‘อนุชา’ แถลงดุดัน คนพรรคเดียวกันคอยโจมตีให้ร้าย! กราบเท้าขอแทน สุริยะ-พลังงาน เปรียบ ชพน.เหมือนศัตรู!
“บิ๊กตู่” กร้าวโควตารัฐมนตรี ไม่ดีก็ปรับได้ลั่นผมเป็นนายกฯ ตัดสินใจแล้วจบเปลี่ยนไม่ได้ฮึ่มวันนี้อยู่กันไปก่อนวันหน้าจะไปไหนก็ไป ศึกในพลังประชารัฐร้าวลึก กลุ่มสามมิตร-ก๊วน ส.ส.ภาคกลางฉุนขาดโผ ครม.พลิกตลบ “อนุชา” ตั้งโต๊ะแถลงทวงสัจจะชายชาติทหาร โวยถอยสุดกระดานไม่เอาเก้าอี้ กราบเท้านายกฯ ขอให้ “สุริยะ” นั่ง รมว.พลังงาน แฉคนในจอมเสี้ยม ขู่รังแกกันไม่เลิกจะแฉกลับให้เป็นเรื่องระดับชาติ “สุริยะ” ปัดข่มขู่ยกพวกถอนตัวทวงเก้าอี้ เชื่อ “ประยุทธ์” มีภาวะผู้นำรู้ใครทุ่มเทเพื่อพรรค “สุชาติ” โอด ส.ส.ในกลุ่มตกใจชวดตำแหน่ง พูดเป็นนัยเลือกตั้งครั้งหน้าตอบไม่ได้อยู่ พปชร. แกนนำพรรคปวดหัวหวั่นงานสภาฯ ไร้เอกภาพ พท.หยัน “บิ๊กตู่” จะได้รู้นรกมีจริง “จุรินทร์” ลุยเปลี่ยนพรรคเรียกคืนศรัทธา มั่นใจยี่ห้อ ปชป.ยังขายได้
พรรคพลังประชารัฐร้าวหนัก หลังกลุ่มสามมิตรและกลุ่ม ส.ส.ภาคกลางไม่พอใจอย่างมากที่ถูก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปรับเปลี่ยนโผ ครม. โดยเฉพาะกรณีนายอนุชา นาคาศัย หลุดโผ รมช.คลัง และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จะถูกโยกจาก รมว.พลังงานให้ไปนั่ง รมว.อุตสาหกรรม ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ออกมาระบุชัดเจนว่าได้ตัดสินใจจบไปแล้ว เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น
“บิ๊กตู่” ฮึ่มโควตา รมต.ไม่ดีก็ปรับได้
เมื่อเวลา 09.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง) วันที่ 29 มิ.ย. ที่นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่ติดตามไปทำข่าวภารกิจการประชุมผู้นำกลุ่ม 20 ประจำปี 62 (G 20 Osaka Summit) ถึงความคืบหน้าการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรี ตามกรอบเวลาที่ทุกรัฐบาลดำเนินการ ขั้นตอนที่เหลือนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯและถวายสัตย์ปฏิญาณ การเป็นรัฐมนตรีไม่อยากให้มองว่าเป็นกระทรวงใหญ่ กระทรวงเล็ก กระทรวงเอ กระทรวงบี เพราะไม่ใช่บริษัท ทุกกระทรวงสำคัญเท่ากันหมด เพราะทุกคนถูกเลือกมาด้วยปวงชนชาวไทย การเป็นรัฐมนตรีอยากให้ดูความเหมาะสม แม้ว่าจะเป็นโควตาของแต่ละพรรคการเมือง ถ้าทำไม่ดีก็ปรับเปลี่ยนได้ ไม่ต้องกังวล วันนี้เราต้องไปต่อ นักการเมืองทุกคนทุกพรรคต้องมุ่งหวังทำหน้าที่ให้ประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตามเพราะทั้งหมดคือรัฐบาล ต้องเป็น ครม.เป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่ ครม.ของจังหวัดโน้นจังหวัดนั้น
...
ลั่นนายกฯตัดสินใจแล้วจบไม่เปลี่ยน
“วันนี้อยากให้หยุดได้แล้ว การแพร่ข่าวทางโซเชียล ตามสื่อ ทุกอย่างมันจบแล้ว เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น เพราะนายกฯตัดสินใจแล้ว ผมเป็นผู้รับผิดชอบ ทำความเข้าใจกับทุกคนแล้วว่าเรื่องการตัดสินใจตั้ง ครม.เป็นอำนาจการตัดสินใจของผม ทุกคนเข้าใจดีไม่มีปัญหา เพราะต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะใครก็ตามต้องเข้าใจ เพราะผมเป็นนายกฯ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
อยู่กันไปก่อนวันหน้าใครจะไปไหนก็ไป
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้อยากให้หยุดกันได้แล้วในเรื่องของการแพร่ข่าวทางโซเชียลฯทางสื่อ ทุกอย่างจบแล้ว ตนเข้าใจแต่คิดว่าบางทีมีคนหวังดีเขียนอะไรไป และตนได้ส่งข่าวไปแล้วให้หยุดพูดกันได้แล้ว เป็นเรื่องของประชาธิปไตย ถ้าวันหน้าไม่พอใจก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าไม่พอใจจะไปไหนก็แล้วแต่ท่าน เพราะตนไม่สามารถไปห้ามอะไรท่านได้ แต่ก็อยากขอร้องให้อยู่กันไปก่อน ไหนๆเราก็เข้ามาถึงกันวันนี้แล้ว เราจะถอยหลังกันอีกทำไม ทุกๆเรื่องแม้แต่การประชุมในสภาฯ ที่เห็นแล้วรู้สึกไม่สบายใจ เพราะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม ขออย่าจ้องแต่จะล้มรัฐบาล หากเรื่องไหนทำให้เกิดความยั่งยืนของประเทศก็ควรจะยกมือพร้อมกันทั้งสภาฯ ทั้งนี้พรรคร่วมรัฐบาลอยู่ในระหว่างการรวบรวมนโยบาย โดยให้เกียรติด้วยการจะนำนโยบายของฝ่ายค้านที่ตรงกับของรัฐบาลมารวมกัน เพราะเป็นความต้องการของคนทั้งประเทศ
“อนุชา” ทวงสัจจะชายชาติทหาร
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ แถลงถึงกรณีกระแสข่าวว่าอาจหลุดโผ ครม.ว่าต้องขอขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯที่จัดโผ ครม. เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.และบอกกับนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคว่าจบแล้ว ห้ามมีการเปลี่ยนแปลงเป็นเด็ดขาด ท่านเป็นชายชาติทหารเรามั่นใจว่าท่านรักษาสัจจะ และในโผนั้นมีชื่อตนเป็น รมช.คลัง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็น รมว.พลังงาน คิดว่านายกฯ คงทราบดี และคงรู้ถึงการทำงานที่ผ่านมาของพวกตนที่ทุ่มเททำงานหามรุ่งหามค่ำ ตั้งแต่เริ่มตั้งพรรคจนถึงวันเลือกตั้ง เพื่อหวังให้พรรคประสบความสำเร็จ ได้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯอีกครั้ง
กราบเท้าผู้นำแลก “สุริยะ” นั่งพลังงาน
“ส่วนตัวถ้าจะถูกปรับออกก็ยินดี แต่ขอท่านนายกฯได้โปรดอย่าได้เปลี่ยนแปลงตำแหน่งอื่นๆเลย ไม่ว่าจะเป็นน้องชายท่านธรรมนัส พรหมเผ่า ท่านสุชาติ ชมกลิ่น หรือท่านสุริยะ ผมขอออกคนเดียวพอ ผมขอกราบเท้าท่านนายกฯ ผมไม่ขอรับตำแหน่งก็ได้ แต่ผมขอให้ท่านสุริยะได้เป็น รมว.พลังงาน ตามที่ท่านนายกฯได้ลั่นวาจาไว้” นายอนุชากล่าว
พ้อรบชนะแล้วเอาศัตรูมาตัดหัวเรา
นายอนุชากล่าวอีกว่า การนำพรรคชาติพัฒนาที่มี ส.ส.เพียง 3 คน มาร่วมรับตำแหน่งรัฐมนตรี ที่แต่เดิมเป็นคู่แข่งทางการเมืองตอนเลือกตั้ง คิดว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้องอย่างยิ่งที่จะเอามาแทนตำแหน่งของตนหรือของคนอื่นตามที่เป็นข่าว เสมือนหนึ่งว่าพวกตนไปรบจนได้รับชัยชนะ พอกลับบ้านถูกแม่ทัพนำศัตรูที่เราไปต่อสู้ชนะมา เอามาตัดหัวเราทิ้ง แต่ไม่เป็นไรถ้าเป็นเช่นนั้นอาจด้วยความจำเป็นของท่านนายกฯ แต่ไม่เชื่อว่าท่านเคยรับปากพรรคชาติพัฒนาไว้ว่าให้เป็นรัฐมนตรี อาจมีกลุ่มบุคคลภายในพรรคที่ไม่อยากให้ตนได้เป็นรัฐมนตรีไปเสนอท่าน ทั้งนี้นายสุริยะยังไม่ถอดใจกับกระแสข่าวที่ผ่านมา ยังเป็นเสาหลักช่วยพรรคทำงานต่อไป
ฉะคนในเสี้ยมรังแกไม่เลิกมีแฉกลับ
นายอนุชากล่าวต่อว่า วันนี้มีกลุ่มการเมืองบางกลุ่มที่อยู่ภายในพรรคเดียวกับตน เป็นผู้บริหารพรรค เหมือนตนแต่คอยรังแก ไปให้ร้ายโจมตีพวกเราต่อผู้ใหญ่ ใช้สื่อโจมตี เสนอแต่เรื่องไม่ดีและเรื่องไม่จริง จนพวกเราเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจของผู้ใหญ่ ถ้าหากรักท่านนายกฯหรือผู้ใหญ่และรักพรรคจริง ขอได้โปรดหยุดการกระทำเหล่านี้ พวกตนจะไม่ทน และพวกตนทนไม่ไหวแล้ว ถ้ายังรังแกกันอีกเราจะแฉกลับให้เป็นเรื่องระดับชาติเลย ที่ผ่านมาเขาไม่ให้เกียรติเพื่อนร่วมงาน พยายามกดหัว อาจเพราะว่าเขาจิตใจไม่ปกติ อยากใหญ่แต่ใหญ่ไม่เป็น
ถอยสุดกระดานแล้วขอเคลียร์ “บิ๊กตู่”
“เราถอยจนสุดกระดานแล้ว เป็นลูกผู้ชายพอมีอะไรมาคุยกัน ผมไม่ใส่กระโปรงไปทำร้ายใครแน่นอน เตือนด้วยความหวังว่ายังมีโอกาสที่เราจะมาคุยกัน ทำงานร่วมกันภายใต้เจ้านายคนเดียวกันคือ พล.อ.ประยุทธ์เพื่อนำพาพรรคเดินไปข้างหน้า ทำงานให้ประชาชนและประเทศมีความสุข และหากเป็นไปได้พวกเราอยากขอเข้าพบกับ พล.อ.ประยุทธ์เพื่อขอชี้แจงเรื่องนี้ด้วย” นายอนุชากล่าว
“สุริยะ” ปัดข่มขู่ถอนตัวขอตำแหน่ง
ช่วงเย็น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ที่มีกระแสข่าวอาจถูกสลับเก้าอี้ รมว.พลังงาน ไปเป็น รมว.อุตสาหกรรม จนทำให้โกรธและขู่จะนำ 30 ส.ส.ในกลุ่มถอนตัวจากรัฐบาลว่า ขอปฏิเสธว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ขณะนี้การตั้ง ครม.ยังไม่เสร็จ หรือประกาศออกมาเป็นทางการว่าใครจะดำรงตำแหน่งอะไร และที่ผ่านมาตลอดเวลาที่ทำงาน การเมืองมา ไม่เคยใช้วิธีข่มขู่เพื่อขอตำแหน่ง ที่ผ่านมาทุกรัฐบาลที่ตนได้รับตำแหน่งสำคัญ เพราะมาจากความรู้ความสามารถ ทุ่มเททำงานให้พรรค
เชื่อนายกฯรู้ใครทุ่มเทเพื่อพรรค
“ครั้งนี้ก็เช่นกัน เชื่อว่านายกรัฐมนตรีมีข้อมูลเกี่ยวกับบุคลากรในพรรคทุกคนว่าใครบ้างที่ร่วมสร้างพรรคมาตั้งแต่ต้น ทุ่มเททำงานออกเดินสายช่วยหาเสียงทั่วประเทศ จนทำให้พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ดังนั้นเชื่อว่านายกฯมีภาวะผู้นำและหลักพิจารณาว่าจะให้ใครเป็นรัฐมนตรีกระทรวงใด เพราะท่านต้องการเห็นการบริหารงานในรัฐบาลที่มีเสถียรภาพและผลงานออกมาเป็นที่ยอมรับของประชาชนทั้งประเทศ” นายสุริยะกล่าว
“สุชาติ” บ่นสมาชิกตกใจโผพลิกตลบ
ขณะที่นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี แกนนำกลุ่ม ส.ส.ภาคกลาง พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวหลุดจากตำแหน่ง รมว.แรงงานว่า การจัดตั้ง ครม.เพิ่งทราบวันที่ 11 มิ.ย.ว่าหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้ส่งรายชื่อผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีให้นายกฯ โดยนายกฯบอกว่าที่ส่งมาไม่เปลี่ยนแล้วใช่ไหม นายกฯไม่ได้รับปากตอนนั้นว่าใครอยู่ตำแหน่งไหน ถามว่าโอเคตามนั้นนะ ไม่ เปลี่ยนแล้วใช่ไหม ซึ่งไม่ได้รับปากว่าจะไม่มีการเปลี่ยนโผ ครม. แต่ผ่านไปเกือบเดือนออกมาแบบนี้ สับเปลี่ยนกันไปมา ในกลุ่ม ส.ส.ภาคกลาง 16 คนก็ต้องตกใจบ้าง แต่เมื่อเป็นดุลพินิจของนายกฯ ตนและ ส.ส.ในกลุ่มภาคกลางก็ยอมรับในกติกา
ลต.หน้าจะอยู่กันแบบไหนตอบไม่ได้
นายสุชาติกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นห่วงเวลานี้คือ ส.ส.ภาคกลางมี 90 เขต พรรคพลังประชารัฐได้มามากสุด 36 เขต วันนี้ภาคกลางเป็นฐานสำคัญพรรคพลังประชารัฐและอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯอีกสมัยในการเลือกตั้งครั้งหน้า ดังนั้นต้องทำภาคกลางให้เติบโตได้ ส.ส. 50-60 คน เพื่อสู้กับพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้ สู้กับพรรคเพื่อไทยในภาคอีสานและเหนือ แต่ถ้าไม่มีตัวแทนในกลุ่มเป็นรัฐมนตรี ในการเลือกตั้งครั้งหน้าตนก็ไม่แน่ใจว่าจะอยู่กันแบบไหน ให้คำตอบไม่ได้
แกนนำหวั่นงานสภาฯไร้เอกภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่าจากกรณีที่นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาทและกรรมการบริหารพรรค แกนนำกลุ่มสามมิตรและนายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี เขต 1 แกนนำกลุ่ม ส.ส.ภาคกลาง ส่อชวดเก้าอี้รัฐมนตรี จนทำให้เกิดแรงกระเพื่อมเพิ่มปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคมากขึ้นมาทันที ขณะที่มีรายงานข่าวว่าแกนนำภายในพลังประชารัฐเริ่มกังวลว่าจะส่งผลกระทบกับการดำเนินงานในสภาฯที่นอกจากต้องเผชิญภาวะเสียงปริ่มน้ำแล้ว อาจต้องเจอปัญหาการโหวตในสภาฯในเรื่องสำคัญๆ ไม่เป็นเอกภาพ หรือขั้นมีการโหวตสวนมติพรรค เมื่อมีปฏิกิริยาจาก ส.ส.ทั้ง 2 กลุ่มไม่พอใจเป็นอย่างมากหลังแกนนำของกลุ่มชวดเก้าอี้รัฐมนตรี โดย ส.ส.หลายคนในกลุ่ม ส.ส.ภาคกลางที่มี 16 เสียง ได้พูดคุยกันไว้แล้วว่าอาจต้องแสดงท่าที ให้ผู้ใหญ่ของพรรคและผู้มีบารมีในรัฐบาลได้เห็นถึงความไม่พอใจ
“สาธิต” แจงถือหุ้น บ.ขายปูนไม่ได้ทำสื่อ
นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะว่าที่ รมช.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับพิจารณาคำร้องวินิจฉัย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 7 คนถือหุ้นสื่อว่า ไม่หนักใจ เพราะเป็นเพียงการจดทะเบียนบริษัทแบบ ฟอร์มทั่วไปที่เปิดโอกาสให้ประกอบธุรกิจสื่อสาร มวลชนได้ แต่ความจริงทำธุรกิจปูนซีเมนต์ผสมเสร็จเท่านั้น ไม่ได้ประกอบธุรกิจด้านสื่อมวลชน เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ไม่ต้องการให้ถือหุ้นกิจการด้านสื่อสารมวลชน มิฉะนั้นจะทำให้ได้เปรียบเสียเปรียบ จึงแตกต่างจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ประกอบกิจการสื่อ มีประเด็นว่าโอนหรือยัง ได้เตรียมเอกสารชี้แจงต่อศาล รัฐธรรมนูญเกือบเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงเอกสารจากกรมศิลปากรที่ใช้ยืนยันว่าบริษัทที่ตนถือหุ้นไม่ได้ทำสื่อ ทั้งนี้ คุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีจะเข้มข้นกว่า ส.ส. มาตรา 187 กำหนดเรื่อง การขัดกันแห่งผลประโยชน์ว่าห้ามถือหุ้นบริษัทเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ทางออกมี 2 ทาง คือโอนให้บริษัทกลางหรือโอนขาย โอนให้ ขณะนี้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว
พท.เย้ย รบ.ร้อยพ่อพันแม่แย่งเก้าอี้
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผ่านการเลือกตั้งมาเกินกว่า 3 เดือนแล้ว มีแต่ข่าวความระส่ำระสายในพรรคพลังประชารัฐในการตั้ง ครม. ทั้งการหลุดโผสลับเก้าอี้ มีการขู่จะถอนตัวจากการสนับสนุนรัฐบาล เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองทั้งสิ้น ไม่มีสัญญาณบ่งชี้เลยว่ารัฐบาลผสมร้อยพ่อพันแม่เสียง ส.ส.ปริ่มน้ำ จะได้ผู้มีความรู้ความสามารถมาเป็นรัฐมนตรี เพราะคัดเลือกตามความพอใจของผู้มีอำนาจไม่กี่คน เมื่อผลประโยชน์จัดสรรไม่ลงตัว ทำให้เกิดการโวยวายขู่จะถอนตัว เพื่อต่อรองตำแหน่ง เป็นพฤติกรรมของนักการเมืองเก่าๆ สุดท้ายไม่มีน้ำยา คนเหล่านี้ยังอยู่ร่วมรัฐบาลกันต่อไปได้ แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของการปฏิรูปการเมืองของ คสช. และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แขวะ “ประยุทธ์” จะรู้นรกมีจริง
“พรรคฝ่ายค้านจะดูว่า พล.อ.ประยุทธ์ที่ไม่ได้มีตำแหน่งใดในพรรคพลังประชารัฐมีน้ำยาหรือไม่จะจัดการอย่างไร ขอรับรองว่าการกระทำต่างๆ โดย เฉพาะการสืบทอดอำนาจเผด็จการ คสช.จะไม่ยอมปล่อยให้หลุดรอดการถูกตรวจสอบของฝ่ายค้านไปได้อย่างเด็ดขาด สุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์จะรู้เองว่านรกมีจริงตามที่มีการเตือนมาก่อนหน้านี้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เชื่อ”
“คารม” โต้ผ้าเช็ดรองเท้าเผด็จการ
นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.ระบุห้าม ส.ส.ตรวจสอบที่มา ส.ว.ขู่อาจมีโทษถึงยุบพรรคว่า ส.ส.และ ส.ว.ทำหน้าที่เป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย โดย ส.ส.มาจากการเลือกตั้งของประชาชนย่อมมีความชอบธรรมในการตรวจสอบ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการสรรหาของ คสช.ที่ใช้งบประมาณสูงถึง 1.3 พันล้านบาท แต่งตั้งบุคคลในครอบครัวของคณะกรรมการสรรหาเอง สังคมเคลือบแคลงใจว่า มีการขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้คณะกรรมการสรรหาต้องมีความเป็นกลาง คัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ แต่ข้อเท็จจริงกลับไม่มีองค์กรใดตรวจสอบกระบวนการสรรหาที่มาของ ส.ว.ซึ่งไม่ยึดโยงกับประชาชนได้เลย การที่นายเสรีระบุว่าการเสนอญัตติตรวจสอบที่มา ส.ว.โดย ส.ส.เป็น การล้มล้างการปกครองจึงฟังไม่ขึ้น เปรียบเสมือนเพียงผ้าเช็ดรองเท้าเผด็จการให้วาววับเท่านั้น สะท้อนว่านายเสรีไม่ได้ศรัทธาต่อระบอบประชาธิปไตยที่เมื่อมีการเลือกตั้งกลับเข้าสู่ระบบปกติแล้ว การตรวจสอบย่อมเป็นเรื่องปกติเช่นกัน
เฉ่ง “สมชาย” อคติก้าวล่วงศาล
นายคารมยังกล่าวถึงกรณีที่นายสมชาย แสวงการ ส.ว.พาดพิงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ปลอมแปลงเอกสารการถือหุ้นสื่อว่า ในทางอาญาหากศาลยังไม่มีคำพิพากษาจนถึงที่สุด จำเลยยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ กรณีนายธนาธร ตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ นายธนาธรถูกสั่งให้ยุติการทำหน้าที่ ส.ส.ชั่วคราว ยังคงถือว่าเป็น ส.ส.อยู่ แต่นายสมชายกลับกล่าวหานายธนาธรอย่างร้ายแรง จึงขอตั้งข้อสังเกตว่า 1.ไปนำข้อมูลเรื่องการปลอมแปลงเอกสารมาจากไหน 2.ถือเป็นการก้าวล่วงอำนาจศาลรัฐธรรมนูญที่อยู่ระหว่างการใช้ดุลพินิจหรือไม่ และ 3.อยากเป็น ส.ว. หรืออยากเป็นโหร จึงออกมาทำนายทายทักโดยปราศจากข้อเท็จจริง แบบนี้ถือเป็นอคติทางการเมือง ใช่หรือไม่ และอยากให้ตระหนักถึงที่มาของตนเอง ไม่เคยผ่านสนามเลือกตั้ง แต่มาจากการแต่งตั้งโดยผู้มีอำนาจไม่รู้กี่ครั้งแล้วบ้าง
“จุรินทร์” ปลุกใจ ปชป.ยังขายได้
เมื่อเวลา 10.00 น.ที่โรงแรมเซนทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ทแอนด์วิลล่า หัวหิน พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดงานสัมมนา ส.ส.และคณะกรรมการบริหารพรรค มีแกนนำพรรคและ ส.ส.เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค กล่าวเปิดสัมมนาตอนหนึ่งว่าคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคตัดสินร่วมกันว่าจะเดินหน้าไปภายใต้ยุทธศาสตร์อุดมการณ์ทันสมัย นี่เป็นตัวตนของความเป็นประชาธิปัตย์ เพราะมั่นใจว่าอุดมการณ์ของพรรคทันสมัยและขายได้เสมอทางการเมืองอย่างน้อย 3 เรื่องคือ 1.ประชาธิปัตย์ยืนอยู่บนหลักการของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่ใช่ระบบอื่น 2.อุดมการณ์พรรคทำงานเพื่อประชาชนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และ 3.เราจะเดินหน้าพาพรรคไปสู่ความเป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็ง เพื่อพาคนที่เคยยึดมั่นศรัทธากับประชาธิปัตย์ให้กลับมาเดินเคียงข้างกับเราต่อไปในอนาคต และทำให้ประชาชนเข้มแข็งต่อไป
พรรคต้องเปลี่ยนอย่างมีวุฒิภาวะ
นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า พรรคถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง แต่ต้องเปลี่ยนอย่างมีวุฒิภาวะ อะไรดีคงไว้ อะไรต้องเปลี่ยนก็เปลี่ยนเพื่อความทันสมัย บุคลากรจะเป็นคนรุ่นใหม่ ความคิดทันสมัยเข้ามาร่วมกับเรามากขึ้น นโยบายและระบบจัดการต้องทันสมัย ไม่ใช่ทันสมัยเฉพาะภาพลักษณ์ แต่ต้องทันสมัยในเนื้อหา จึงต้องมีทีมเศรษฐกิจทันสมัย เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ มือเศรษฐกิจ นักวิชาการรุ่นใหม่เข้ามาร่วมอุดมการณ์ มีคณะกรรมการกิจการเยาวชน ฟื้นยุวประชาธิปัตย์หลังหายไป 3 ทศวรรษ เพื่อเอาคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมทำงานกับพรรค บ่มเพาะอุดมการณ์ประชาธิปไตย เพื่อขับเคลื่อนพรรคสานต่องานให้ไปสู่ความสำเร็จในอนาคต และมีคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิเยาวชนของคนทุกกลุ่มและส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ LGBT ใน 2 สัปดาห์ข้างหน้าจะเปิดตัวบุคคลที่เป็น LGBT ให้มาร่วมทำงานกับพรรค และจะเคาะทีมคณะกรรมการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งอีกไม่นานจะทำแอปพลิเคชันใหม่ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในกรุงเทพฯและทุกภาค ที่ร้องเรียนผ่านแอปพลิเคชันได้
ยึด “พระเจ้าตากโมเดล” ลุยงาน ครม.
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่าถ้าเปรียบเหมือนกองทัพที่รุกไปข้างหน้ามี 3 ทัพ คือ 1.ทัพ ครม. 2.ทัพ ส.ส. และ 3.ทัพกรรมการบริหารพรรค รัฐมนตรีของพรรคมั่นใจว่าทำงานอย่างเป็นเอกภาพ วันนี้พรรคไม่มีทางเลือกอย่างอื่น ที่คิดถึงพระเจ้าตากโมเดล มีทางเดียวคือ เราต้องเดินไปข้างหน้า ไม่มีทางเลือกอื่น การที่ต้องตัดสินใจเลือกกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพราะพบความจริงว่าหลายปีที่ผ่านมาเรามีปัญหาเศรษฐกิจฐานรากเป็นจุดอ่อนของประเทศ เรามีศักยภาพพอจะเติมเต็มฐานรากนี้ มั่นใจว่าด้วยนโยบายประกันรายได้เกษตรกร ด้วยความรู้ประสบการณ์ของเรา จะเติมเต็มให้รัฐบาลแก้ปัญหาได้สำเร็จ และทุกเย็นวันจันทร์ตั้งใจว่าจะจัดประชุม ครม.ของพรรคเพื่อเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน
จัดทัพ ลต.ท้องถิ่นปลายปีห้ามลงอิสระ
นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า สำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่น 2 วันนี้จะให้นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคดูแล กทม.นัดประชุมอดีต ส.ส. ส.ก. ส.ข.และผู้สนใจมาร่วมแสดงความคิดเห็นเตรียมการเลือกตั้งท้องถิ่น คาดว่าจะเกิดขึ้นปลายปีนี้ การตัดสินใจส่งผู้สมัครในนามพรรคจะพิจารณาตามความเหมาะสมแต่ละพื้นที่ และพรรคตัดสินใจ ต้องปรับทิศทางการทำงานให้เป็นทีมเดียวกัน และผู้สมัครในนามพรรคต้องบริหารงานปกครองท้องถิ่น นอกจากจะรับผิดชอบต่อประชาชนแล้ว ต้องรับผิดชอบต่อพรรคด้วย และพรรคต้องรับผิดชอบผู้ลงสมัครท้องถิ่นด้วย ไม่ใช่เป็นอิสระหรือขาดจากพรรค เพราะสุดท้ายพรรคต้องรับผิดชอบการบริหารงานที่จะเกิดขึ้น หวังว่าภายใต้ความร่วมมือร่วมใจของทุกคน เราจะนำพาพรรคประชาธิปัตย์ไปสู่ความเป็นหนึ่งอีกครั้งในอนาคต
อียูยินดีปรับสัมพันธ์ไทยสู่ปกติ
สำหรับการประชุมวันสุดท้ายการประชุมผู้นำกลุ่มจี 20 ประจำปี 62 (G20 Osaka Summit) ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น โดยเมื่อเวลา 09.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง) วันที่ 29 มิ.ย. ที่ศูนย์ประชุมอินเท็กซ์ โอซากา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมเริ่มถึงผลการประชุมจี 20 เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ว่าบรรยากาศเป็นไปด้วยดี มีความสุข พูดจา กันด้วยมิตรไมตรี มีความคิดเห็นสอดคล้องกับมติประชุมอาเซียนซัมมิตในมุมมองประเทศกำลังพัฒนา และครั้งนี้มีสหภาพยุโรป (อียู) เข้าร่วมด้วย ซึ่งอียูยินดีปรับระดับความสัมพันธ์ประเทศไทยมาอยู่ในระดับปกติ เพราะเราเป็นประชาธิปไตยแล้ว และพูดคุยหามาตรการรองรับจากผลกระทบด้านเศรษฐกิจของโลกใบนี้ โดยคาดหวังจะผ่อนคลายมากขึ้นด้วยการแก้ปัญหาของประเทศมหาอำนาจ
ดันร่วมแก้ทะเลจีนใต้-โรฮีนจา
นายกฯกล่าวว่า ที่ประชุมจี 20 ยังให้ความสำคัญอาเซียน อย่างการแก้ปัญหาทะเลจีนใต้เห็นชอบให้แก้ปัญหาโดยสันติวิธีและรวดเร็วภายใน 3 ปี โดยกำหนดให้เดินเรือและเดินอากาศได้อย่างปลอดภัย ส่วนเรื่องโรฮีนจาไทยพยายามผลักดันเข้าไปช่วยแก้ปัญหาในเมียนมาได้ด้วยความสมัครใจของเมียนมาเอง โดยมีมติทำอย่างไรให้อาเซียนมีส่วนร่วมแก้ปัญหาในรัฐยะไข่ได้ รวบรวมความช่วยเหลือเข้าไปตรงกับความต้องการของทางเมียนมา และต้องพูดคุยกับบังกลาเทศขอความร่วมมือส่งกลับ คัดกรองให้เร็วขึ้น โดยเมียนมาเตรียมพร้อมเรื่องพื้นที่ ไทยส่งทีมงานเข้าไปช่วยดูแลเรื่องของที่อยู่ที่อาศัยและการสาธารณสุข ทยอยส่งกลับได้ตามลำดับ
ปิดฉากจี 20 จับมือสางปัญหา
ด้าน พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมจี 20 วันสุดท้าย นายกฯได้เข้าร่วมกิจกรรมคู่ขนานของผู้นำเกี่ยวกับการส่งเสริมศักยภาพสตรี และเข้าร่วมประชุมช่วงที่ 3 แก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมและสร้างโลกที่ทุกคนมีส่วนร่วมและยั่งยืน และประชุมช่วงที่ 4 การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สิ่งแวดล้อมและพลังงาน เน้นลดภาวะการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การเปลี่ยนผ่านพลังงาน ไปสู่ระบบที่เข้าถึงได้น่าเชื่อถือและยั่งยืน จากนั้นนายกฯร่วมพิธีปิดการประชุมและเดินทางกลับถึงไทยในเวลา 21.15 น. ตามเวลาประเทศไทย
“บิ๊กตู่” ขอพักผ่อนไม่ตอบ พปชร.ร้าว
เมื่อเวลา 20.45 น. พล.อ.ประยุทธ์และคณะ เดินทางกลับถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมจี 20 โดย พล.อ.ประยุทธ์เพียงแต่ยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า ที่ถามว่าหนักใจต่อปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ผู้สื่อข่าวพยายามถามว่า จะเปิดโอกาสให้กลุ่มสามมิตรเข้าพบ เพื่อหารือถึงปัญหาการจัดโผ ครม.หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตัดบทเพียงว่า “ขอพักผ่อนก่อน” จากนั้นจึงเดินไปขึ้นรถกลับไปทันที
ทหารสนิท “บิ๊กตู่” อู้ฟู่รวย 316 ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. สำนักงาน ป.ป.ช.ได้เปิดเผยบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง ในส่วนกรรมการรัฐวิสาหกิจต่างๆ 10 ราย ให้สาธารณชนทราบ ซึ่งต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินทุก 3 ปีที่อยู่ในตำแหน่ง มีบัญชีทรัพย์สินที่น่าสนใจคือ พล.ต.นิมิตต์ สุวรรณรัฐ ตำแหน่งกรรมการบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.และเป็นคนสนิทของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ที่มีข่าวจะยื่นใบลาออกจากรับราชการ มาทำงานการเมืองอย่างเต็มตัว แต่ยังไม่ได้ลาออก โดย พล.ต.นิมิตต์ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินกรณีดำรงตำแหน่งกรรมการ ปตท.สผ.ครบ 3 ปี เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2562 มีทรัพย์สิน 316,061,989 บาท เป็นทรัพย์สิน พล.ต.นิมิตต์ 40,144,091 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 11,573,445 บาท เงินลงทุน 12,870,645 บาท ยานพาหนะ 13,100,000 บาท จำนวน 5 คัน ในจำนวนนี้มีรถปอร์เช่ ราคา 7 ล้านบาท ที่ได้มาเมื่อเดือน ก.พ.2561 ส่วนคู่สมรสคือนางพจน์ศิรินทร์ สุวรรณรัฐ มีทรัพย์สิน 275,917,898 บาท เป็นเงินฝาก 32,366,288 บาท เงินลงทุน 132,211,609 บาท ที่ดิน 57.4 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 37 ล้านบาท ยานพาหนะ 2 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 14,940,000 บาท อาทิ พวกเครื่องประดับต่างๆ 29 รายการ มูลค่า 13 ล้านบาท