‘อ๋อย’ จวกสร้างความเกลียดชัง ท่านใหม่โพสต์ให้ตู่ขออภัยโทษ เต้ลุยส.ส.อิสระ

“พุทธิพงษ์” เร่งเปิดศูนย์เฟกนิวส์เซ็นเตอร์เขียนโปรแกรมให้ตรวจสอบข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กหรือไลน์ก่อนแชร์ นายกฯสั่งทุกหน่วยแจงทันควันข่าวปลอม อนาคตใหม่โต้ ผบ.ทบ.ปั่น “สงคราม ไฮบริด” ปลุกความเกลียดชัง “ปิยบุตร” ซัดชี้นำการเมือง บิดเบือนนิยามเฟกนิวส์ “พงศกร” สับตกยุคกดขี่แบ่งเขาแบ่งเราจนฆ่ากัน หยันพวกเดียวกันจะปฏิวัติทำไม ชทพ.ตั้งแง่แก้ รธน.ต้องทำประชามติก่อน เลขาฯ อนค.ลั่นทวงคืนอำนาจเขียน รธน.ให้ประชาชน ตั้งกระทู้ถาม “บิ๊กตู่” ถวายสัตย์ฯไม่ครบ จี้ทำใหม่ให้ถูกต้อง “ชวลิต-เทพไท” ชี้นายกฯสารภาพเองแล้วไล่ไขก๊อกเพื่อชาติ “ท่านใหม่” แนะขออภัยโทษ “พิเชษฐ” ย้ำเป็น ส.ส.อิสระ ไม่รับทุกเก้าอี้ กาหัวไม่ไว้วางใจ รมต. 13 ส.ค. “มงคลกิตติ์” แถลงถอนตัว

จากกรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่ามีพรรคการเมืองตั้งใหม่ ใช้การโฆษณาชวนเชื่อและข่าวปลอมหรือสงครามไฮบริด เพื่อทำให้วัยรุ่นไทยต่อต้านกองทัพและสถาบัน ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เร่งรัดให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) จัดตั้งศูนย์สกัดกั้นเฟกนิวส์ หรือข่าวปลอม รับมือกับสงครามข่าวสารทางโซเชียล

ดีอีจ่อเปิดตัวศูนย์สกัดเฟกนิวส์

เมื่อวันที่ 11 ส.ค. นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตั้งศูนย์เฟกนิวส์เซ็นเตอร์ว่า อยู่ระหว่างรวบรวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เริ่มมีรายชื่อหน่วยงานและพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการไปบ้างแล้ว และไม่จำเป็นต้องกระทรวงดีอีทำก็ได้ ถ้ามีหน่วยงานอื่นที่คล่องตัวมากกว่า บางประเทศเป็นองค์กรกลางขึ้นมา โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชน ภาคประชาชน เข้ามามีส่วนร่วม ไม่อย่างนั้นคนจะมองว่าภาครัฐใช้อำนาจอาจไม่โปร่งใสและไม่เป็นกลาง สำคัญการทำงานของศูนย์ดังกล่าวต้องรอบคอบ ดำเนินการได้เร็วทำแล้วเกิดน่าเชื่อถือ มีหลายภาคส่วนเข้ามาเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ดังนั้นอยากให้ประชาชนอดใจรออีกนิด อาจตั้งได้ก่อน 3 เดือนก็ได้ ภายใน 10 วันนี้อาจได้เห็นความคืบหน้ารูปแบบก่อนเปิดศูนย์อย่างเป็นทางการ อย่างช่องทางการตรวจสอบที่ประชาชนสามารถส่งข้อมูลหรือเข้ามาตรวจสอบ ผ่านระบบต่างๆ อาทิ เพจเฟซบุ๊ก หรือไลน์ ที่อยู่ระหว่างทำโปรแกรม

...

นายกฯกำชับรับมือสงครามโซเชียล

เมื่อถามว่านายกฯได้มอบนโยบายอย่างไรบ้าง หลังได้มีโอกาสได้พูดคุยกับนายกฯ นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า วันนี้ผู้หลักผู้ใหญ่บ้านเมืองทราบดี ระบบโซเชียลมีเดียควบคุมลำบาก เป็นปัญหาทั่วโลก ขณะที่นายกฯได้ย้ำให้หาทางแก้ไข หาหน่วยงานที่มีความรู้และมีสายข่าวหลายๆกลุ่มมาช่วยกัน โดยเฉพาะต้องเน้นให้ความรู้กับเยาวชนให้มากๆ ไม่ปล่อยให้สร้างความเข้าใจที่ผิดๆ อย่างยุโรปถึงขั้นมีการกำหนดหลักสูตรสอนให้เยาวชนรู้จักวิเคราะห์ มีสติก่อนเชื่อก่อนแชร์ เป็นเรื่องที่ต้องทำต่อไป เพราะการสร้างข่าวที่ไม่จริงบ่อยๆ โดยที่ใครอยากพูดอะไรก็ได้โดยไม่มีใครรับ ผิดชอบ ถ้าเชื่อกันไปหมดจะกระทบทุกมิติ ไม่ใช่แค่การเมืองเท่านั้น ทั้งความมั่นคง ความสามัคคี ความคิด ความอ่านของประชาชน

ขันนอตทุกหน่วยแจงข่าวปลอมให้ไว

พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ผบ.ทบ.ระบุถึงการโฆษณาชวนเชื่อทางอินเตอร์เน็ต ในรูปแบบ “สงครามไฮบริด” ว่า ปัจจุบันกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อยู่ระหว่างดำเนินการตั้งศูนย์ป้องกันข่าวปลอมหรือเฟกนิวส์ ส่วน สมช.ให้ความสำคัญกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ได้ให้หน่วยงานต่างๆ ตระหนักให้มากขึ้นถือเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ การแก้ไขปัญหารวมถึงต้องมีเครื่องไม้เครื่องมือ รวมถึงความร่วมมือจากประชาชน ต้องพิจารณาและตรวจสอบข้อมูลก่อนส่งต่อหรือเผยแพร่ออกไป ตลอดจนสร้างความรับรู้แก่เยาวชน ซึ่งทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน และหากมีการบิดเบือนข่าวสารของภาครัฐ นายกฯได้ให้ทุกหน่วยราชการเร่งชี้แจงหรือแก้ข่าวให้ทันท่วงที หากพบถูกเผยแพร่ข่าวปลอม

ชทพ.ตั้งแง่ประชามติก่อนแก้ รธน.

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในฐานะประธานกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณี 7 พรรคฝ่ายค้านเสนอแก้รัฐธรรมนูญ โดยตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร).ขึ้นทำให้เสร็จใน 240 วัน ว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เกิดขึ้นมาด้วยการทำประชามติ ก่อนจะตั้ง สสร.ขึ้นควรจะทำประชามติถามประชาชนก่อนดีกว่าว่าเห็นควรให้มีการแก้ไขหรือไม่ แก้ตรงไหน อย่างไร ถ้าทุกคนเห็นตรงกันว่าให้แก้ก็ตั้ง สสร.แต่ให้เสร็จใน 240 วัน ไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยกฎระเบียบและกติกาปัจจุบันน่าจะเป็นเรื่องยาก “พรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญ เราอยากฟังเสียงประชาชนก่อน เราหนุนให้ทำประชามติก่อนแก้ อยากได้รับประชามติจากคนทั่วประเทศก่อนว่าโอเคทุกคนเห็นตรงกัน แก้อย่างไรเอาไงเอากัน” นายวราวุธกล่าว

“ปิยบุตร” ตอก ผบ.ทบ. ชี้นำการเมือง

เมื่อเวลา 13.20 น. ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์กรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ระบุผ่านสำนักข่าวต่างประเทศว่า มีพรรคการเมืองตั้งใหม่ใช้โฆษณาชวนเชื่อและข่าวปลอม เพื่อทำให้วัยรุ่นไทยต่อต้านกองทัพและสถาบันว่า เท่าที่อ่านจากข่าวแม้ไม่ระบุชื่อพรรค แต่อ่านแล้วปฏิเสธยากว่าคงหมายถึงพรรคอนาคตใหม่ เห็นว่าเรื่องนี้สะท้อนปัญหา 3 เรื่อง คือ 1.สิ่งที่ ผบ.ทบ.พูดอยู่เสมอว่าจะเป็นกองทัพยุคใหม่ หลังเลือกตั้งแล้วจะถอยออกจากการเมือง แต่เอาเข้าจริง จากการให้สัมภาษณ์ของท่านล้วนเป็นเรื่องการเมือง ถ้าเป็นกองทัพตามแบบมาตรฐานสากลประชาธิปไตย ผบ.ทบ.จะไม่ให้สัมภาษณ์ชี้นำเรื่องพรรคการเมือง 2. คือ ท่านอาจเข้าใจนิยามของคำว่าเฟกนิวส์ผิดไป เพราะเฟกนิวส์คือข่าวเท็จที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างในทางการเมือง หากสิ่งที่ท่านกล่าวหาหมายถึงพรรคอนาคตใหม่จริง ถ้าผิดว่าไปตามกระบวนการทางกฎหมาย แต่ตั้งแต่ตั้งพรรคขึ้นมา เรารณรงค์ด้วยการทำงานทางความคิดกับประชาชนและเยาวชนคนหนุ่มสาว ไม่ใช่เรื่องข่าวเท็จข่าวลวงใดๆทั้งสิ้น เยาวชนคนรุ่นใหม่มีวิจารณญาณประเมินและตัดสินใจอยู่บ้าง จึงอยากให้ ผบ.ทบ.ลองมาทำความเข้าใจกับความคิดของคนหนุ่มสาว อย่าประเมินว่าสิ่งที่เขาเชื่อหรือคิดเป็นเรื่องที่ถูกปลุกปั่นยุยงอยู่ตลอดเวลา

หยันยิ่งกีดกันหนุ่มสาวถอยห่างไป

นายปิยบุตรกล่าวว่า ปัญหาที่ 3 คิดว่าทัศนคติของ ผบ.ทบ.จะยิ่งทำให้เกิดปัญหามากขึ้น ตนยืนหยัดว่าเราตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้น เพราะต้องการหลอมรวมคนทุกกลุ่มของสังคม เพื่อออกจากความขัดแย้งชุดเดิมตลอด 13 ปี เพื่อเดินหน้าไปสู่อนาคตแบบใหม่ด้วยกัน ไม่ได้คิดว่าพรรคจะเป็นของคนรุ่นใดรุ่นหนึ่ง ดังนั้นการที่ ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์แบบนี้เท่ากับกีดกันคนกลุ่มหนึ่ง กีดกันเยาวชนคนหนุ่มสาวออกไปมากยิ่งขึ้น เรียนด้วยความปรารถนาดีจริงๆ สมมติตนเป็น ผบ.ทบ.แล้วเห็นว่าทัศนคติของเยาวชนเป็นแบบนี้มากยิ่งขึ้นอย่างที่ท่านกังวล แทนที่จะผลักไสเขาออกไป หรือกล่าวหาว่าเขาถูกยุยงปลุกปั่นหรือบอกว่าเขาหลงผิดไปเชื่อเฟกนิวส์ ตนจะทำงานร่วมกับเขามากขึ้น พูดคุยเพื่อหาจุดร่วมกันว่าสุดท้ายแล้วอนาคตของประเทศจะไปทางไหน ในอดีตหน่วยงานความมั่นคงเคยทดลองทำแบบนี้มาหลายครั้ง แต่สุดท้ายทุกคนเป็นเพื่อนร่วมชาติกัน จึงคิดว่ามาหาวิธีการกัน ดีกว่าจะโทษกันไปกันมาว่าใครถูกล้างสมองหรือถูกยุยงปลุกปั่น

กองทัพไม่ใช่ศัตรูแต่ต้องปฏิรูป

เมื่อถามว่า ต้องการขอชี้แจงเรื่องนี้โดยตรงต่อ ผบ.ทบ.หรือไม่ นายปิยบุตรกล่าวว่า เราพร้อมสื่อสารตลอดเวลา และพร้อมทำงานกับทุกภาคส่วน สำหรับกองทัพบกและทหารทั้งหมด ยืนยันอีกครั้งว่าพรรคอนาคตใหม่ไม่เคยมีความคิดเป็นศัตรูกับกองทัพ ไม่เคยมองกองทัพเป็นศัตรู แต่ต้องการให้กองทัพถูกปฏิรูป ให้อยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือนจากการเลือกตั้ง เป็นกองทัพอาชีพที่ทันสมัย จิ๋วแต่แจ๋ว และไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง ประเทศไทยขาดกองทัพไม่ได้ กองทัพเป็นองค์กรที่สำคัญ เพียงแต่เราต้องการปฏิรูปให้สอดคล้องกับประชาธิปไตยเท่านั้น เมื่อถามว่า ประเด็นนี้จะส่งผลกระทบต่อการเมืองหลังจากนี้หรือไม่ นายปิยบุตรกล่าวว่า คงต้องติดตามดู ตนคิดว่าสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือถ้าบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยจริงๆ ผบ.ทบ.จะไม่ให้สัมภาษณ์ในลักษณะนี้ แต่กรณีประเทศไทยอาจเป็นข้อยกเว้น ที่ ผบ.ทบ.มักให้สัมภาษณ์ทางการเมืองและถูกนำไปขยายผลตลอด ดังนั้น คิดว่าการตอบคำถามของตนครั้งนี้น่าจะชี้แจงให้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าจุดยืนของพรรคอนาคตใหม่เป็นอย่างไร และขอยืนยันว่าเรารณรงค์โดยไม่เคยมีเรื่องเฟกนิวส์ ตรงกันข้ามคือพรรคเราต่างหากที่ถูกเฟกนิวส์จำนวนมากโจมตี แต่เราก็อดทน พยายามไม่ดำเนินคดี เพราะเชื่อว่าต่อให้มีเฟกนิวส์ล่องลอยในสังคมมากเท่าไหร่ แต่สุดท้ายคนไทยมีวิจารณญาณจะตัดสินได้ว่าข่าวใดเป็นข่าวจริงหรือข่าวเท็จ ดังนั้น ขออย่ากังวลใจไปกับความคิดของคนรุ่นใหม่

พร้อมเดินหน้าลุยแก้ รธน.ต่อ

เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะทำให้การเคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญลำบากมากขึ้นหรือไม่ เพราะคำให้สัมภาษณ์ของ ผบ.ทบ.ดูเหมือนพรรคอนาคตใหม่เป็นคู่ขัดแย้งกับกองทัพ นายปิยบุตรกล่าวว่า เรายืนยันมาตลอดว่าไม่ใช่คู่ขัดแย้งของกองทัพ เพียงแต่ไม่สนับสนุนให้กองทัพยึดอำนาจหรือรัฐประหาร หรือแทรกแซงทางการเมือง สิ่งที่เรารณรงค์ทั้งหมดด้วยความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง ไม่ได้นำมาซึ่งความวุ่นวาย พรรคอนาคตใหม่ก่อตั้งขึ้นและลงสมัครรับเลือกตั้งภายใต้กติการัฐธรรมนูญ 2560 ที่พวกท่านร่างขึ้นมา เท่ากับเรายอมลงมาสู้บนกติกาที่พวกท่านสร้าง เพื่อจะรณรงค์ปรับปรุงกติกานี้ให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น และเราจะเดินหน้ารณรงค์ต่อแน่นอน เพราะสิ่งที่เราทำคือการทำงานทางความคิดกับประชาชน ด้วยความสงบเรียบร้อย และใช้เสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญรับรอง

เรื่องใหญ่ต้องทำประชามติอยู่แล้ว

นายปิยบุตรยังกล่าวถึงกรณีนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุก่อนจะตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญตามที่ฝ่ายค้านเสนอ ควรทำประชามติถามประชาชนก่อนว่าต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ว่า เรื่องนี้ไม่มีปัญหา เพียงแต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนไว้ว่า ในท้ายที่สุดถ้าแก้รัฐธรรมนูญในเรื่องใหญ่ เช่น แก้วิธีการแก้ หรือแก้เพื่อไปทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ มันต้องไปจบที่ประชามติอยู่ดี ในเบื้องต้น ทางพรรคอนาคตใหม่และพรรคร่วมฝ่ายค้านเพียงต้องการเริ่มต้นแคมเปญขึ้นมาเพื่อหาฉันทามติของสังคมให้ได้ว่าประเทศไทยพร้อมหรือยังที่จะเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ร่วมกัน จึงใช้ชื่อโครงการว่า “ทวงคืนอำนาจการจัดทำรัฐธรรมนูญของประชาชน” หลังจากตั้งแต่ปี 2549 คณะ รัฐประหาร 2 ชุดเอาอำนาจเขียนรัฐธรรมนูญไปนี่จึงเป็นการทวงอำนาจกลับมาไว้ที่ประชาชน ส่วนจะเขียนในรูปแบบใดนั้น เป็นเวทีที่เปิดกว้าง สามารถพูดคุยกันได้

ฉะกองทัพดิ้นรักษาสถานภาพตัวเอง

ด้าน พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และอดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์สำนักงานบีบีซี ไทยทางโทรศัพท์ตอบโต้ พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์ กล่าวหาพรรคการเมืองตั้งใหม่บางพรรคใช้ข่าวปลอม โฆษณาชวนเชื่อมุ่งเป้าไปที่เยาวชนอายุน้อยว่า มองว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญว่า ผบ.ทบ.กำลังพูดพาดพิงถึงพรรคไหน แต่การจุดประเด็นเรื่องข่าวปลอมขึ้นมาเป็นเรื่องอันตราย และเสริมว่าการที่กองทัพออกมาบอกว่าศัตรูกำลังใช้ข่าวปลอมในการชักจูงคนรุ่นใหม่ สามารถมองในมุมกลับกันได้ว่ากองทัพเองกำลังทำการโฆษณา ชวนเชื่อเช่นกัน โดยอาศัยประเด็นต่างๆ เพื่อที่จะมารักษาสถานภาพของตนเอง

กดขี่แบ่งเขาแบ่งเราปั่นจนฆ่ากัน

พล.ท.พงศกรกล่าวอีกว่า โดยกระบวนการดังกล่าว เป็นขั้นตอนหนึ่งในการสร้างความขัดแย้ง เหมือนกับในสารคดี “Five Steps To Tyranny” ของบีบีซี ซึ่งพูดถึงการแบ่งเขาแบ่งเรา นำไปสู่การกดให้อีกฝ่ายต่ำลง จัดการรุนแรง จนถึงฆ่ากันในที่สุด พรรค การเมืองใหม่ๆต่างมุ่งให้ความสำคัญกับเด็กรุ่นใหม่ทั้งนั้น แต่ไม่ถูกต้องนักหากจะคิดว่าเยาวชนจะถูกชักจูงได้ง่ายๆ ด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ คนรุ่นใหม่โอกาสจะถูกล้างสมองยากมาก เพราะเขามีความคิดอยู่ท่ามกลางกระแสของข้อมูล มีแต่ว่าเราจะไปทำให้เขาเชื่อ ไปทำให้มั่นใจในพรรคของคุณได้อย่างไร เท่านั้นเอง คนรุ่นใหม่มีโซเชียลมีเดีย เห็นทั้งด้านบวกและด้านลบ เรื่องจริงและเรื่องโกหก ทำให้มีภูมิต้านทาน ไม่ใช่เปิดวิทยุฟังเหมือนสมัยก่อน สมัยตนที่เปิดแต่วิทยุยานเกราะก็เชื่อกันแล้ว ออกไปทำร้ายผู้คนกันแล้ว

หยันพวกเดียวกับ รบ.จะปฏิวัติทำไม

พล.ท.พงศกรให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า กองทัพกำลังมองประชาชนและพรรคการเมืองเป็นศัตรูกับรัฐบาล ยุทธวิธีทางการทหารไม่ควรนำมาใช้กับประชาชน การใช้คำศัพท์ไม่จำเป็นต้องโชว์เหนือเรียกว่า “สงครามไฮบริด” ถือว่าผิดที่ผิดทาง คำดังกล่าวถูกใช้กับภัยคุกคามสมัยใหม่อย่างก่อการร้าย ที่ผ่านมามีการใช้ทั้งคำศัพท์โบราณอย่างหนักแผ่นดิน ล่าสุด ใช้คำทันสมัย การนำไปเปรียบเทียบกับยุคคอมมิวนิสต์ถือว่าตกยุค ทั้งหมดสะท้อนชัดว่า ผบ.ทบ.ท่านนี้ไม่รู้เรื่องการทหารโดยพื้นฐาน คือเขาไม่รู้จักโลกที่เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลกาภิวัตน์ ทำให้มีอาการกลัวการเปลี่ยนแปลง ยังฝันถึงวันคืนเก่าๆ จึงหวังจะพาโลกกลับไปสู่โลกที่ตัวเองรู้จัก แต่ยิ่งต้านเท่าไรจะยิ่งเสียหายมากเท่านั้น นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ต้องกลัว เพียงแค่ปรับตัวให้ทันและอยู่กับมัน เมื่อถามถึงการยืนยันจะไม่ทำรัฐประหารในยุคของ พล.อ.อภิรัชต์ พล.ท.พงศกรกล่าวว่า “พวกเดียวกันเป็นรัฐบาล จะปฏิวัติทำไม”

“อ๋อย” ซัดปลุกความเกลียดชัง

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า คำพูดของ ผบ.ทบ.จะกลายเป็นการสร้างกระแสความหวาด ระแวงไม่ไว้ใจกัน สร้างความเกลียดชังในสังคม ระหว่างผู้ที่คล้อยตาม ผบ.ทบ.และผู้ที่ถูกกล่าวหา ทำให้เกิดความไม่มีเสถียรภาพของรัฐบาล ที่ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ ผบ.ทบ.ทั้งที่ ผบ.ทบ.ออกมาพูดว่าจะสนับสนุนรัฐบาล ทำให้คนคิดว่าถ้าวันใดวันหนึ่ง ผบ.ทบ.บอกไม่สนับสนุนแล้วรัฐบาลจะเป็นอย่างไร การบอกว่ามีการปลุกระดมปลูกฝังความคิดเยาวชนไปในทางร้ายต่อบ้านเมือง เป็นการพูดที่ไม่มีหลักฐานข้อเท็จจริงอะไรรองรับเลย การพาดพิงไปถึงพรรคการเมืองใหม่ ใครฟังแล้วเดาได้ไม่ยากหมายถึงพรรคการเมืองไหน ไม่เป็นธรรมต้องตกเป็นจำเลย ขณะที่สายตาของสื่อต่างประเทศจะเห็นว่าในประเทศประชาธิปไตย ทหารไม่ควรไปแสดงความเห็นการเมือง เพราะเขาถือว่าเป็นหน้าที่ของทหารอยู่แล้วที่ต้องสนับสนุนทุกรัฐบาลอย่างไม่มีเงื่อนไข

“หมวดเจี๊ยบ” เหน็บจงใจช่วย รบ.ลุงตู่

ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ สาเหตุน่าจะเป็นเพราะต้องการส่งสัญญาณหนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จงใจออกมาให้ข่าวในจังหวะที่รัฐบาลกำลังตกที่นั่งลำบาก ถูกกดดันให้รับผิดชอบกรณีกล่าวคำถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ สิ่งที่น่าห่วงคือคนต้องทำหน้าที่เป็นกรรมการจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาได้อย่างไร ในเมื่อกองทัพกางปีกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ขนาดนี้ เป็นการกดดันผู้เกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าไม่เรียกว่าแทรกแซงทางการเมืองแล้วจะให้เรียกอะไร เมื่อกล่าวถึงพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ผบ.ทบ.แสดงออกอย่างเปิดเผยไม่สงวนท่าทีเลยว่ากำลังต่อสู้กันอยู่ ทั้งที่การจัดระเบียบพรรคการเมืองไม่ใช่หน้าที่กองทัพ

ทหารแซงการเมืองเป็นเผด็จการ ปชต.

“การแทรกแซงทางการเมืองของทหารคือปัจจัยสำคัญ ทำให้การเมืองไทยตกอยู่ในสภาพไฮบริด คือมีความเป็นเผด็จการประชาธิปไตย เป็นประชาธิปไตยจอมปลอม เลวร้ายพอกับเฟกนิวส์ที่รัฐบาลและ ผบ.ทบ.ชอบอ้างถึง ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมจึงมีกระแสต่อต้านรัฐบาลเต็มโลกโซเชียล คนไทยสมัยนี้ตื่นตัวทางการเมืองสูง หาข้อมูลเก่ง ไม่ยอมให้ใครมาชี้นำล้างสมองได้ง่ายๆด้วยการโฆษณาชวนเชื่อแบบยุคสงครามเย็น ผบ.ทบ.หรือนายกฯอย่าหงุดหงิด อย่าโทษความคิดคนรุ่นใหม่ว่ามีเจตนาไม่ดี แต่กองทัพและรัฐบาลต้องย้อนดูตัวเองว่าเป็นฝ่ายเติมเชื้อไฟความขัดแย้งหรือเป็นตัวการสร้างความแตกแยกในสังคมเสียเองหรือไม่ จึงโดนวิพากษ์วิจารณ์เสียๆหายๆ”

“ปิยบุตร” จี้นายกฯถวายสัตย์ฯใหม่

ส่วนปัญหาจากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม นำคณะรัฐมนตรีกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 วันเดียวกัน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการดำเนินการต่อกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวคำถวายสัตย์ ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญมาตรา 161 ว่า ขอย้ำว่าเราพูดเรื่องนี้ด้วยความปรารถนาดี ไม่ได้คิดไกลไปถึงขนาดล้มนายกฯ เพราะเรื่องแค่นี้ล้มนายกฯไม่ได้ เพียงแต่ต้องการให้นายกฯแก้ไขให้ถูกต้อง และปัญหาตอนนี้ไม่ใช่ปัญหาของนายกฯคนเดียว แต่เป็นปัญหาของ ครม. เกิดมีคนไป ฟ้องว่า มติ ครม.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เพราะถวายสัตย์ฯไม่ครบจึงเข้ารับหน้าที่ไม่ได้ แบบนี้จะยิ่งวุ่นวายไปใหญ่ คิดว่าขณะนี้เหลือทางออกไม่กี่ทาง โดยทางหนึ่งคือนายกฯควรขอพระราชทาน พระบรมราชานุญาต ขอกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณใหม่ให้สมบูรณ์

สัปดาห์นี้ตั้งกระทู้ถามเปิดปาก

นายปิยบุตรกล่าวอีกว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสัปดาห์นี้จะตั้งกระทู้ถามสดอีกครั้ง เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ตอบให้ชัดเจน ทั้งนี้ขอย้ำว่าเราต้องการใช้กลไกของสภาฯในการแก้ปัญหา และที่ผ่านมาได้พูดคุยกับ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลว่าจะเอาอย่างไร ไม่อย่างนั้นจะเกิดความไม่แน่นอนในทางกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ต้องดูด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์จะแก้ปัญหาด้วยวิธีใด

พท.ไล่รับผิดแล้วไขก๊อกเพื่อชาติ

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำ ครม.ถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วนนั้น สถานการณ์ปัจจุบันได้พัฒนามาถึงขั้นที่ พล.อ.ประยุทธ์ขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว เท่ากับยอมรับว่าการถวายสัตย์ ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์จริง ดังนั้น หากถือเป็นเรื่องรุนแรงตามคำกล่าวของนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ควรกล้าหาญรับผิดชอบทั้งทางการเมืองคือ ควรลาออกจากตำแหน่งนายกฯเพื่อสร้างความเชื่อมั่นประเทศ และรับผิดชอบตามโบราณราชประเพณีนั้น ควรขอพระราชทานอภัยโทษ เพื่อบรรเทาโทษ จึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้ความกล้าหาญ เสียสละเพื่อชาติ ความผิดครั้งนี้ใหญ่หลวง อย่าผูกขาดความรักชาติ ให้บ้านเมืองเป็นไปตามกลไกที่มีอยู่ โดยประเทศยังเดินหน้าได้ พรรคการเมืองที่เหลือยังมีรายชื่อผู้สมควรเป็นนายกฯอีกหลายคน ไม่ถึงทางตัน

ปมร้อนกระทบ รบ.เปราะบาง

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีกระแสข่าวการลาออกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เกิดขึ้นหลังแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาเพียงแค่ 15 วัน มีสารพัดปัญหาที่ต้องให้แก้ไขรายวัน เป็นสัญญาณความเปราะบางที่ทำให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ได้ไม่นาน และสามารถเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ขึ้นได้ทุกเมื่อ โดย 5 ปัญหาใหญ่ที่รุมเร้าจนอาจทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ถอดใจ คือ 1.การถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน เป็นการกระทำผิดรัฐธรรมนูญ อาจทำให้ความเป็นรัฐมนตรีทั้งคณะเป็นโมฆะ การแถลง นโยบายเป็นโมฆะ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ แม้จะถูกสังคมกดดันอย่างหนัก แต่ พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่มีคำตอบและแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน 2.ปัญหาเสถียรภาพของรัฐบาล สะท้อนจากหลายกรณี โดยเฉพาะการที่รัฐบาลแพ้โหวตฝ่ายค้านใน สภาฯเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ในการลงมติในวาระพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาฯ ทำให้ เห็นภาพรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำเด่นชัดขึ้นมา

คาดพรรคเล็กข่มขู่กดดันไม่เลิก

นายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า 3.ปัญหา 5 พรรคเล็ก ขู่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลตลอดเวลา เพราะพรรคเล็กทราบดีว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ออกแบบมาเอื้อให้เกิดการเจรจาต่อรองกดดันข่มขู่เรียกรับผลประโยชน์ได้ตลอดเวลา 4.ปัญหาความขัดแย้งจากคุณสมบัติรัฐมนตรี การตั้งคนไม่ตรงกับงาน ลุกลามไปถึงการแบ่งงานของรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง ที่มีลักษณะของการรวบอำนาจของเจ้ากระทรวง การแบ่งงานที่ไม่เป็นธรรม จนความขัดแย้งขยายวงกว้าง และไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายที่หาเสียงไว้ได้ 5.ปัญหาที่กระทบต่อความมั่นคงส่งผลถึงความเชื่อมั่นรัฐบาลที่ลดลง เช่น การลอบวางระเบิดป่วนกรุงเทพมหานครในหลายจุด จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ชัดว่า แท้จริงแล้วสาเหตุของการวางระเบิดครั้งนี้มาจากเรื่องใด

“นคร” อัด “วรงค์” อคติเจ็บแค้น “ปู”

นายนคร มาฉิม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาโจมตี น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่ยอมเลิกราว่า ไม่ทราบว่ามีความเจ็บแค้นอะไรเป็นการส่วนตัว อยากเตือนด้วยความรักและปรารถนาดีว่า นพ.วรงค์ ควรทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นที่ศรัทธาของประชาชนจะดีกว่า ขณะนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าการปฏิรูปพรรคตัวเอง ผลักดันให้เป็นเสาค้ำยันให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยการเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขรัฐธรรมนูญ อยากเห็น นพ.วรงค์เป็นแพทย์นักการเมืองที่มีคุณภาพ แสดงบทบาทอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะขณะนี้อยู่ฝ่ายรัฐบาล อะไรที่รัฐบาลทำไม่ถูก ขอให้ กล้าวิพากษ์วิจารณ์ การพูดแต่เรื่องเก่าๆของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ช่วยให้ปัญหาความยากจนดีขึ้น ไม่ได้ช่วยให้ประเทศพ้นจากวังวนของการสืบทอดอำนาจของ คสช. ที่สำคัญควรจะมองให้เห็นความจริงอย่างไม่มีอคติ ไม่ทำเพื่อยศตำแหน่ง หรือผลประโยชน์ส่วนตัว หรือไม่ทำเพื่ออามิสสินจ้าง แต่ควรมองความจริงและทำเพื่อประชาชนและประชาธิปไตยด้วยอุดมการณ์ในวิถีประชาธิปไตย น่าจะเป็นประโยชน์ ต่อชาติบ้านเมืองมากกว่า

“เทพไท” ชี้ “บิ๊กตู่” สารภาพผิดเองแล้ว

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ วิเคราะห์สถานการณ์การเมือง ให้สมาชิกสภากาแฟที่ จ.นครศรีธรรมราช รับฟัง ในประเด็นการถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหมว่า พล.อ.ประยุทธ์ออกมาขอโทษต่อ ครม.แล้ว แสดงว่าท่านได้ยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นของตัวเองแล้ว แม้จะอ้างว่าไม่ได้เจตนา แต่ถือว่าความผิด ได้เกิดขึ้นโดยสมบูรณ์แล้ว ด้วยการสารภาพของตัว ผู้กระทำเอง

ทางเลือกมีแค่ลาออกกับขออภัยโทษ

นายเทพไทกล่าวอีกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางออกของ พล.อ.ประยุทธ์จึงมีอยู่ 2 ทางคือ 1.ขอพระราชทานอภัยโทษ ขอพระบรมราชานุญาต นำ ครม.เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณใหม่เพื่อให้ครบถ้วนสมบูรณ์ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญใหม่ และต้องมีการแถลงนโยบายใหม่ต่อที่ประชุมรัฐสภาอีกครั้ง เพราะการแถลงนโยบายที่ผ่านมาไม่มีความชอบธรรม ครม.ไม่สมบูรณ์ ย่อมทำให้การแถลงนโยบายไม่สมบูรณ์ตามไปด้วย แต่จะมีคำถามที่ตามมาคือ ทำให้ระคายเคืองเบื้องยุคลบาทหรือไม่ และผลการปฏิบัติหน้าที่ มติใดๆของ ครม.ชุดนี้จะมีผลทางกฎหมายอย่างไรต้องตีความกันต่อไป 2.พล.อ.ประยุทธ์อาจแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ตามสปิริตและมาตรฐานสากลทางการเมืองด้วยการประกาศลาออกจากนายกฯ แล้วเริ่มกระบวนการสรรหานายกฯ ใหม่ ให้สมาชิกรัฐสภาโหวตเลือกนายกฯใหม่ ตั้งครม. ถวายสัตย์ปฏิญาณ แถลงนโยบายต่อรัฐสภาใหม่ แล้วปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินต่อไป

