝั่งรัฐบาลไม่มาลงมติ 25 คน อาทิ นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก พรรคประชาธิปัตย์ นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลังประชาชาติไทย นายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย นายจักรกฤษณ์ ทองศรี ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย นายชัชวาลล์ คงอุดม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไทย
นายฐานิสร์ เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว พรรคพลังประชารัฐ นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์ พรรคพลังประชารัฐ นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนปฏิรูป รวมถึงรัฐมนตรีรายเดิมๆ อาทิ ร.อ.ธรรมนัส นายวราวุธ นายอนุทิน เป็นต้น
พปชร.ส่งเอกสาร 3 คันรถสู้คดีถือหุ้น
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายทศพล เพ็งส้ม หัวหน้าทีมต่อสู้คดีหุ้นสื่อพรรคพลังประชารัฐ นำคำชี้แจงพร้อมเอกสารหลักฐานของ 20 ส.ส.พรรคพลังประชารัฐและนายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาภิวัฒน์ มายื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญก่อนครบ 30 วัน ที่ขอขยายเวลายื่นคำชี้แจงถึงวันที่ 17 ส.ค. รวม 510 แฟ้ม ขนมาเต็มรถกระบะ 3 คัน โดยนายทศพลกล่าวว่า เป็นหลักฐานยืนยันว่า ส.ส.พลังประชารัฐไม่ได้ประกอบธุรกิจสื่อ แม้บางรายจะระบุวัตถุประสงค์บริษัท แต่การประกอบกิจการจริงไม่ได้ผลิตสื่อ ไม่เหมือนกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ประกอบธุรกิจสื่อจริงและมีรายได้จากธุรกิจสื่อ
เชื่อไม่ผิดขุดเจตนารมณ์ร่าง รธน.อุ้ม
นายทศพลกล่าวอีกว่า หลักฐานที่นำมายื่นมี 3 ส่วนคือแบบวัตถุประสงค์การจัดตั้งบริษัท (สสช.1) แบบนำส่งงบการเงิน (ส.บช.3) เอกสารงบดุลบริษัท ภาพถ่ายการประกอบธุรกิจปัจจุบัน เช่น กรณีนางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี ประกอบธุรกิจฟาร์มและธุรกิจอาหารแช่แข็ง นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท มีโรงฆ่าสัตว์และโรงงานแปรรูปหนังสัตว์ เน้นว่าถ้าประกอบธุรกิจสื่อจริงต้องมีการทำธุรกิจสื่อมาก่อนแล้วและมีรายได้ แต่ ส.ส.ของพรรคไม่มีใครเข้าข่ายเลย และได้นำรายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 นำมาใช้เป็นหลักพิจารณากำหนดห้าม ส.ส.ถือหุ้นสื่อว่าต้องดูว่ามีการประกอบธุรกิจสื่อจริงหรือไม่ เพื่อให้ศาลได้เห็นกระบวนการทั้งหมดในการออกกฎหมายฉบับนี้ และพรรคไม่ได้ขอให้ศาลออกนั่งบัลลังก์ไต่สวน แต่ขอให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบธุรกิจของผู้ถูกร้องจะได้เห็นข้อเท็จจริงว่าไม่ได้ประกอบธุรกิจสื่อจริง ทั้งนี้ จะยื่นเอกสารเพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง ผู้ถูกร้องบางคน เช่น นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสมเกียรติยังรอเอกสารจากหน่วยงานรัฐทั้งกรมศิลปากร เรื่องการออกใบอนุญาตจัดทำสิ่งพิมพ์และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรื่องใบอนุญาตจัดสรรคลื่นความถี่ที่ยื่นขอไป
“เทวัญ” ส่งทนายหอบหลักฐานแจง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่านายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกฯมอบอำนาจให้ทนายความนำหลักฐานและคำชี้แจงกรณีถูกร้องว่าประกอบธุรกิจด้านสื่อสารมวลชน มายื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเช่นกัน โดยยืนยันว่าบริษัทที่นายเทวัญเคยถือหุ้นไม่เคยประกอบกิจการด้านสื่อสารมวลชน ตั้งแต่จดทะเบียนก่อตั้งบริษัทเพื่อค้าขายอสังหาริมทรัพย์ และตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีไม่เคยประกอบธุรกิจสื่อเลย
“บิ๊กตู่” ขอสื่อสนใจ ศก.มากกว่าการเมือง
เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้การต้อนรับสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียนเข้าเยี่ยมคารวะ มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นางมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯเข้าร่วม ก่อนเข้าพบนายกฯปฏิเสธเปิดเผยถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะหารือกันในที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจครั้งที่ 1/2562 วันที่ 16 ส.ค.กล่าวเพียงสั้นๆอย่างอารมณ์ดีว่า “ทูมอร์โรว์” สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนายอุตตมจะเป็นผู้แถลงหลังประชุม ครม.เศรษฐกิจและหลังประชุม พล.อ. ประยุทธ์จะเดินทางไปศาลาว่าการกลาโหมเป็นประธานประชุมสภากลาโหมครั้งแรกเวลา 15.00 น.
