“ราเมศ” ป้อง “จุรินทร์” ยก 3 ข้อโต้เพื่อไทย เปรียบเรือเหล็กสู้เพื่อประชาชน ไม่เหมือนเรือใหญ่สู้เพื่อนายคนเดียว สุดท้ายก็ทิ้งประชาชนไว้กลางทะเล แถมตอนจบชนสิ่งโสโครกอับปาง
วันที่ 6 ก.ค. 2562 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย กล่าวพาดพิง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า หลังร่วมรัฐบาลแล้วจะชูเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 อีกหรือไม่ ว่า ขณะนี้ นายจุรินทร์ได้เดินหน้าทำงานเพื่อประชาชนทุกวัน จะเห็นว่าพรรคไม่ได้ออกมาต่อปากต่อคำกับใคร เพราะเห็นความสำคัญกับแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนมากกว่า แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยกล่าวหาเชิงประชดประชันจำเป็นต้องชี้แจงดังนี้
1. นายจุรินทร์ ทำงานการเมืองไม่เคยมีความด่างพร้อย หรือทำความเสียหายให้กับประเทศชาติ มีหลักยึดความซื่อสัตย์ สุจริต รักษาคำพูด มีคุณสมบัตินักการเมืองที่ดีของประชาชน พรรคเพื่อไทยอย่ากังวล นายจุรินทร์ คิดทำเพื่อประชาชน ไม่ได้คิดหากินกับประชาชนแน่นอน
2. กรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ แถลงแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อพาประเทศไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น คือหลักการสำคัญ ซึ่งเงื่อนไขที่พรรคเสนอก็ได้รับการตอบรับเพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น และจะเริ่มต้นปลดล็อกหมวดที่ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทำได้ยาก แน่นอนว่าในอนาคตเราก็จะสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยหลักกติกาปกติ จึงแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรานี้ก่อน ส่วนรายละเอียดจะแก้มาตราไหนอย่างไร เป็นขั้นตอนต่อไปข้างหน้า ต่างจากบางพรรคการเมืองที่พยายามทำลายระบบประชาธิปไตย ซื้อเสียง ใช้เสียงข้างมากทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ออกกฎหมายเพื่อตัวเอง โกงงบประมาณแผ่นดิน ทำลายอำนาจตุลาการ ล้วนเป็นการกระทำที่ทำลายประชาธิปไตยทั้งสิ้น ขอให้พรรคเพื่อไทยอ่านคำพิพากษาศาลให้ฟังทุกคนในพรรคเพื่อคงดิ้นเหมือนโดนน้ำร้อนลวกกันทั้งพรรค
...
3. ที่ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไปนั่งอยู่ในเรือเหล็กลำใหญ่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วจะลืมสิ่งที่เคยพูดไว้ เพราะหากเป็นนักการเมืองไร้ซึ่งสัจจะที่ถือเป็นสัญญาประชาคมก็ไร้ศักดิ์ศรี ไม่มีใครเชื่อถือ พรรคเพื่อไทยพูดเหมือนคนที่โกหกจนเชื่อในสิ่งที่ตัวเองโกหกอยู่ทุกวัน จนคิดว่าเป็นความจริง ทั้งนี้ ในทางการเมืองไม่ว่าเราจะนั่งเรือลำเล็กลำใหญ่ไม่สำคัญ ถ้าเรือนั้นเป็นเรือที่พาพี่น้องประชาชนพ้นความทุกข์ยากและเห็นประชาชนเป็นที่ตั้ง พรรคเพื่อไทยเคยนั่งเรือลำใหญ่แต่ในเรือมีแต่ความสำราญของคนในครอบครัวและบริวาร สำราญจากความทุกข์ของประชาชนและประเทศ ใช้ประชาชนให้ทำงานในเรือเพื่อให้เจ้าของเรือ มีรายได้จากการสูบกินก็ส่งออกต่างประเทศ สุดท้ายก็ทิ้งประชาชนไว้กลางทะเล แต่ตอนจบเรือลำนั้นก็ชนสิ่งโสโครกอับปางกลางทะเล
นี่คือความแตกต่าง ระหว่างเรือใหญ่ของพรรคเพื่อไทยที่มีเจ้าของคนเดียว แต่เรือลำนี้จะเป็นเรือของประชาชนที่ทุกภาคส่วนจะช่วยกันเพื่อนำไปสู่เป้าหมายสูงสุดคือความสำเร็จในการแก้ปัญหาให้กับประชาชน ขณะนี้ ทุกคนตั้งใจทำงานให้กับประชาชนและประเทศ แต่พรรคเพื่อไทยทำดีแล้วอย่าสนใจปัญหาต่างๆ ของประชาชนเลยสู้เพื่อประโยชน์ของคนในพรรค สู้เพื่อบางครอบครัวที่เป็นเจ้าของพรรค ให้เดินหน้าทำต่อไป ส่วนประชาธิปัตย์เราจะทำงานก้าวไปข้างหน้ายึดประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้งวันข้างหน้าจะเป็นประจักษ์พยานที่ดีที่สุด.