หรือจะแพ้ภัยตัวเอง...

อาการที่เกิดขึ้นในพรรคพลังประชารัฐบ่งบอกได้ว่าเป็นปัญหาที่สะท้อนให้เห็นภาพภายในพรรคที่ไม่ค่อยจะดีเท่าใดนัก

ก่อนหน้านี้ก็เกิดปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาลจนวุ่นวายกันไปหมด พอเสร็จศึกภายนอกก็มาเปิดศึกภายในกันอีก

ล่าสุด เมื่อนำรายชื่อบุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรีถึงมือนายกฯ แล้ว แต่ก็เกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีก เมื่อมีการเปลี่ยนรายชื่อ เปลี่ยนกระทรวง

บางคนมีชื่อแล้วก็หลุดหายไปอีก

ที่บอกว่าเป็นอำนาจการตัดสินใจของนายกฯที่จะเสนอชื่อ ครม.ทั้งหมด แต่เอาเข้าจริงเมื่อมีการเปลี่ยนเกิดขึ้น

ความไม่พอใจก็ปรากฏถึงขั้นประกาศว่าจะถอนตัวจากรัฐบาล จะจริงแค่ไหนอย่างไรถือว่าเป็นปฏิกิริยาแสดงความไม่พอใจให้ปรากฏ

แม้ที่สุดต้องอยู่ร่วมกันต่อไปในฐานะรัฐบาล แต่ก็กินใจกันไปจนถึงหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งก่อนหน้านี้ยังดำรงฐานะที่ทุกคนล้วนให้ความเกรงใจ

ฐานะหัวหน้ารัฐบาลกลายเป็นคู่กรณีไปเสียฉิบ

ลองมาฟังนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จากกลุ่ม “สามมิตร” ที่สะท้อนถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดมาก เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายกฯได้เรียกให้เข้าไปพบที่บ้านพัก แจ้งรายชื่อผู้ที่ เป็นรัฐมนตรีทั้งหมดแล้ว

วันนี้นายอนุชา นาคาศัย ก็ได้โควตา แต่พอมาวันนี้ชื่อนายอนุชากระเด็นหายไป จึงไม่เข้าใจว่าทำไมนายกฯถึงเปลี่ยนชื่อไปมาแบบนี้

“นายกฯ ไม่เข้าใจเรื่องการเมืองมาก นึกอยากจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน”

เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ได้พบกับนายกฯที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อเข้าไปรับแบบฟอร์มกรอกประวัติ

“ผมรู้สึกงงมาก เมื่อท่านนายกฯถามว่าคุณรู้หรือยังอยู่กระทรวงไหน ผมก็ตอบไปว่าอยู่กระทรวงพลังงาน ท่านนายกฯแย้งขึ้นทันทีบอกว่าไม่ใช่ คุณอยู่กระทรวงอุตสาหกรรม ส่วนกระทรวงพลังงานเป็นของคุณสนธิรัตน์ แม้มีการตกลงกันไปแล้ว”

...

“ท่านนายกฯยังย้ำด้วยว่า ไม่ต้องไปสลับไปสลับมาแล้ว ไม่ต้องให้ใครโทร.มาหา ทั้งคุณสมบัติและคุณอุตตม ไม่ต้องให้โทร.มาหาผมอีก”

ก็เป็นเสียงเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นมาก่อนหน้านี้

กระทั่งนายกฯที่เข้าร่วมประชุมจี 20 ที่ญี่ปุ่นต้องส่งเสียงให้หยุดความเคลื่อนไหวได้แล้ว การเป็นรัฐมนตรีไม่อยากให้มองว่ากระทรวงใหญ่หรือกระทรวงเล็ก กระทรวงเอ กระทรวงบี เพราะไม่ใช่บริษัท

ทุกกระทรวงมีความสำคัญเท่ากันหมด เพราะถูกเลือกมาด้วยปวงชนชาวไทย ไม่ใช่ประชาชนชาวไทย ดังนั้น การเป็นรัฐมนตรีอยากให้ดูความเหมาะสมของแต่ละพรรคการเมือง แต่ถ้าทำไม่ดีก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ แต่วันนี้อยากให้ทุกคนเดินหน้า

“คณะรัฐมนตรีเป็นของคนทั้งประเทศอย่างแท้จริง เพราะเป็นของคนทั้งประเทศไม่ใช่ของจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง แม้ทั้งหมดต้องสามารถตอบความต้องการของประชาชนได้ และต้องเป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศ”

“จึงขอให้หยุดการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะทางโซเชียลเพราะตนเองมีหน้าที่รับผิดชอบได้ตัดสินใจแล้ว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด”

รายชื่อที่เสนอมาเป็นรัฐมนตรีส่วนตัวรู้จักทุกคน จึงขออย่าให้เกิดความวุ่นวายมาก ขอให้พรรคร่วมอยู่ร่วมกันไปก่อน เพราะมาถึงขนาดนี้แล้วจะถอยกลับไม่ได้

ฟังๆดูแล้วสงสาร “ประชาชน” ครับ...


“สายล่อฟ้า”