ต่อมาเวลา 16.50 น. นายกฯกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าสนใจเศรษฐกิจมากกว่าการเมืองหน่อยนะ ขอให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจวันที่ 16 ส.ค.วันนี้มาตรการด้านเศรษฐกิจต่างๆที่ออกมาจำนวนมากผ่านทางโทรทัศน์ยังไม่ผ่านในที่ประชุม ครม.กำลังหารือมาตรการที่เหมาะสม หากทำอย่างหนึ่งอย่าให้มีปัญหาอีกอย่างหนึ่งแล้วกัน ยังมีคนไม่เข้าใจอีกมากต้องอธิบายกันต่อไป ต้องมีมาตรการอะไรสักอย่างที่ทำให้ประเทศไทยเดินได้ ไตรมาส 4 และปีหน้าเศรษฐกิจโลกตกทุกที่ ทำอย่างไรให้เราตกน้อยที่สุด
โผทหารถึงมือ “ประยุทธ์” แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปลัดกระทรวงกลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.เหล่าทัพ ได้นำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารประจำปี 2562 ส่งไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เพื่อพิจารณานำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพลให้ความเห็นชอบในวันที่ 16 ส.ค.ก่อนการประชุมสภากลาโหม ที่ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม

“บิ๊กแดง” ดัน “บิ๊กบี้” ต่อคิว ผบ.ทบ.
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ปีนี้ระดับ ผบ.เหล่าทัพ จะมีเพียง พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผบ.ทอ. ที่เกษียณอายุราชการ โดย พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ เสนาธิการทหารอากาศจะขึ้นเป็น ผบ.ทอ.แทน ขณะที่ กองทัพบก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ปรับย้ายในระดับ 5 เสือใหม่ เนื่องจาก พล.อ.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. เกษียณและจะให้ พล.อ. กู้เกียรติ ศรีนาคา ผู้ช่วย ผบ.ทบ.อีกคนข้ามไปกินตำแหน่งรองปลัดกระทรวงกลาโหม (อัตรา พล.อ.พิเศษ) โดยจะให้ “บิ๊กบี้” พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ แม่ทัพภาคที่ 1 ขยับขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ.เพื่อจ่อขึ้นเป็น ผบ.ทบ.หลัง พล.อ.อภิรัชต์ เกษียณในเดือน ก.ย.63 ส่วนผู้ช่วย ผบ.ทบ.อีกคนจะให้ พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 มาเป็น ส่วนแม่ทัพภาคที่ว่างลง “บิ๊กหนุ่ย” พล.ท.ธรรมนูญ วิถี แม่ทัพน้อยที่ 1 จะขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และ พล.ต.จิรเดช กมลเพชร รองแม่ทัพภาคที่ 3 จะเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 ขณะที่ พล.ต.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง จะได้ขยับจากรอง ผบ.นสศ.ขึ้นเป็น ผบ.นสศ.คนใหม่
“พิกุลแก้ว” ส.ว.รวยสุด 2.5 พันล้าน
เมื่อเวลา 08.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิกวุฒิสภา 128 คน กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 24 พ.ค.62 ที่น่าสนใจ อาทิ นางพิกุลแก้ว ไกรฤกษ์ มีทรัพย์สิน 2,542,726,475 บาท เป็น ส.ว.รวยที่สุด ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นพวกเงินลงทุน 1,448 ล้านบาท เงินให้กู้ยืม 245 ล้านบาท ที่ดิน 200 ล้านบาท อันดับ 2 นางศิรินา ปวโรฬารวิทยา มีทรัพย์สิน 2,020,771,034 บาท ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุน เงินให้กู้ยืม นายอุปกิต อดีตสามี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส. ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ มีทรัพย์สิน 1,774,334,576 บาท แจ้งว่าได้เปิดบัญชีธนาคารร่วมกับ น.ส.ปารีณาเพื่อโอนเงินให้บุตรชายเดือนละ 250,000 บาทตั้งแต่ปี 2557 นายกรูดิสถ์ จันทร์ศรีชวาลา มีทรัพย์สิน 1,290,071,637 บาท พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง มีทรัพย์สิน 378,836,382 บาท มีพระสมเด็จ 10 องค์ 100 ล้านบาท พระกริ่งปวเรศ 1 องค์ 40 ล้านบาท พระกริ่งวัดสุทัศน์ 2 องค์ 10 ล้านบาท พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว 10 องค์ 50 ล้านบาท
“ไพโรจน์” จนสุดทำนาได้ปีละ 2.8 แสน
ส่วน ส.ว.ที่มีทรัพย์สินน้อยที่สุดคือนายไพโรจน์ พ่วงทอง มีทรัพย์สิน 2,362,289 บาท และมีหนี้สิน 440,000 บาท แจ้งว่ามีรายได้จากการทำเกษตรกรรม ทำนาปีละ 283,500 บาทเท่านั้น มียานพาหนะเป็นมอเตอร์ไซค์ 3 คัน รวม 20,000 บาท ส่วนรายอื่นๆ ที่น่าสนใจ อาทิ นายเสรี สุวรรณภานนท์ มีทรัพย์สิน 529,931,444 บาท นายวันชัย สอนศิริ มีทรัพย์สิน 40,364,164 บาท พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย มีทรัพย์สิน 20,511,620 บาท พล.อ.ธนศักดิ์ ปฏิมาประกร มีทรัพย์สิน 186,910,311 บาท นางประภาศรี สุฉันทบุตร มีทรัพย์สิน 962,123,671 บาท นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ มีทรัพย์สิน 28,660,043 บาท พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ มีทรัพย์สิน 46,2 41,380 บาท พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป มีทรัพย์สิน 41,319,088 บาท นายศุภชัย สมเจริญ มีทรัพย์สิน 34,009,969 บาท นายคำนูณ สิทธิสมาน มีทรัพย์สิน 32,133,315 บาท พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร มีทรัพย์สิน 293,860,640 บาท

อานิสงส์ ก.ม.ใหม่ 114 ส.ว.ไม่ต้องยื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครั้งนี้เป็นการยื่นบัญชีทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ปี 2561 ฉบับใหม่ มาตรา 105 วรรค 4 ระบุว่า กรณีข้าราชการการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐที่พ้นตำแหน่งและได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเดิม หรือตำแหน่งใหม่ภายใน 30 วัน ผู้นั้นไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ทำให้มีอดีต สนช. 88 คนและเจ้าหน้าที่รัฐอื่นๆรวม 114 คน ที่ได้รับแต่งตั้งเป็น ส.ว.ได้รับอานิสงส์ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ว. นอกจากนี้ยังได้เผยบัญชีทรัพย์สินอดีต สนช. 142 คน กรณีพ้นตำแหน่ง อาทิ นายอิสระ ว่องกุศลกิจ มีทรัพย์สินมากที่สุด 6,069,497,482 บาท นางพิไลพรรณ สมบัติศิริ 3,161,904,198 บาท นายฉัตรชัย ปิยะสมบัติกุล 1,293,965,918 บาท นายชัชวาล อภิบาลศรี 1,107,538,942 บาท พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ 369,086,626 บาท พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ 317,333,193 บาท พล.อ.วิลาศ อรุณศรี 30,101,651 บาท
“เอกชัย” เปิดฉากล่าชื่อโละ รธน.
เมื่อเวลา 10.10 น. ที่รัฐสภา นายเอกชัย หงส์กังวาน และนายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือฟอร์ด เส้นทางสีแดง นักเคลื่อนไหวทางการเมือง นำรายชื่อประชาชน 20 คน ยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เพื่อเสนอกระบวนการเริ่มต้นยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 60 กลับมาใช้รัฐธรรมนูญปี 40 ก่อนจะรณรงค์ขอรายชื่อประชาชน 50,000 รายชื่อ นายเอกชัยกล่าวว่าขอให้แก้ไขมาตรา 256 ก่อนยกเลิกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับแล้วกลับมาใช้รัฐธรรมนูญปี 40 เพราะรัฐธรรมนูญปี 60 ถูกตราขึ้นในยุค คสช.หากปล่อยให้ดำรงอยู่ต่อไปย่อมจะกระทบต่อระบอบประชาธิปไตยและรัฐสภา ทางกลุ่มได้เปิดเพจ “ประชาชนรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ” เพื่อรณรงค์ขึ้นด้วย
ศาลสั่งเมีย “พลภูมิ” แจ้งบัญชีเท็จ
ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อม.23/2562 ที่ ป.ป.ช.ผู้ร้องยื่นฟ้องนางชญาดา วิภัติภูมิประเทศ อดีต ส.ก.ภรรยานายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ผู้ถูกกล่าวหาแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่านางชญาดาจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ต่อ ป.ป.ช.ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ พิพากษาจำคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาทและให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี