“ประยุทธ์” กล่าวเปิดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 52 หวังสร้างความต่อเนื่องและผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม

เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 31 กรกฎาคม 2562 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานกล่าวในพิธีเปิดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 52 โดยในการประชุมครั้งนี้ประกอบด้วย รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนและประเทศที่ได้รับเชิญ อาทิ สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี สาธารณรัฐเปรู ราชอาณาจักรนอร์เวย์ สาธารณรัฐตุรกี และสมาพันธรัฐสวิส เลขาธิการอาเซียน เข้าร่วม
 
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อาเซียนได้สร้างสรรค์ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมที่สำคัญหลายประการตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ได้แก่ การสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ โดยในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 ผู้นำในอาเซียนได้ร่วมรับรองวิสัยทัศน์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืน นอกจากนี้ ผู้นำอาเซียนได้ร่วมกันเปิดตัวคลังเก็บสิ่งของช่วยเหลือทางไกลของอาเซียน ภายใต้โครงการจัดตั้งระบบโลจิสติกส์ฉุกเฉินสำหรับใช้ในกรณีเกิดภัยพิบัติของอาเซียน ที่เรียกว่าศูนย์เดลซ่า (DELSA) และดำเนินการยกระดับศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนเป็นองค์กรของอาเซียนอย่างเป็นทางการ รวมไปถึงร่วมรับรองปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน
 
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เผยด้วยว่า อาเซียนไม่สามารถบรรลุผลได้เพียงลำพัง แต่ต้องเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจาอาเซียน และประเทศนอกภูมิภาค รวมทั้งเปิดรับความร่วมมือกับภาคีต่างๆ สะท้อนได้จากการเข้าร่วมการประชุมผู้นำ G20 ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนมิถุนายน 2562 ในฐานะประธานอาเซียน โดยได้นำเสนอผลลัพธ์การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือใน 4 ประเด็น ได้แก่ 1.การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีทางการเงิน 2.การลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างเมืองและชนบท 3.การอนุรักษ์และฟื้นฟู สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางธรรมชาติ และ 4.การพัฒนาทุนมนุษย์

...

 
อีกทั้ง การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศครั้งนี้ถือว่าเป็นโอกาสดี เพื่อสร้างความต่อเนื่องจากการประชุมต่างๆ และผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ใน 3 แนวทาง ดังนี้ 1.การใช้ประโยชน์จากกลไกที่อาเซียนมีบทบาทนำ และความร่วมมืออาเซียนกับประเทศคู่เจรจา เพื่อสร้างความยั่งยืนในทุกมิติให้อาเซียน และเพื่อประโยชน์ของประชาชนอาเซียนทุกคน 2.การส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกัน ด้วยการใช้ประโยชน์จากแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียนฉบับปัจจุบันกับยุทธศาสตร์ความเชื่อมโยงต่างๆ นอกภูมิภาค ในมิติต่างๆ 3.การเสริมสร้างความมั่นคงในภูมิภาค ด้วยการเชิญชวนให้มิตรประเทศมาร่วมมือบนหลักการของ 3M ด้วยการสร้างบรรยากาศที่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน เคารพและเข้าใจในความแตกต่างหลากหลายระหว่างกัน และมุ่งสู่ผลประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้งการร่วมกันแก้ไขข้อขัดแย้งโดยสันติวิธี
 
อย่างไรก็ตาม หวังว่าการประชุมในครั้งนี้จะนำไปสู่แนวทางร่วมกันในการแปรเจตนารมณ์สู่การปฏิบัติ และสร้างสรรค์ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม บนพื้นฐานของความเป็นหุ้นส่วนที่ดีกับมิตรประเทศ องค์กรระหว่างประเทศและภูมิภาค และภาคส่วนต่างๆ เพื่อให้เกิดขึ้นได้ในที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 ในเดือนพฤศจิกายน 2562.

(ภาพจาก thaigov.go.th)