ทู่ซี้กันไป ส.ส.ถอนตัวเจอจุดจบ

นายเทพไทกล่าวต่อว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์แก้ปัญหานี้ด้วยการเลือกแนวทางอื่น หรือจะทำไม่รู้ไม่ชี้ ทู่ซี้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป เชื่อว่าจะมีกระแสกดดันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนทำให้รัฐบาลขาดการยอมรับ ขาดความเชื่อมั่นจากประชาชน ยิ่งในภาวะที่เสียงสนับสนุนรัฐบาลปริ่มน้ำ พรรคเล็กพรรคน้อยออกมาข่มขู่ถอนตัวรายวัน จะทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลไม่มั่นคง หรือหาก ส.ส.ฝ่ายหนุนรัฐบาลถอนตัวป่วย ขาดประชุม มาประชุมสายเพียง 10 คน ในวันที่พิจารณากฎหมายสำคัญๆ รัฐบาลจะพบกับจุดจบอย่างง่ายดาย จึงอยากเตือนให้รัฐบาลพึงระวัง และตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ด้วย

ปชป.โต้ “กอร์ปศักดิ์” วิจารณ์ พณ.

นายสรรเสริญ สมะลาภา รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะทำงานนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า จากกรณีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตรองนายกฯและรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตำหนิกระทรวงพาณิชย์ถึงมาตรการทางการตลาดของผลไม้ว่าไม่ควรรอให้ถึงฤดูผลผลิตออกแล้วค่อยคิดแก้ เสนอให้ไปรษณีย์ไทยส่งผลไม้ไปสาขาทั่วประเทศ และวางขายหน้าสำนักงานว่า ที่จริงนายจุรินทร์ได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผลไม้ไว้นานแล้ว และได้เป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ระหว่างภาครัฐและเอกชน 44 หน่วยงาน ตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. ก่อนที่นายกอร์ปศักดิ์แสดงความเห็นหลายวัน

ผุด 6 ข้อช่วยชาวสวนระบายผลไม้

นายสรรเสริญกล่าวอีกว่า มาตรการนั้นครอบ คลุมไปไกลกว่ามี 6 ข้อ คือ 1.พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ได้ส่งกล่องขนาดต่างๆให้กับเกษตรกรเพื่อบรรจุผลไม้ไว้จำหน่าย และสนับสนุนค่าขนส่งตั้งแต่แหล่งผลิตและจุดรวบรวมไปยังจุดจำหน่าย 2.จัดหาช่องทางจำหน่ายให้กับเกษตรกร อาทิ ห้างสรรพสินค้า ร้านธงฟ้าประชารัฐ เป็นต้น ที่รับซื้อผลไม้เพื่อนำไปวางจำหน่ายใน 1,800 สาขา บางจากและพีที ที่รับซื้อผลไม้จากกลุ่มสหกรณ์เพื่อไปวางจำหน่ายในกว่า 1,750 สาขา เป็นต้น 3.ช่วยเหลือด้านน้ำหนักสำหรับผู้โดยสารเครื่องบินที่ต้องการขนผลไม้ โดยไม่คิดค่าบริการเพิ่ม 4.ผลักดันการส่งออก ช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยที่ต้องการส่งผลไม้ไปต่างประเทศ ถ้ากู้เงินจากสถาบันการเงิน จะช่วยเหลือด้านภาระดอกเบี้ยอัตรา 3 เปอร์เซ็นต์ 5.จัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจเพื่อจำหน่ายผลไม้ และ 6.เร่งการวิจัยและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะทุเรียนป้องกันกลิ่นให้นำขึ้นเครื่องบินได้ โดยมีระบบขึ้นทะเบียนเกษตรกรและผู้ค้า เตรียมความพร้อมให้แก่เกษตรกรชาวสวนผลไม้ ที่จะออกผลผลิตช่วงปลายปี 62 เพื่อกระจายผลผลิต 20,000 ตัน จากแหล่งผลิตไปจำหน่ายช่องทางต่างๆ

ท่านใหม่แนะนายกฯขออภัยโทษ

วันเดียวกัน พล.อ.หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล หรือท่านใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กมีเนื้อหาว่า “คราวนี้ขอยุ่งเรื่องการเมืองหน่อย ครับ...ผมเห็นว่า กรณีที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากกรณีกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่เป็นไปตามมาตรา 161 ของรัฐธรรมนูญนั้น และหากเห็นว่าไม่ครบถ้วนจริงๆ นายกรัฐมนตรีสมควรทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษ เพื่อขอพระบรมราชวินิจฉัยว่า “ต้องถวายสัตย์ฯอีกครั้งหรือไม่ หรือจะมีพระราชประสงค์ให้ ดำเนินการอย่างไร” ที่จริงแล้วผมอยากให้ฝ่ายค้านจบเรื่องนี้ได้แล้ว ทางที่ดีพรรคร่วมฝ่ายค้านน่าจะเอาเวลาไปลงพื้นที่ เพื่อรับฟังปัญหาของพี่น้อง ประชาชน แล้วสะท้อนกลับมายังรัฐบาล เพื่อที่รัฐบาลจะได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งดีกว่ามาทำเรื่องที่ไม่เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ด้วยความเคารพ ครับ”

