ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 34 ผ่านราบรื่น “ประยุทธ์” ปลุกดีเอ็นเอความเป็นอาเซียนจับมือให้เข้มแข็งเป็นนํ้าหนึ่ง ใจเดียว ก้าวไปข้างหน้า สู่ความยั่งยืนในทุกมิติ พร้อมขอแรงจากทุกชาติหนุนสมาคม ฟุตบอลแต่ละประเทศทำฝันให้เป็นจริงกับการเป็นเจ้าภาพร่วมจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2034 ก่อนผู้นำ 10 ปท.ร่วมเปิดตัวคลังเก็บสิ่งของช่วยเหลือทางไกลของอาเซียน ภายใต้โครงการจัดตั้งระบบโลจิสติกส์ เพื่อช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติฉุกเฉินในอาเซียน

การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ในฐานะประธานอาเซียน โดยมีผู้นำ 10 ประเทศ ประกอบด้วย บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย สปป.ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และไทยเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 มิ.ย.ที่ห้องคริสตัล 1-2 ฮอลล์ ชั้น 3 โรงแรม ดิ แอทธินี ถนนวิทยุ กทม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก รัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 โดยมีการขับร้องเพลง “ดิ อาเซียน เวย์” (The ASEAN Way) ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถ้อยแถลงเปิดงานโดยยกเนื้อเพลง ดิ อาเซียน เวย์ ที่ว่า “We dare to dream, we care to share.” เรากล้าฝัน เรายินดีแบ่งปัน เป็นการสะท้อนเส้นทางตลอด 5 ทศวรรษอาเซียน ได้เป็นอย่างดีว่า อาเซียนเป็นประชาคมที่เหนียวแน่นของ 10 ประเทศ ที่เป็นปึกแผ่น มีสันติภาพและมั่นคง มีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 6 ของโลก และมีความร่วมมือที่ครอบคลุมทุกสาขาเพื่อประชาชนอาเซียนทุกคนความร่วมมือที่ครอบคลุมทุกสาขาเพื่อประชาชนอาเซียนทุกคน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในฐานะประธานอาเซียนปีนี้ ไทยจะสานต่อข้อริเริ่มของประธานอาเซียนในปีที่ผ่านๆ ขับเคลื่อนเพื่อบรรลุความฝันที่วางไว้ รับมือความท้าทายและได้ประโยชน์จากอาเซียนใน 3 มิติสำคัญ คือ มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน รวมถึง มีภูมิคุ้มกันที่จะรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ดียิ่งขึ้น มั่นใจได้ว่า กรณีที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ คลังเก็บสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภัยพิบัติทางธรรมชาติในอาเซียนที่ จ.ชัยนาท จะพร้อมสนับสนุนสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทุกที่และทุกเมื่อได้อย่างทันท่วงที โดยประชาชนคือเจ้าของประชาคมอาเซียน ขอใช้โอกาสนี้เชิญชวนชาวอาเซียนทุกท่าน ปลุกดีเอ็นเอความเป็นอาเซียนในตัวร่วมแรงร่วมใจ จับมือกันให้เข้มแข็งและก้าวไปข้างหน้า ที่ยั่งยืนในทุกมิติโดยแท้จริง

...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นผู้นำทั้ง 10 ประเทศอาเซียนได้ร่วมกันเปิดตัวโครงการคลังเก็บสิ่งของช่วยเหลือทางไกลของอาเซียนและระบบโลจิสติกส์ เพื่อช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติฉุกเฉินของอาเซียน (DELSA) ภายใต้การกำกับของศูนย์ประสานงานอาเซียนในความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

ต่อมาเวลา 13.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงถึงผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 ว่า เป็นโอกาสดีที่ครอบครัวอาเซียนร่วมมือเพื่อก้าวไปข้างหน้า ภายใต้กรอบแนวคิด “ร่วมแรง ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” โดยผู้นำทุกการประชุมสนับสนุนเต็มที่ในการดำเนินการของไทย เพื่อสร้างความยั่งยืนให้อาเซียนในทุกมิติรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายต่างๆ สร้างภูมิภาคที่ยั่งยืนและปลอดภัยสำหรับประชาชนในทุกสถานการณ์ ทั้งจากการรับรองปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน เปิดตัวคลังเก็บสิ่งของช่วยเหลือทางไกลของอาเซียน ภายใต้โครงการจัดตั้งระบบโลจิสติกส์ฉุกเฉินสำหรับใช้ในกรณีเกิดภัยพิบัติของอาเซียน ที่เรียกกันว่าศูนย์เดลซ่า (DELSA) และยกระดับศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนเป็นองค์กรของอาเซียนอย่างเป็นทางการ ซึ่งทั้ง 2 แห่งตั้งอยู่ที่ประเทศไทย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า จากที่ผู้นำอาเซียนรับรองแถลงการณ์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยปีแห่งวัฒนธรรม อาเซียน 2562 มีการจัดกิจกรรมตลอดทั้งปี และจัดตั้งเครือข่ายสมาคมอาเซียนในประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งเป็นข้อริเริ่มของไทย นอกจากนี้ จากที่ประชุมเห็นพ้องกับไทยส่งเสริมบทบาทอาเซียนดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆในภูมิภาค จัดทำเอกสารมุมมองอาเซียนต่อแนวคิดอินโด-แปซิฟิก (ASEAN Outlook on the Indo-Pacific) ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานหลักการความไว้เนื้อเชื่อใจ การเคารพซึ่งกันและกัน ผลประโยชน์ร่วมกัน บนกฎเกณฑ์และหลักการที่บรรจุอยู่ในสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation) หรือแทค (TAC) พร้อมกันนี้ยังเห็นพ้องกับไทยที่จะผลักดันให้การเจรจาอาร์เซ็ป (RCEP) แล้วเสร็จในปีนี้ ซึ่งจะช่วยให้อาเซียน

รับมือกับความไม่แน่นอน โดยเฉพาะผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างคู่ค้าที่สำคัญของอาเซียน รวมถึงยินดีกับการสำนักเลขาธิการอาเซียน มีอาคารที่ทำการหลังใหม่ ตั้งอยู่ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย จะเปิดทำการอย่างเป็นทางการในวันครบรอบการก่อตั้งอาเซียนในวันที่ 8 ส.ค.นี้ ซึ่งจะช่วยให้อาเซียนทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงกรณีผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งหลายได้สนับสนุนให้อาเซียนร่วมมือกันเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก หรือฟีฟ่าเวิลด์คัพ ในปี 2034 ในโอกาสนี้ จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนอาเซียนทุกคนสนับสนุนสมาคมฟุตบอลในแต่ละประเทศสมาชิกเพื่อบรรลุฝันนี้ด้วยกัน ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของการแถลง นายกฯ ยังได้ขอบคุณผู้นำอาเซียนทุกคนที่สนับสนุนไทยในการเป็นประธานอาเซียน และเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 ขอบคุณทุกหน่วยงานและประชาชนไทยที่ให้ความร่วมมือร่วมเป็นเจ้าภาพ ทำให้การประชุมประสบความสำเร็จลุล่วงด้วยดี และในเดือน พ.ย.นี้ ไทยจะเป็นเจ้าภาพการ ประชุมสุดยอดอาเซียนอีกครั้ง

อีกด้านหนึ่ง ในช่วงสายวันเดียวกัน นางนราพร จันทร์โอชา ภริยานายกรัฐมนตรีประเทศไทย นำคณะคู่สมรสของผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนที่เข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 34 จาก 6 ประเทศ ได้แก่ คู่สมรสของผู้นำประเทศอินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์และเวียดนาม และผู้ติดตามคือคู่สมรสของรัฐมนตรีประเทศอาเซียน 4 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และคู่สมรสเอกอัครราชทูต 5 ประเทศคือ อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย สิงคโปร์และเวียดนาม เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี โดยมีนายกฤษศญพงษ์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร และพลเรือเอกชาติชาย ศรีวรขาน เสนาธิการทหารเรือ กองทัพเรือ ให้การต้อนรับ

จากนั้น เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรนำชมวีดิทัศน์ ความสำคัญของเรือพระที่นั่ง และเรือที่ใช้ในพระราช พิธี รวม 52 ลำ เพื่อให้ความรู้ถึงมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศไทยที่มีเอกลักษณ์ความงดงามหนึ่งเดียวในโลก อาทิ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช ฯลฯ ซึ่งคณะคู่สมรสของผู้นำอาเซียนและผู้ติดตามต่างให้ความสนใจประวัติความเป็นมาของเรือพระราชพิธีแต่ละลำ และประทับใจที่ได้เห็นความงดงามของเรือพระราชพิธี อีกทั้งยังชื่นชมการเห่เรือที่กองทัพเรือได้จัดกำลังพลฝีพายมาสาธิตการเห่เรือตามแบบโบราณราชประเพณี เสร็จแล้วนายกฤษศญพงษ์ได้มอบเรือพระที่นั่งพระสุพรรณหงส์จำลองทำจากคริสตัลเป็นของขวัญที่ระลึกด้วย