“พิชัย”ห่วง “บิ๊กตู่” ถูกวางยาให้เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทั้งที่ไม่รู้เรื่อง เผย 8 ข้อ “สมคิด” พูดในสภาไม่ตรงกับความจริง พร้อมถามเป็นคนขอให้ “บิ๊กตู่” เรียกกัก “พิชัย” 7 วัน ใช่หรือไม่

วันที่ 3 ส.ค. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวในงานเสวนาหัวข้อ “วิพากษ์ & เสนอแนะ นโยบายรัฐบาลประยุทธ์ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และการป้องกันผลกระทบจากสงครามการค้าโลก ทำได้จริงหรือภาพลวงตา” จัดโดย สภาที่ 3 ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ว่า รู้สึกเป็นห่วงเศรษฐกิจของไทยในปีนี้อย่างมาก เพราะสัญญาณเศรษฐกิจ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันยังแย่ถึงแย่มาก การขยายตัวในไตรมาสที่สองที่จะประกาศกลางเดือนนี้ น่าจะออกมาแย่มากพอๆ กับไตรมาสแรก แต่ที่น่าตกใจและประหลาดใจอย่างมาก คือ พลเอกประยุทธ์ ที่เพิ่งแสดงความไม่รู้เรื่องทางเศรษฐกิจในการอภิปรายนโยบาย กลับกล้ารับตำแหน่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ หลังจากที่เป็นนายกฯ ควบ รมว. กลาโหม ดูแลตำรวจ และ ดีเอสไอ แล้ว และยังปล่อยให้เกิดระเบิดในกรุงเทพฯ 5 แห่ง ในเวลาใกล้กันได้ และยังจะมาดูแลเศรษฐกิจที่ไม่ถนัดอีก ซึ่งจะยิ่งทำลายความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจปีนี้ ทำให้สงสัยว่าเศรษฐกิจจะดีได้อย่างไร ทั้งนี้เชื่อว่า การที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ผลักดันให้พลเอกประยุทธ์ เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจแทนตัวเอง มีเหตุผล 2 ประการ ดังนี้

1. นายสมคิดน่าจะทราบดีว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้อย่างไรก็ย่ำแย่ การตั้งพลเอกประยุทธ์เท่ากับเป็นการปัดความรับผิดชอบในความล้มเหลวทางเศรษฐกิจในปีนี้ ให้กับพลเอกประยุทธ์ และเมื่อพลเอกประยุทธ์ล้มเหลว ก็ต้องขอร้องนายสมคิดให้กลับมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจแทนตน

2. นายสมคิด ทราบดีว่า ไม่สามารถคุม รองนายกฯ และ รมต.เศรษฐกิจ จากพรรคร่วมรัฐบาลอื่นได้ ขนาดช่วง 5 ปี ที่คุมได้หมด ยังทำเศรษฐกิจล้มเหลว นี่คุมไม่ได้เลยจะยิ่งล้มเหลวเข้าไปใหญ่ จึงอาศัยพลเอกประยุทธ์ เข้ามาช่วยคุมและสั่งการ รมต. ต่างพรรคแทน แต่พลเอกประยุทธ์ จะไม่เข้าใจว่า ต้องสั่งอะไร สั่งอย่างไร เพื่อให้เกิดผลในภาพรวมเช่นไร ในที่สุดแล้ว ก็จะล้มเหลวอย่างหนัก และ ต้องรับผิดชอบเต็มๆ เพราะเศรษฐกิจโลกไม่เอื้ออำนวยและเศรษฐกิจไทยก็แย่มาตลอด 5 ปีอยู่แล้ว เป็นทุนเดิม ต่างกับที่นายอุตตม พูด

...

