สิ้นสุดเมื่อถึงวาระ
เป็นอันว่าการประชุม ครม.นัดสุดท้ายของรัฐบาล คสช. ซึ่งปฏิบัติหน้าที่บริหารประเทศมา 5 ปีกว่าๆ ได้ผ่านพ้นไปแล้ว
แม้สถานะของรัฐบาลยังดำรงอยู่จนกว่า ครม.ชุดใหม่จะเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายสัตย์ฯ เรียบร้อยถึงจะนับหนึ่งใหม่รัฐบาลต่อไป
เมื่อได้รัฐบาลใหม่ภายใต้มิติใหม่ทางการเมืองนั้น แม้จะยังไม่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ แต่ก็เข้าสู่ครรลองการเมือง “ครึ่งใบ”
ซึ่งก็ยังอยู่ในกรอบอยู่ในครรลองที่ต้องดำเนินต่อไป
อย่างไรก็ดี ใครที่จะเป็นรัฐมนตรีรับผิดชอบด้านเศรษฐกิจคงจะต้องทำการบ้าน ณ บัดนี้เป็นต้นไป เพราะเท่าที่มีการวิเคราะห์กันออกมาปรากฏในลักษณะที่น่าห่วงใยยิ่ง
เจ้าหน้าที่ธนาคารโลกประจำประเทศไทยได้รายงานล่าสุดระบุว่าได้มีการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2562 ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวเหลือแค่ 3.5% จาก 3.8% ปี 2563 คาดขยายตัว 3.6% และปี 2564 ขยายตัว 3.7%
สาเหตุที่เศรษฐกิจปีนี้ชะลอตัวเป็นผลมาจากไตรมาสแรกการส่งออกหดตัวมากที่สุดในรอบ 3 ปี รวมถึงการลงทุนภาครัฐที่ลดลงจากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ชะลอตัวลง
เพราะการเลือกตั้งที่ล่าช้า
ทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกขยายตัวแค่ 2.8% ตํ่าสุดในอาเซียน นอกจากนั้น รายได้จากภาษีของรัฐลดลงมาก ส่วนหนึ่งมาจากการเข้าสู่สังคมสูงอายุและการลงทุนภาคเอกชนเติบโตในอัตราชะลอตัวของเศรษฐกิจและการส่งออกที่ติดลบ
การท่องเที่ยวซึ่งถือเป็น “จักรกล” สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากจีน ทำให้มีรายได้จากส่วนนี้ทำให้เศรษฐกิจประเทศเดินหน้าไปได้
“แต่ความเสี่ยงที่ทำให้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสเติบโตตํ่ากว่าประมาณการคือการเมือง จากการตั้งรัฐบาลล่าช้า ส่งผลให้การลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐล่าช้าและเสี่ยงที่จะไม่ทำตามแผนเดิมสำหรับโครงการที่ยังไม่ลงนามก่อสร้าง”
...
“ยิ่งเป็นรัฐบาลผสมอาจทำให้นโยบายเศรษฐกิจไม่ต่อเนื่องและอาจมีปัญหามากขึ้นหากรัฐบาลใหม่อยู่ได้ไม่นาน ทำให้คาดว่าการลงทุนภาครัฐในโครงการลงทุนโครงการใหญ่จะล่าช้า 3 เดือนหรือมากกว่านั้นและมีความเสี่ยงต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปี”
การคาดการณ์เศรษฐกิจของธนาคารโลกประจำประเทศไทยนั้นดูเหมือนจะให้นํ้าหนักปัญหาการเมืองของไทยเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยตรง
อันเป็นความสัมพันธ์ที่แยกกันไม่ออก
ยิ่งที่เห็นและเป็นอยู่คือ “รัฐบาลเสียงปริ่มนํ้า” แม้จะมีการมองกันในแง่ดีว่าจะไปได้และทำให้ ส.ส.มีความรับผิดชอบในการทำหน้าที่
ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลใดก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้วถือว่าเป็นเรื่องยากไม่ใช่เล่น เพราะทุกอย่างล้วนมีปัจจัยต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้องและเป็นตัวแปรที่จะทำให้เป็นเหตุได้
คนสำคัญที่จะต้องทำให้ผ่านไปได้คือ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี
ว่าไปแล้วต้องเริ่มตั้งแต่วันแรกที่เริ่มเข้ามาทำงานบริหารประเทศเลยทีเดียวเพื่อทำให้เกิดความเข้าใจร่วมกัน
วันนี้รัฐบาลมี 19 พรรคการเมืองเข้ามาร่วมกันถือว่าเป็น “รัฐบาลผสม” ที่มีพรรคการเมืองมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
หากไม่สามารถสร้าง “อุดมการณ์ร่วม” ได้ นับเวลาถอยหลังได้เลย.
“สายล่อฟ้า”