ผบ.ทร. แถลงเตรียมความพร้อมขบวนเรือพระราชพิธี ในพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 62
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 5 ก.ค. ที่ห้องรับรอง ชั้น 2 อาคารส่วนบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก., นายวิมานุกรรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม กรมเจ้าท่า, นางประนอม คลังทอง รองอธิบดีกรมศิลปากร, นางพรทิพย์ อุดมเวทยนันท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเฉลิมพระเกียรติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี, พล.ร.อ.สมหมาย วงษ์จันทร์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการจัดเตรียมความพร้อมขบวนเรือพระราชพิธี และ พล.ร.ท.จงกล มีสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดเตรียมความพร้อมขบวนเรือพระราชพิธี ร่วมกันแถลงข่าว การประชุมคณะอนุกรรมการฝ่ายจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ครั้งที่ 2/2562 เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมขบวนเรือพระราชพิธี ในพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562

...
พล.ร.อ.ลือชัย กล่าวว่า วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่เป็นความภาคภูมิใจของกองทัพเรือ และคณะอนุกรรมการจัดงาน ตามที่มีประกาศสํานักพระราชวัง เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2562 เรื่องทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ให้มีการเสด็จเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในช่วงการพระราชพิธีทรงบําเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ปลายปี พ.ศ.2562 นั้น ถือเป็นพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเบื้องปลาย และการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการนี้ รัฐบาลได้มอบภารกิจในการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562

โดยให้กองทัพเรือเป็นหน่วยงานหลักในการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ และมีหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นอนุกรรมการ เช่น กรมศิลปากรกรมเจ้าท่า กรุงเทพมหานคร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานราชการในพระองค์เป็นที่ปรึกษาและอนุกรรมการ คอยให้คําปรึกษาและข้อแนะนําการปฏิบัติต่างๆ ให้แก่คณะอนุกรรมการ เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สง่างาม และสมพระเกียรติ โดยการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ได้จัดเตรียมเรือพระราชพิธีรวมทั้งสิ้นจํานวน 52 ลํา โดยมีเรือที่สําคัญเป็นเรือพระที่นั่ง ได้แก่ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ นอกจากนี้ยังมีเรือพระราชพิธีอื่นด้วย เช่น เรือรูปสัตว์ เรือดั้ง เรือแซง เป็นต้น

ทั้งนี้ในส่วนของคณะอนุกรรมการฝ่ายจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกฯ ได้ดำเนินการจัดเตรียมความพร้อมมาอย่างต่อเนื่อง ในส่วนเรือพระราชพิธี ทั้ง 52 ลำ นั้น นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 มาจนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 7 ปี ที่ได้ว่างเว้นการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค โดยกองทัพเรือได้ร่วมกับกรมศิลปากรสำรวจสภาพเรือพระราชพิธีแล้ว มีสภาพชำรุดทรุดโทรมมาก เช่น เรือมีรอยแตก ตัวเรือบิด เป็นต้น

พล.ร.อ.ลือชัย กล่าวว่า เป็นอีกวันหนึ่งที่กองทัพเรือมีความภาคภูมิใจยิ่งของกองทัพเรือ การนี้กองทัพเรือจึงได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตในการซ่อมทําบูรณะเรือพระราชพิธี โดยแบ่งงานออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนการซ่อมตัวเรืออยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพเรือโดยกรมอู่ทหารเรือ ส่วนการตกแต่งตัวเรืออยู่ในความรับผิดชอบของกรมศิลปากร โดยสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ปัจจุบันได้ดำเนินการซ่อมบูรณะเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว เรือพระราชพิธีทั้ง 52 ลำ อยู่ในสภาพพร้อมที่เข้าร่วมพระราชพิธีฯ ในครั้งนี้ ซึ่งในวันที่ 11 กรกฎาคม 2562 นี้ จะดำเนินการประกอบพิธีบวงสรวงเรือพระที่นั่งและเรือรูปสัตว์ จำนวน 14 ลำ ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี และโรงเรือพระราชพิธี ท่าวาสุกรี จากนั้นวันที่ 12-23 กรกฎาคม จะเชิญเรือพระที่นั่งและเรือรูปสัตว์ลงน้ำ และลากจูงเรือเข้าเก็บที่อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ เพื่อเตรียมงานพระราชพิธี การจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ได้จัดเตรียมเรือพระราชพิธีรวมทั้งสิ้นจํานวน 52 ลํา โดยจัดรูปขบวนเรือพระราชพิธีตามรูปแบบโบราณราชประเพณีทุกประการ

ซึ่งจะจัดรูปขบวนเรือแบ่งออกเป็น 5 ริ้ว 3 สาย ประกอบด้วย
ริ้วสายกลาง ซึ่งเป็นเรือพระราชพิธีสายสำคัญ ประกอบด้วย เรือพระที่นั่ง 4 ลำ มีเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 และเรือพระที่นั่ง อเนกชาติภุชงค์ นอกจากนี้ยังมีเรืออีเหลือง เป็นเรือกลองนอก เรือแตงโม เป็นเรือกลองใน โดยเป็นเรือของผู้บัญชาการขบวนเรือพระราชพิธี พร้อมด้วย เรือตำรวจนอก และเรือตำรวจใน
ริ้วสายใน ขนาบข้างทั้งสองข้างของริ้วสายกลาง โดยมีเรือทองขวานฟ้า และเรือทองบ้าบิ่น เป็นเรือประตูหน้า เรือเสือทยานชล และเรือเสือคำรณสินธุ์ เป็นเรือพิฆาต เรือรูปสัตว์ จำนวน 8 ลำ และปิดท้ายริ้วสายในด้วย เรือเอกไชยเหินหาว และเรือเอกไชยหลาวทอง เป็นเรือคู่ชัก
ริ้วสายนอก ประกอบด้วยเรือดั้ง และเรือแซง สายละ 14 ลำ รวมขบวนเรือพระราชพิธีทั้งสิ้น 52 ลำ

ด้านกําลังพลประจําเรือพระราชพิธี ได้คัดเลือกกําลังพลจากหน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ จํานวน 2,200 นาย เป็นกําลังพลประจําเรือพระราชพิธี ซึ่งเป็นกําลังพลของกองทัพเรือทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นกําลังพลที่ไม่เคยเป็นกําลังพลประจําเรือพระราชพิธีมาก่อน และได้มีการฝึกซ้อมมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยปัจจุบันได้รับการฝึกความคุ้นเคยกับเรือภายในหน่วยเสร็จสิ้นแล้ว ต่อไปจะเป็นการฝึกซ้อมในแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม เป็นต้นไป
โดยเป็นการฝึกซ้อมการเข้ารูปขบวน และการเดินทางเป็นรูปขบวนเดินทางตามลําดับ เพื่อให้เกิดความพร้อมเพรียงของเรือในขบวนเรือพระราชพิธี มีกําหนดการซักซ้อมในแม่น้ำเจ้าพระยา ตามแผนการซ้อมจํานวน 10 ครั้ง แบ่งเป็นการซ้อมย่อยจํานวน 8 ครั้ง และซ้อมใหญ่จํานวน 2 ครั้ง เป็นการซ้อมเสมือนวันพระราชพิธีฯ เพื่อให้มีความพร้อมที่ปฏิบัติงานในวันพระราชพิธีที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 ตุลาคม ทั้งนี้ เส้นทางเสด็จพระราชดําเนินที่ได้เตรียมไว้เป็นเส้นทางเดียวกับที่เคยใช้มาตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร คือ เส้นทางจากท่าวาสุกรี ถึง วัดอรุณราชวราราม

“นับเป็นบุญของพวกเรากองทัพทหารเรือที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยให้จัดขบวนเรือ
พยุหยาตราทางชลมารคถวายพระเกียรติท่านในครั้งนี้ และต้องขอบคุณรัฐบาลที่ได้มอบภารกิจอันยิ่งใหญ่นี้ให้แก่กองทัพเรือ ผมพูดแทนกำลังพลทุกนายของกองทัพเรือด้วยเลยว่า ทุกคนมีความภาคภูมิใจ จะทำให้ดีที่สุดให้ความเรียบร้อย สง่างาม สมพระเกียรติ เพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพและเทิดทูนยิ่งของประชาชนชาวไทยทุกคน ที่สำคัญคือจะเหน็ดเหนื่อยยากประการใด กำลังพลทุกคนไม่เคยท้อแท้ มีอย่างเดียวคือต้องทำเพื่อสถาบันที่รักยิ่งของเรา ที่ทุกคนเทิดไว้เหนือเกล้า สุดท้ายคือ อยากเชิญชวนประชาชนอีกครั้งหนึ่ง มาร่วมกันชื่นชมพระบารมี ชื่นชมความสวยงาม ชื่นชมอารยธรรมอันเก่าแก่ของประเทศไทย ขอย้ำว่าไม่มีชาติใดในโลกเหมือนเราอีกแล้ว ขอเชิญชวนเยาวชนรุ่นใหม่จงมาศึกษาหาความรู้และจงภาคภูมิใจในความเป็นชาติไทยตั้งแต่ครั้งอดีตว่าประเทศไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก และของบอกถึงลูกหลานเยาวชนที่ชอบโพสต์ในโซเชียล ให้หันกลับมาดูรากเหง้าอารยธรรมที่สืบทอดมากว่า 700 ปี ไม่ได้สร้างมาเพียงแค่ข้ามวัน“ พล.ร.อ.ลือชัย กล่าว
สำหรับการเตรียมการจัดขบวนเรือพระราชพิธี ในพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ เป็นการจัดรูปขบวนตามรูปแบบโบราณราชประเพณีทุกประการ โดยจัดรูปขบวนเรือแบ่งออกเป็น 5 ริ้ว 3 สาย ประกอบด้วย

- ริ้วสายกลาง ซึ่งเป็นเรือสายสำคัญ ประกอบด้วย เรือพระที่นั่ง 4 ลำ มีเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ นอกจากนี้มีเรืออีเหลือง เป็นเรือกลองนอก เรือแตงโม ซึ่งเป็นเรือของผู้บัญชาการขบวนเรือ เป็นเรือกลองใน พร้อมด้วยเรือตำรวจนอก และเรือตำรวจใน
- ริ้วสายใน ขนาบข้างสายเรือพระที่นั่ง มีเรือทองขวานฟ้าและเรือทองบ้าบิ่น เป็นเรือประตูหน้า เรือเสือทยานชล และเรือเสือคำรณสินธุ์ เป็นเรือพิฆาต เรือรูปสัตว์ 8 ลำ และปิดท้ายสายในด้วยเรือเอกไชยเหินหาว และเรือเอกไชยหลาวทอง ซึ่งเป็นเรือคู่ชัก
- ริ้วสายนอก ประกอบด้วยเรือดั้ง และเรือแซง สายละ 14 ลำ รวมทั้งสิ้น 52 ลำ
ทั้งนี้ เรือทุกลําทำจากไม้ มีอายุในการสร้างมาก โดยเฉพาะเรือพระที่นั่งทั้ง 3 ลํา กล่าวคือ
เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ สร้างในรัชกาลที่ 5 มีอายุกว่า 102 ปี เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ สร้างในรัชกาลที่ 5 แล้วเสร็จสิ้นในรัชกาลที่ 6 มีอายุ 108 ปี เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช สร้างในรัชกาลที่ 6 มีอายุ 95 ปี
เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 ซึ่งสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2539 มีอายุ 23 ปี ส่วนเรืออื่นๆ ในขบวน โดยเฉพาะเรือรูปสัตว์แต่ละลํา ที่มีอายุการสร้างนับร้อยปี การจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค.