การประชุม ครม. วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม เป็นการประชุม “ครม.นัดสุดท้าย” ของ รัฐบาล คสช. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะปฏิวัติ หัวหน้า คสช. เป็น นายกรัฐมนตรี ครองอำนาจมานานกว่า 5 ปี ก่อนที่จะมีการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง คณะรัฐมนตรีใหม่ กลางเดือนนี้ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ เป็น นายกรัฐมนตรี เหมือนเดิม
พล.อ.ประยุทธ์ แถลงกับสื่อหลังการประชุม ครม. นัดสุดท้ายว่า
หลังจากพิธีโปรดเกล้าฯ และเข้าเฝ้าถวายสัตย์แล้ว จะเรียกรัฐมนตรีใหม่มาปฐมนิเทศ แต่ไม่ใช้เวลานาน ทุกนโยบายจากทุกพรรคอาจไม่ได้นำมาใช้หมด ขอให้เข้าใจรัฐบาลด้วย อย่าคิดว่าเพื่อประโยชน์ใคร แต่เป็นการทำเพื่อประชาชน และกล่าวว่า ทำงานเป็นนายกรัฐมนตรีมา 5 ปี ไม่รู้สึกเหนื่อยเท่าไหร่ แต่ในใจคิดอยากทำงานให้ได้เร็วๆ และยืนยันว่าการเป็นนายกฯครั้งที่สองนี้ ไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ แต่เป็นการสืบทอดการแก้ปัญหา ขอให้คนไทยทั้งในและต่างประเทศ ช่วยคำนึงถึงประเทศไทยด้วย การจะวิจารณ์อะไร เราเป็นประเทศฉลาด ไม่อยากให้ใครมายุ่งกระบวนการภายในประเทศของเรา และมีการบิดเบือนให้เสียหาย
ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ พล.อ.ประยุทธ์ ไปพูดที่ภูเก็ต ว่า แม้ประเทศสิงคโปร์จะมีความเจริญมาก แต่สิงคโปร์ก็ชอบมาเที่ยวเมืองไทย แต่แปลกที่คนไทยบางกลุ่มชอบว่าประเทศตัวเอง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมชอบว่าตัวเองทุกวัน ไม่มีทางที่เราจะไปได้ ถ้าเราว่าตัวเองทุกวัน เพราะมันเหมือนกับสาปแช่งตัวเราเอง สาปแช่งประเทศตัวเอง ประเทศไปไม่ได้หรอก เขามีแต่ให้สร้างแรงศรัทธา ขอให้ประเทศตัวเองอยู่รอดปลอดภัย อย่างผมก็ไหว้พระทุกวัน ขอให้การบริหารราชการราบรื่น ไม่ได้ขอให้ใครมารักผม ขอแค่ทำงานให้สำเร็จ ดูแลประชาชนให้ปลอดภัย ผมขอพระแบบนี้มาตลอด 5 ปี
ผมคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ คงพูดจากสิ่งที่ท่านคิดเอง แต่ท่านเข้าใจผิดอย่างมากในข้อเท็จจริง การวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของสื่อที่ผ่านมา 5 ปี ไม่มีใครด่าประเทศไทยไม่มีใครสาปแช่งประเทศไทย คนไทยทุกคนรักประเทศไทย เพียงแต่ ทุกคนรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นประเทศไทยถูกทำให้เสียหาย โดยการบริหารงานของรัฐบาล ไม่ว่ารัฐบาลจะทำโดยตั้งใจทำ หรือ ความสามารถไม่ถึง ก็ตาม ผมจึงเห็นแต่คนวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลที่ไม่เอาไหน วิพากษ์วิจารณ์รัฐมนตรีที่ทำงานส่อไปในทางไม่โปร่งใส ไม่สุจริต เอื้อประโยชน์เศรษฐีนายทุน แต่คนจนกลับไม่มีโอกาสเงยหน้าอ้าปาก ทุกคนเสียดายโอกาสของประเทศ ไม่มีใครสาปแช่งประเทศ มีแต่คนที่ทำให้ประเทศเสียหาย แต่กลับไม่รู้ตัว
...
ผลงานรัฐบาล คสช. 5 ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ลองไปฟัง วุฒิสมาชิก (ส.ว.) สายตรง คสช. พูดเองดีกว่า เขาเพิ่งอภิปราย “แผนปฏิรูปประเทศ” ที่ประกาศใช้เมื่อเดือนเมษายน 2561 ซึ่งรัฐบาลต้องทำให้เสร็จใน 5 ปี วันนี้เหลือเวลาอีก 3 ปีเศษเท่านั้น
คุณวันชัย สอนศิริ ส.ว.ที่เชียร์รัฐบาลมาตลอด อภิปรายในวุฒิสภาว่า แผนการปฏิรูปประเทศคือสิ่งชี้วัดผลงานของรัฐบาล เป็นภารกิจที่รัฐบาลต้องปฏิบัติให้สำเร็จภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญหมวดว่าด้วยการปฏิรูปกำหนด คือ 5 ปี นับจากรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้เวลานี้เหลือเพียง 3 ปีเศษ จึงต้องเร่งดำเนินการ การปฏิรูปว่าด้วยการเมืองที่วางโจทย์ให้การเมืองไทย โดยเฉพาะการเลือกตั้งต้องโปร่งใส สุจริต แต่การเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมา พบว่ามีประเด็นร้องเรียนกว่า 500 เรื่อง ตนเชื่อว่าการเลือกตั้งพบการซื้อสิทธิขายเสียงจำนวนมาก เพราะขาดการปฏิรูปและปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนด
คุณตวง อันทะไชย ส.ว.อีกคนอภิปรายว่า แผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษายังไร้ความคืบหน้า แม้จะมีกฎหมายกองทุนการศึกษา เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของคนในช่วงวัยที่ควรได้รับการศึกษา แต่ไม่สามารถปฏิบัติได้ งานปฏิรูปการศึกษาเป็นหัวใจของการปฏิรูปตามที่กำหนดให้มี กฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติก็ยังไม่ออก ทั้งที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้เวลา 1 ปี นอกจากนี้ยังพบการทุจริตในสถาบันการศึกษา ฯลฯ
ท่านนายกฯคิดว่า ส.ว. เหล่านี้ เขาด่าประเทศ หรือ ด่าใคร? ผมคิดว่า ผู้นำประเทศ ต้อง ฉลาดและรอบรู้ และต้องฟังข้อมูลให้รอบด้าน.
“ลม เปลี่ยนทิศ”