รมว.ทส.สั่ง ระดมชุดปฏิบัติการพิเศษดับไฟป่าจากกรมป่าไม้ และกรมอุทยานฯ ลงพื้นที่ช่วยดับไฟป่าพรุควนเคร็ง เมืองคอน ภายหลังยังมีการปะทุของไฟป่าขึ้นมาอีก
จากกรณีได้เกิดไฟไหม้ป่าพรุ ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการดับไฟป่า ของกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ของ จ.นครศรีธรรมราช ได้ร่วมกันเร่งบูรณาการหน่วยงานต่างๆ ควบคุมไฟป่า จนสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ แต่ภายหลังได้เกิดการปะทุของไฟป่าขึ้นมาใหม่อีกครั้งเป็นรอบที่สอง โดยวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 พบว่าไฟป่ายังคงลุกลามเข้าใกล้แหล่งชุมชนจำนวน 2 จุด คือในพื้นที่ หมู่ที่ 4 ต.การเกด อ.เชียรใหญ่ และในพื้นที่ หมู่ที่ 12 ต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังนับร้อยนาย พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือเข้าควบคุมไฟป่า เพื่อป้องกันและสกัดกันไม่ให้เปลวไฟลุกลามไปยังบริเวณบ้านเรือนชุมชน ที่อยู่อาศัยและสถานที่ของทางราชการที่อยู่ใกล้เคียง รวมพื้นที่ไฟไหม้ประมาณ 400 ไร่
ล่าสุด นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้เพิ่มกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวไฟ ของกรมป่าไม้ และชุดปฏิบัติการพิเศษเสือไฟของ
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จากภูมิภาคอื่นๆ ทั่วประเทศส่งกำลังมาเติมเพื่อลงไปช่วยเสริมกำลังเป็นการด่วนเพื่อเป็นการสับเปลี่ยนกำลัง และเพิ่มกำลังพร้อมอุปกรณ์ ในการเร่งควบคุมสถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุให้ได้ โดยให้มีการร่วมจัดตั้งศูนย์บัญชาการควบคุมไฟป่า พรุควนเคร็ง จ.นครศรีธรรมราช ร่วมประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทาง จ.นครศรีธรรมราช เป็นการเร่งด่วน
...
ทางด้าน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า ป่าพรุควนเคร็ง มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 250,883 ไร่ เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ตอนกลาง ครอบคลุมพื้นที่คาบเกี่ยวของ
3 จังหวัด ตั้งแต่ลุ่มน้ำปากพนังในเขตอำเภอเฉลิมพระเกียรติ,อำเภอเชียรใหญ่, อำเภอหัวไทร, อำเภอชะอวด, อำเภอร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช อำเภอควนขนุน จ.พัทลุง จนถึงพื้นที่ตอนบนของทะเลสาบสงขลา จ.สงขลา ในพื้นที่ประกอบด้วยเขตห้ามล่าสัตว์ป่าจำนวน 2 แห่ง ป่าสงวนแห่งชาติพื้นที่ของโครงการมูลนิธิชัยพัฒนา เขตพื้นที่เพื่อการปฏิรูปที่ดิน (สปก) เขตพื้นที่เอกชนซึ่งรอบๆ พื้นที่มีประชาชนอยู่อาศัยหลายหมื่นคน ที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปี 2562 เกิดไฟป่าไหม้ป่าพรุไปแล้ว 88 ครั้ง เนื้อที่ความเสียหายรวม 4,968ไร่
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันไฟป่าในพื้นที่เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ จากการรายงานของเจ้าหน้าที่ทราบว่าสาเหตุหลักของไฟไหม้ป่าพรุในครั้งนี้ มาจากการลุกลามมาจากพื้นที่ ทำการเกษตรของประชาชนรอบๆ พื้นที่เข้ามาในเขตพื้นที่ป่าพรุจนลุกลามออกไปเป็นวงกว้าง และในช่วงเวลานี้ระดับน้ำในเขตป่าพรุ มีระดับลดลงมากปริมาณเชื้อเพลิงที่สะสมตกค้างมีจำนวนมาก ประกอบกับช่วงนี้มีกระแสลมรุนแรง ทำให้ไฟป่าที่เกิดขึ้นมีความรุนแรง เมื่อเข้าควบคุมไฟป่าทำได้ยาก ถึงแม้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมได้แล้วก็มีโอกาสสูงที่จะมีการปะทุขึ้นใหม่ของไฟป่า ซึ่งต้องมีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง โดยขอความร่วมมือจากภาคประชาชน หากพบเหตุไฟป่าสามารถแจ้งมาทางสายด่วน 1310 กด 3 เพื่อให้เจ้าหน้าป้องกันไฟป่าสามารถเข้าระงับเหตุได้ทันสถานการณ์ไม่ให้เกิดลุกลามขยายเป็นวงกว้าง นอกจากสายด่วนแล้ว ประชาชนสามารถแจ้งผ่านระบบแอปพลิเคชัน “พิทักษ์ไพร” ของกรมป่าไม้ได้อีกช่องทางหนึ่ง