"อนุดิษฐ์" เลขาฯ เพื่อไทยป้ายแดง ปัด "หญิงหน่อย"คุมพรรค แจงทำงานผสมผสานคนทุกรุ่น ยัน แม้กรรมการบริหารพรรคจะหน้าใหม่แต่ทุกคนเก๋าการเมือง ยอมรับกดดัน แต่มี "ภูมิธรรม" ให้คำปรึกษา
วันที่ 12 ก.ค. 2562 นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวหลังการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค ในการประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2562 พรรคเพื่อไทย ว่า ขอบคุณสมาชิกพรรคที่ให้ความไว้วางใจ ตำแหน่งนี้มีภารกิจสำคัญ หลังจากนี้จะตั้งใจทำหน้าที่ตามภารกิจของพรรคให้ดีที่สุด ขณะนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมืองหลังการรัฐประหารและฉีกรัฐธรรมนูญ ทำให้บริบททางการเมืองเปลี่ยนแปลงไป และการเลือก ส.ส. ที่ผ่านมา ผู้บริหารของหลายพรรคการเมืองไม่สามารถเข้าไปทำงานในสภาได้ จึงนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในการเลือกคนที่เข้ามาทำงานเป็นกรรมการบริหารพรรค
ส่วนแนวทางการทำหน้าที่หลังจากนี้ คิดว่ามี 2 ภาค คือ 1. การทำหน้าที่โดยตรงของ ส.ส. เป็นฝ่ายค้านในสภา ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล โดยต้องสนับสนุนการทำงานของ ส.ส. ฝ่ายค้านทั้ง 7 พรรค และ 2. ความเดือดร้อนของประชาชน จะต้องสนับสนุนสมาชิกอาวุโสของพรรคที่ไม่ได้ไปทำงานในสภา เช่น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เพื่อรับรู้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในปัจจุบัน
นอกจากนี้ นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ ชี้แจงด้วยว่า พรรคเพื่อไทยมีการปรับตัวอยู่เสมอเพื่อทำภารกิจในการตอบสนองจุดประสงค์ของพรรค คือ เป็นที่พึ่งพาของประชาชน ไม่เชิงปฏิรูปแต่เป็นเพียงแค่การปรับตัวให้เข้ากับสังคม โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่พัฒนา และการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป จึงจำเป็นต้องปรับพรรค ส่วนการเข้ามาทำงานของตนจะเกี่ยวข้องกับการเข้ามาของ คุณหญิงสุดารัตน์ หรือไม่ นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ กล่าวว่า พรรคทำงานผสมผสานกันของคนหลายช่วงวัย มีทั้งคนรุ่นใหญ่ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว คนรุ่นกลางที่มีประสบการณ์ และคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพของพรรค สำหรับข้อกังวลว่า กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เป็นคนหน้าใหม่หมดนั้น ย้ำว่าแม้ทุกคนจะเป็นคนรุ่นใหม่ แต่เก๋า มีความรู้ประสบการณ์การเมือง จึงมั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อพรรค
...
ขณะที่ กระแสข่าวพรรคปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคใหม่จะเป็นการเปลี่ยนขั้วของพรรคหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ ได้เสียสละทำงานช่วยเหลือพรรคตั้งแต่ได้รับการปลดล็อก 111 และช่วงเลือกตั้ง จึงถือว่าคุณหญิงทำงานที่พรรคมาโดยตลอด นอกจากนี้ เรื่องประเด็นเสียงคัดค้านตนภายในพรรค มองว่าความเห็นต่างเป็นความสวยงามของประชาธิปไตย ถ้าเห็นด้วยหมดคงจะแปลก แต่อย่างไรก็เป็นมติของเสียงส่วนใหญ่ จึงไม่กังวล เพราะส่วนหนึ่ง นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตเลขาธิการพรรคยังอยู่และพร้อมให้คำปรึกษา ให้ความรู้ ส่วนเรื่องการเปรียบเทียบการทำงานระหว่างตนกับ นายภูมิธรรม ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาจจะกดดัน แต่ก็ทำงานการเมืองมาเป็น 10 ปี และผ่านงานมาแล้วทุกฝ่าย จึงจะสามารถทนแรงกดดันเหล่านี้ได้
อย่างไรก็ตาม งานแรกของการเป็นเลขาธิการพรรคคือ การต่อยอดมรดกของอดีตหัวหน้าพรรคและอดีตเลขาธิการพรรค รวมทั้งการดูแลแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนผ่านสภาผู้แทนราษฎร และจะต้องลำดับความสำคัญในแต่ละเรื่องเพื่อนำมาปฏิบัติ.