เหตุการณ์อุกอาจทำ ร้ายร่างกายนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” นักกิจกรรมการเมือง เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ยังคงเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ โดยเฉพาะในแวดวงการเมือง

มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบเห็นคนร้ายเป็นชาย 4 คน สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ ใส่เสื้อคลุมแขนยาว กางเกงขายาว ขี่มอเตอร์ไซค์มา 2 คัน ก่อนจะใช้อาวุธของแข็งเข้าทำร้ายร่างกายจ่านิว และหลบหนีไป

ลงมือกันกลางวันแสกๆอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย!!!

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) มาช้ายังดีกว่าไม่มา ออกแถลงการณ์แสดงความห่วงใยต่อเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะในห้วงเวลาที่ผ่านมานักกิจกรรมการเมืองที่มีความเห็นต่างได้ถูกทำร้ายมาเป็นระยะ

หลายกรณีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมได้

ยิ่งไปกว่านั้นในสื่อสังคมออนไลน์ยังมีกลุ่มผู้เห็นต่างจากนักกิจกรรมเหล่านี้แสดงความยินดี สะใจ หรือเห็นว่าเป็นเรื่องที่ผู้ตกเป็นเหยื่อสร้างสถานการณ์ขึ้นเอง เพื่อหวังผลทางการเมือง เป็นเรื่องน่าเศร้าเสียใจอย่างยิ่ง

วันก่อนทีม ส.ส.พรรคเพื่อไทย อาทิ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ นายการุณ โหสกุล และนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ก็ลงไปตรวจสอบพื้นที่จุดเกิดเหตุ

เรียกร้องให้เพื่อน ส.ส.บางพรรคและผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองลบโพสต์เยาะเย้ยสะใจที่จ่านิวได้รับบาดเจ็บสาหัส ถือเป็นการซ้ำเติมผู้บาดเจ็บ แม้จะอยู่ฝ่ายตรงข้ามแต่ก็ต้องเห็นใจในฐานะที่เป็นประชาชน

อีกด้านหนึ่งนักวิชาการ อย่าง นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ อดีตนายกสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวเตือนผู้บริหารระดับประเทศ และทุกระดับว่าอย่าซ้ำเติมด้วยวาจาที่สร้างความเกลียดชัง

หากผู้นำพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาจะส่งผลกระทบกับสังคมมาก เป็นผู้ใหญ่แล้วต้องควบคุมตัวเองให้มาก การแสดงความเห็นในเชิงความรุนแรงผ่านสื่อเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ถ้าเกิดกับคนในบ้านเราจะรู้สึกอย่างไร

...

ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาไม่กี่ปีมานี้มีหลายเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่มีความมั่นคงปลอดภัยต่อผู้แสดงความคิดเห็นหรือแสดงออกเชิงการเมืองแม้แต่น้อย

และส่วนใหญ่ไม่สามารถจับกุมหรือสืบเสาะเบาะแสของคนร้ายมาเอาผิดได้อย่างทันท่วงที ทั้งๆที่มีหลักฐานค่อนข้างชัดเจนในหลายกรณี แต่กลับลอยนวลหายไปหน้าตาเฉย

นั่นจึงไม่แปลกที่จะทำให้สังคมสงสัยคิดไปได้ว่ามีเกมการเมืองอยู่เบื้องหลัง ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงต้องทำด่วนจี๋คือจับกุมผู้กระทำความผิดมาสืบสวน ลงโทษให้ได้

ต้องเค้นถามความจริง สาเหตุจูงใจ หรือมีใครบงการ???

ปมประเด็นที่น่าตกใจคือความขัดแย้งรุนแรงในบ้านเราเหมือนถูกปิดซ่อนอำพรางไว้เพียงชั่วคราว เพราะปรากฏความคิดความเห็นที่ตอกลิ่มความแตกแยกในสังคมออกมาซ้ำเติมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ถึงขั้นมองว่าผู้ที่ตกเป็นเหยื่อสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเอง เพื่อหวังผลการเมือง เรียกว่าป่วยทางจิตกันไปแล้ว

คำพูดที่สร้างความเกลียดชัง กระพือความรุนแรงทางสังคมออนไลน์ เกลื่อนกระจายไปไม่เว้นแต่ละวัน

นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีต ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า เรื่องของจ่านิวหากบริหารจัดการไม่ดีอาจล้มรัฐบาลได้โดยไม่ต้องเปลืองแรงฝ่ายค้าน

ถูกต้องชัดเจน ต้องเร่งแก้ไข อย่าให้สังคมป่วยไปกว่านี้เลยโยม!!!

“พ่อลูกอิน”