นอกจากนี้ การที่นายสมคิด อภิปรายในสภาซึ่งฟังแล้วเหมือนจะดี คล้ายว่าความผิดพลาดล้มเหลวทั้งหมดในปัจจุบัน เกิดจากรัฐบาลก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ทำมา 5 ปีแล้ว แต่ไม่มีผลงานอะไร และพูดเหมือนว่า ได้วางรากฐานไว้แล้วทั้งๆ ที่ไม่ได้สร้างรากฐานอะไรไว้เลย เอาเรื่องที่ยังไม่เกิดมาเป็นผลงาน ซึ่งที่ผ่านมาเป็นความล้มเหลวทั้งหมด จึงอยากให้ข้อคิด 8 ประเด็น ดังนี้

1. การที่นายสมคิดบอกว่า สามารถทำเศรษฐกิจของประเทศเติบโต มาทุกปี จาก 1% มา 3% มา 3.3 มา 3.8 จนมา 4% แต่ ปีนี้จะทรุดอีก ซึ่งใช้เวลาถึง 5 ปี ซึ่งเป็นการเติบโตที่ต่ำกว่าศักยภาพมาก และ เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำที่สุดในอาเซียนมาตลอด เหมือนอยู่ในภาวะกบต้ม แต่นายสมคิด กลับกล้านำมาเป็นผลงาน ความจริง คือ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจต้องฟื้นแบบก้าวกระโดด เช่น ในปี 54 ที่เศรษฐกิจโตเพียง 0.1% เพราะน้ำท่วมใหญ่ แต่พอปี 55 กลับโตได้ถึง 7.2% เป็นต้น หรือ ในสมัย รัฐบาลอภิสิทธิ์ ช่วงวิกฤตการณ์แฮมเบอเกอร์ เศรษฐกิจติดลบ 2.3% แต่อีกปีถัดมาก็โตได้ 7.5% ไม่ได้โตแบบซึมๆ เหมือน 5 ปีที่ผ่านมา และยังกล้านำมาโม้อีก

2. ตามที่นายสมคิดได้โทษรัฐบาลก่อนหน้านี้ ทำเศรษฐกิจไทยปี 2556 โตได้เพียง 2.9% ปี 2557 โต 1% ในไตรมาสแรกปี 2558 ติดลบ 4% แต่นายสมคิดไม่ได้บอกว่า สาเหตุหลักของเศรษฐกิจตกต่ำ มาจากการประท้วงปิดบ้านปิดเมืองของของ กปปส. ซึ่งนำมาสู่การปฏิวัติ จึงทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ เพราะถ้าไม่ประท้วงเศรษฐกิจจากปี 2555 ที่โตได้ถึง 7.2% จะส่งโมเมนตัมให้ปี 2556 โตได้ 4% และ ปีต่อๆมาน่าจะโตได้ 4-5 % เป็นอย่างต่ำ ไม่ใช่ 2-3% เหมือน 5 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งหากโยงไปถึงการอภิปรายในสภาที่เผยกันว่า มีการเตรียมการกันมา 3 ปีแล้ว อีกทั้ง แกนนำ กปปส. ก็ได้เป็น รัฐมนตรีกันหลายคนใน ครม.นี้ ก็คงน่าจะพอบอกได้ว่า ใครควรรับผิดชอบกับเศรษฐกิจที่ตกต่ำในช่วงนั้น

3. นายสมคิดอ้างว่า การส่งออกไทยตกต่ำมาตลอด เพราะเศรษฐกิจโลกไม่ดี ซึ่งไม่จริง ตอนเศรษฐกิจโลกดี เศรษฐกิจไทยก็ไม่ดี ขยายตัวต่ำมาตลอด ส่งออกย่ำแย่มาตลอด ในขณะที่ประเทศในอาเซียนโดยเฉพาะเวียดนาม กลับขยายการส่งออกได้มากมาตลอด ซึ่งขึ้นกับการบริหารของรัฐบาลมากกว่า 5 ปี ส่งออกไทยโตเฉลี่ยเพียงปีละ 2 % กว่าเท่านั้น

4. นายสมคิดอ้างว่า นักลงทุนไทยไม่ลงทุนเพราะความเสี่ยงทางการเมือง ความจริงคือ ไม่เฉพาะแต่นักลงทุนไทยเท่านั้น นักลงทุนต่างประเทศก็ยิ่งไม่ลงทุน สิ่งที่นายสมคิดไม่พูดถึงคือ ความเสี่ยงทางการเมืองนี้ เกิดมาจากการทำปฏิวัติรัฐประหารใช่หรือไม่ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่การแข่งขันของไทยลดต่ำลงตามการประเมินของ WEF ซึ่งการปฏิวัตินี้ใครเป็นคนทำ นอกจากนี้ การลงทุนใน EEC ยังอยู่ในระดับที่ต่ำมากไม่ได้มากจริงอย่างที่โม้ อยากให้นายสมคิดได้เปิดเผยตัวเลขการลงทุนที่แท้จริงในแต่ละปีทั้งหมด

5. การที่นายสมคิดพูดเหมือนดูถูกคนจนว่า คนจนเห็นอะไรก็คว้าแล้ว เพราะคิดแบบนี้ใช่หรือไม่ ถึงตลอด 5 ปี รัฐบาลถึงทำให้ประชาชนลำบากและยากจนอย่างมากและเพิ่งมาแจกเงินผ่านบัตรคนจนก่อนเลือกตั้งไม่นาน เพื่อหวังให้ประชาชนเลือกพรรคที่สนับสนุน พลเอกประยุทธ์ อีกทั้งต้องการทำให้คนจนมากๆ เพื่อให้สามารถซื้อเสียงได้ใช่หรือไม่ เพราะสมัยเศรษฐกิจดี งานวิจัยบอกว่า ซื้อเสียงไม่มีผลต่อการเลือกตั้ง

6. การที่นายสมคิดอ้างว่า ไม่ได้ช่วยคนรวย เพราะคนรวยรวยอยู่แล้ว แต่ความจริงคือ ตลอด 5 ปีนี้ คนรวยของไทยรวยขึ้นไปอีกคนละหลายแสนล้าน จากการรายงานของนิตยสารฟอร์ปส์ ในขณะที่คนจนจนลงมาก จนทำให้ประเทศไทยติดอันดับ 1 ของความเหลื่อมล้ำ นายสมคิด จะอธิบายได้อย่างไร

7. การที่นายสมคิดอ้างว่า ต่างประเทศจัดอันดับไทยดีขึ้น ก็อยากให้นานสมคิดได้ดูว่า อันดับที่ดีขึ้นนั้นดีกว่าสมัยก่อนการปฏิวัติหรือไม่ เช่น อันดับความสะดวกที่คุยนักคุยหนาว่าดีขึ้นอยู่ที่ 27 แต่ก่อนปฏิวัติอยู่ที่ 18 เป็นต้น อีกทั้ง อยากให้พูดถึงหลายองค์กรหลักต่างประเทศที่จัดอันดับไทยแย่ลงด้วย และหลายสื่อหลักต่างประเทศที่วิจารณ์ไทยอย่างหนักด้วย เช่น วิจารณ์ไทยย้อนหลัง 30 ปี และ บอกไทยเป็นคนป่วยของอาเซียนและจะป่วยหนัก

8. สมคิด บอก ที่ประเทศมีปัญหาเพราะเอาชนะกันมากไป ต้องถามว่าใครเอาชนะมากไป ตลอด 10 กว่าปีนี้ ใครทำทุกวิถีทางที่จะชนะ ทั้งปฏิวัติ และ ทั้งร่างรัฐธรรมนูญแปลกประหลาดที่ใช้กันอยู่ ขนาด ดิอิโคนอมิสต์ ยังบอกพลเอกประยุทธ์บิดทุกกฎหมายเพื่อสืบทอดอำนาจ และที่สำคัญ คือ อยากถามนายสมคิดว่า ตามข้อมูลที่ได้รับมา จริงหรือไม่ ที่นายสมคิดเป็นคนไปบอกพลเอกประยุทธ์ ให้เรียกนายพิชัย ไปกักตัว 7 วัน ในปี 2558 เพราะห่วงว่า นายพิชัย จะพูดความจริง ทางเศรษฐกิจะทำให้ประชาชนไม่เชื่อถือนายสมคิด ถ้าเป็นจริง ก็อยากถามว่า ใครกันแน่ที่เอาชนะมากเกินไป โดยไม่ดูความเสียหายของประเทศ

นี่เป็นแค่บางเรื่องเท่านั้น หากจะเอาทุกเรื่องที่พูดไม่หมด หรืออาจจะไม่ตรงความจริงยังมีอีกมาก ดังนั้นจึงอยากให้นายสมคิดได้พูดให้ครบ และอยากให้ประชาชนได้พิจารณาทุกด้านอย่างเชื่อแค่ลีลาและท่าทางการพูดโดยไม่พิจารณาความจริงว่าเศรษฐกิจไทยล้มเหลวมา 5 ปี และยังไม่มีทิศทางที่จะดีขึ้นได้อย่างไร