“จาตุรนต์” เข้ารับทราบการโอนคดีจากศาลทหารเข้าสู่การพิจารณาของศาลอาญา เผย พลเรือนไม่ควรขึ้นศาลทหารตั้งแต่แรก ชี้ ปิดปากประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร

วันที่ 22 ก.ค. 2562 ที่ศาลทหารกรุงเทพ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ เดินทางเข้ารับทราบการโอนคดีจากศาลทหารเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลอาญา ในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ยุยงปลุกปั่น ทางการเมือง และเขียนบทความเป็นภาษาอังกฤษลงระบบออนไลน์ มีเนื้อหาเข้าข่ายขัด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากกรณีปาฐกถาที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย ช่วงเดือนพฤษภาคม 2557

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า คดีนี้ใช้เวลาสืบพยานมาแล้ว 5 ปี ในศาลทหาร ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่เมื่อคำสั่ง คสช. สิ้นสุดลง คดีที่ไม่เกี่ยวกับศาลทหารก็ถูกโอนย้ายไปยังศาลปกติ ถือเป็นเรื่องดี เพราะคดีอยู่ในศาลทหารเป็นคดีที่จบในศาลเดียว ต่างจากศาลยุติธรรม ที่มีหลักประกันว่าจะได้รับความยุติธรรมมากขึ้นเพราะมี 3 ศาล คือศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา ส่วนตัวไม่มีปัญหากับศาลทหารที่ผ่านมา แต่โดยหลักการแล้วพลเรือนไม่ควรขึ้นศาลทหารตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะพลเรือนที่วิจารณ์ทหาร และเป็นทหารที่ทำการรัฐประหาร ที่ผ่านมาเกิดความอยุติธรรมแก่พลเรือนจำนวนมากที่นำมาขึ้นศาลทหาร เพียงเพราะเป็นประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร การขึ้นศาลทหารถือเป็นการปิดปากไม่ให้ประชาชนวิจารณ์ ทำให้เป็นประโยชน์ต่อหัวหน้า คสช.

อย่างไรก็ตาม แม้คำสั่ง คสช. จะสิ้นสุดลง แต่คำสั่งที่ให้ทหารจับกุมเรื่องความมั่นคงยังมีอยู่ แม้จะมีการตีความว่าสิ้นสุดลงแล้ว แต่ก็ควรยกเลิกให้หมดไป ไม่ต้องมาตีความกฎหมายกัน.