เดินหน้าเสียที...
หลังจากเกิดอุปสรรคในการตั้ง ครม. ทำเอารัฐบาลแทบล่มเพราะการแก่งแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีในกระทรวงเกรดเอ เกรดบี
ว่าไปแล้วกระทรวงเกรดเอนั้นถูกพรรคร่วมอย่างประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยฟาดเรียบไปแล้ว เพราะต้องยินยอมแจกให้เขา
เหตุผลก็คือเพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้ อันเป็น “หัวใจ” สำคัญ
กระทรวงที่เหลือจึงอยู่ในระดับเกรดบี แต่เนื่องจากกระทรวงพลังงานที่เกิดปัญหากัน แต่ก็ถือว่าเป็น “เกรดบีบวก” เนื่องจากมีผลประโยชน์มหาศาล เป็น “ขุมทอง” สำคัญ ใครก็ต้องการเข้าไปครอบครอง
สมัย “ทักษิณ” ครองอำนาจใหญ่ก็บรรเลงไปเยอะ...
เอาล่ะ...เมื่อเรื่องราวต่างๆยุติไปแล้วคือกลุ่มสามมิตรยอมยกธงขาวปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำเนินการเอง ปล่อยให้เป็นอำนาจของนายกฯ
วันนี้จบแต่วันหน้าจะเป็นอย่างไรก็ได้รู้กัน
ว่าถึง ครม.ชุดใหม่จากนี้ไปก็จะอยู่ในขั้นตอนที่ต้องดำเนินการอย่างเป็นทางการและคงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
ก็ต้องไปลุ้นกันเองว่าใครจะได้เก้าอี้ไหน กระทรวงอะไร เพราะเท่าที่รู้ในการกรอกประวัตินั้นปรากฏไม่มีช่องให้กรอกว่ากระทรวงไหน
เท่ากับว่านายกฯรู้ เลขาธิการ ครม.รู้ ว่าอะไรเป็นอะไร?
ดังนั้น ใครที่ผิดหวังก็ไปโทษนายกฯเอาก็แล้วกัน เพราะตกลงให้อำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ไปตัดสินเอง ที่สำคัญก็คือ จะยุติความเคลื่อนไหวแม้ผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม
หรือที่บอกว่าจะ “ขับไล่” นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคออกจากตำแหน่ง เพราะไม่รับผิดชอบในการจัดการบริหารพรรค
ก็จะยุติด้วยอีกเรื่อง
ว่าไปแล้วการกระทบชิ่งใส่นายสนธิรัตน์ก็เป็นเพียงเกมการเมืองเพื่อสร้างความเป็นเหตุเป็นผลในการเคลื่อนไหวเท่านั้นเอง
...
พลังประชารัฐนั้นเกิดขึ้นมาด้วยการหารือร่วมกันระหว่างแกนนำ คสช. และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เพื่อตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาต่อสู้กับพรรคเพื่อไทยของ “ทักษิณ”
เมื่อความคิดเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาก็ต้องหาคนเข้ามาร่วมงานและต้องเอาชนะเลือกตั้งให้ได้ แน่นอนว่ามิอาจปฏิเสธ “นักการเมืองเก่า” ที่มีศักยภาพเข้ามาร่วมงาน
“สามมิตร” ภายใต้การนำของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน นาย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และแน่นอนก็คือ นายสมคิดซึ่งเป็นหัวขบวนใหญ่
อีกด้านหนึ่งทีมงานเศรษฐกิจของรัฐบาล คสช.ภายใต้การนำของนายสมคิดที่ดึงพรรคพวกเข้ามาร่วมเป็นรัฐบาล
“4 กุมาร” คือฉายา
ประกอบไปด้วย นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายสุวิทย์ เมฆินทรีย์ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล
4 คนนี้จึงถูกส่งไปเป็นผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ
เป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วยเหตุผลก็คือ เป็นหน่วยล่วงหน้า ด้วยทั้ง 4 คน มีภาพพจน์ที่ดี ได้รับการยอมรับ มีความรู้ ความสามารถและประวัติไม่ด่างพร้อย
เพื่อหวังให้ได้การยอมรับจากสังคมและทำให้เกิดแรงจูงใจจากบรรดานักการเมืองให้เข้ามาร่วมพรรครวมถึงคนรุ่นใหม่อีกด้วย
แต่เพราะขาดประสบการณ์ทางการเมืองก็เลยถูกรับน้องหนักหน่อย.
“สายล่อฟ้า”