“ท็อป” ชมฝ่ายค้านทำงานละเอียด

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในฐานะประธานกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีปัญหาถวายสัตย์ปฏิญาณตนของนายกฯ และคณะรัฐมนตรี ส่งผลกระทบต่อการทำงานของ ครม.หรือไม่ ว่าเป็นปัญหาที่ฝ่ายค้านมอง แต่ในฐานะอยู่ฝ่ายบริหารประเด็นสำคัญที่สุดวันนี้คือการทำงานแก้ไขความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับประชาชนและประเทศไทย เช่น ปัญหาไฟป่าพรุ ในภาคใต้ ปัญหาภัยแล้งในภาคอีสาน จึงขอระดมสรรพกำลังเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ก่อน ส่วนการถวายสัตย์ปฏิญาณเชื่อว่าฝ่ายกฎหมายของสำนักเลขาคณะรัฐมนตรีและฝ่ายที่เกี่ยวข้องคงหาวิธีตรวจสอบและดำเนินการเพื่อความถูกต้อง เมื่อถามว่าฝ่ายค้านจี้ให้นายกฯลาออกเพื่อรับผิดชอบ นายวราวุธกล่าวว่า นี่คือการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านเมื่อมีสภาฯ ถูกต้องแล้วที่ฝ่ายค้านต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ ขอชื่นชมว่าทำงานได้ละเอียดมาก ส่วนนายกฯจะมีปฏิกิริยาอย่างไรคงอยู่ที่ดุลพินิจของนายกฯ ทั้งหมดนี้เป็นไปตามครรลองของประชาธิปไตย

“พิเชษฐ-เต้” ย้ำทำหน้าที่ ส.ส.อิสระ

อีกเรื่อง นายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐเตรียมจัดตำแหน่งข้าราชการเมืองให้พรรคเล็กว่า ขอยืนยันว่าตนและนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เป็น ส.ส.ฝ่ายประชาชน ไม่เป็นฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ขอทำหน้าที่อิสระตามโจทย์ของพี่น้องประชาชน ถ้ารัฐบาลทำถูกต้องจะโหวตสนับสนุน เป็นกำลังใจให้ หากพบเห็นรัฐบาลทำอะไรไม่ถูกต้อง จะทักท้วงและตรวจสอบ

กาหัวโหวตไม่ไว้วางใจ รมต.

“พวกผมจะทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล โดยเฉพาะช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ขณะนี้มีรัฐมนตรีหลายคนที่ดูพฤติกรรมแล้ว จะต้องถูกโหวตไม่ไว้วางใจ แม้เพิ่งเริ่มต้นบริหารงาน ส่วนกรณีแกนนำพรรคพลังประชารัฐพยายามจะจัดสรรโควตาข้าราชการการเมืองให้ ขอย้ำว่าเราไม่รับทุกตำแหน่ง เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีของนักการเมือง ไม่เช่นนั้นกลุ่มการเมืองอื่นๆ อาจเคลื่อนไหวอีกเพื่อต่อรองตำแหน่งจนรัฐบาลไม่มีสมาธิทำงาน ส่วนตำแหน่งในฝ่ายนิติบัญญัติ เช่น ประธานคณะกรรมาธิการสามัญคณะต่างๆ กรรมาธิการชุดต่างๆ ส.ส.ทุกคนต้องเข้าไปเป็น เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบในนามฝ่ายนิติบัญญัติ แต่ตอนนี้ไม่อยากเข้าไปรับตำแหน่ง เพราะอาจถูกผู้ไม่หวังดีบิดเบือนข้อเท็จจริง โจมตีป้ายสีทางการเมืองได้” นายพิเชษฐกล่าว

13 ส.ค. “มงคลกิตติ์” แถลงถอนตัว

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศิวิไลย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ในวันที่ 13 ส.ค. เวลา 13.00 น. จะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ที่โรงแรมเซ็นทารา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ โดยคณะกรรมการบริหาร ที่ปรึกษา สมาชิกอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ จะร่วมกันแถลงอย่างเป็นทางการในการออกจากพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปลี่ยนเป็นสถานะ “ฝ่ายค้านอิสระ” หรือเรียกว่า “ฝ่ายประชาชน”

“บิ๊กป้อม” ขอส่วนตัวเบิร์ธเดย์ 74 ปี

เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 11 ส.ค. ที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปทำบุญเนื่องในวันคล้ายวันเกิดอายุ 74 ย่าง 75 ปี เป็นการส่วนตัวร่วมกับครอบครัว จากนั้นเวลา 07.30 น. ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 ทม.รอ.) มีบุคคลสำคัญและนายทหารชั้นผู้ใหญ่นำกระเช้าของขวัญและช่อดอกไม้เดินทางเข้าอวยพร พล.อ.ประวิตรเนื่องในวันคล้ายวันเกิด อาทิ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วีรชัย อินทุโศภน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร สมาชิกวุฒิสภา พล.อ.เทพพงษ์ ทิพยจันทร์ สมาชิกวุฒิสภา พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อดีต รมช.กลาโหม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. โดยภายในมูลนิธิมีการออกร้านอาหารไว้รองรับ คนที่มาร่วมงานเป็นการภายในโดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าว

“บิ๊กตู่-บิ๊กป๊อก” ฉลองล่วงหน้าแล้ว

พล.อ.ประวิตรได้มอบพระขุนแผนรุ่นเจริญยศ พ.ศ.2559 วัดใหม่โพธิ์เย็น จ.ปราจีนบุรี พร้อมกระเป๋าเป้ให้ผู้ที่มาร่วมอวยพรเป็นที่ระลึก อย่างไรก็ตาม ช่วงสาย พล.อ.ประวิตรพร้อมคนในครอบครัวและนายทหารคนสนิท เดินทางไปทำบุญถวายเพลที่วัดชนะสงครามเป็นการส่วนตัว ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้อวยพรวันเกิดล่วงหน้าเมื่อวันที่ 10 ส.ค. พร้อมทั้งรับประทานอาหารค่ำร่วมกัน ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง

แจ้งสื่องดทำข่าวไม่จัดอะไรพิเศษ

พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่าวันนี้ของดสื่อมวลชนไม่ให้ทำข่าว เพราะไม่ได้จัดงานอะไรเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 12 ส.ค. ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด จะนำคณะกรรมการของมูลนิธิ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางพานพุ่มเฉลิมพระเกียรติ ถวายเครื่องราชสักการะ ถวายราชสดุดีและถวายพระพรชัยมงคลหน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด