ถอนหายใจโล่งอกโล่งปอด กันไปได้อีกเฮือก สำหรับบรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลชุดใหม่ “ประยุทธ์ 2”

หลังจากศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องกรณี ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ขอให้วินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล 41 คน ถือครองหุ้นสื่อ เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ

เมื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาชี้ชัด ไม่รับคำร้องของผู้ถูกร้อง 9 คน ประกอบด้วย ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐ 6 คน และ ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ 3 คน

เพราะศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า วัตถุประสงค์ในการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทของ ส.ส.ทั้ง 9 คน ระบุว่าประกอบกิจการการค้า อาทิ กระดาษ เครื่องเขียน เครื่องเรียน แบบพิมพ์ อุปกรณ์ถ่ายภาพยนตร์ เครื่องพิมพ์ อุปกรณ์การพิมพ์ สิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ ตู้เอกสาร เครื่องมือสื่อสารคอมพิวเตอร์

ตามหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ออกให้แก่ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท

เป็นวัตถุประสงค์ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน ที่มีลักษณะเข้าข่ายอันเป็นเหตุให้สมาชิกภาพของ ส.ส. ทั้ง 9 ราย ต้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ

พูดง่ายๆ ข้อกล่าวหาที่หว่านแหส่งมายังไม่เข้าง่ามความผิดนะคุณโยม!!!

ส่วน ส.ส.ผู้ถูกร้องอีก 32 คน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว รับเรื่องไว้พิจารณาวินิจฉัยตามที่ผู้ร้องต้องการ

เนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรค 2 บัญญัติเงื่อนไขไว้ว่า ต้องปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าสมาชิกผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้อง

แต่กรณีนี้ผู้ส่งคำร้องคือประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้ตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง มีเพียงเอกสารประกอบคำร้องของ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เป็นหนังสือรับรองห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท ระบุรายละเอียดวัตถุประสงค์ กับสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นเท่านั้น

...

ไม่ปรากฏแบบแสดงรายการเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของห้างหุ้นส่วน บริษัท และแบบนำส่งงบการเงินของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทว่ามีรายได้จากการประกอบกิจการใด

ส่งผลให้ศาลรัฐธรรมนูญต้องดำเนินการไต่สวนหาข้อเท็จจริงต่อไป เพื่อความถูกต้อง โปร่งใส เป็นธรรม

จึงยังไม่เข้าเงื่อนไขที่จะสั่ง ส.ส.ทั้ง 32 คน ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว เหมือนอย่างคดี ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ผ่านการสืบสวนหาข้อเท็จจริงของ กกต. มาแล้วหนึ่งตลบ ก่อนที่จะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย

ที่สำคัญกรณีคำร้อง ธนาธร มีเอกสารประกอบคำร้องว่าประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ โรงพิมพ์ พิมพ์หนังสือจำหน่าย และแบบนำส่งงบการเงินระบุชัดว่ามีรายได้จากการขายนิตยสาร และมีรายได้จากบริการโฆษณา

จึงมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้อง ศาลฯจึงสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาด

ถือเป็นคำอธิบายที่ชัดเจนแจ่มแจ้ง ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเลยนะทั่นพระครู

ดังนั้น ใครคิดจะสวมวิญญาณศรีธนญชัย บิดเบือนให้ผู้คนสับสน ระวังหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ

และถ้าเข้าง่ามละเมิดอำนาจศาลฯ มีสิทธิย้ายสำมะโนครัวไปอยู่สำมะโนคุกได้ง่ายๆนะคุณโยม!!!


“พ่อลูกอิน”