ไอลอว์ เตรียมนำเครือข่ายภาคประชาชน 35 องค์กร ยื่นรายชื่อเสนอให้ออกกฎหมายยกเลิกประกาศคำสั่งคสช.35 ฉบับต่อสำนักเลขาธิการรัฐสภา 5พรรค ฝ่ายค้านรับลูกช่วยดันต่อในสภาฯ เพื่อมุ่งสู่การแก้ รธน.ปี 60
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 มิ.ย.ที่ห้องประชุมประกอบ หุตะสิงห์ ชั้น 3 อาคารอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เครือข่ายภาคประชาชน 23 องค์กร นำโดยโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ ไอลอว์ จัดกิจกรรม “วาระแรกประชาชน ปักหมุด ปลดอาวุธ คสช.ภายใต้รัฐบาลใหม่” นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) กล่าวว่า เวลา 09.30 น. ทางกลุ่มจะนัดรวมตัวที่หน้ากระทรวงการคลัง ถ.พระราม 6 หลังจากนั้น จะเดินเท้าเพื่อนำเอกสารที่ประชาชนได้ลงชื่อจำนวน 13,409 รายชื่อ ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 133(3) ให้สิทธิประชาชน 10,000 คน เสนอกฎหมายได้ ไปยื่นที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ถ.ประดิพัทธ์ เพื่อเสนอ "ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกประกาศ คสช. และคำสั่งของ คสช. และคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย" รวม 35 ฉบับ โดยครอบคลุม 4 ประเด็น คือ เสรีภาพการแสดงออก เสรีภาพสื่อ สิทธิกระบวนการยุติธรรม รวมถึงสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อม

...
นายธีรเนตร ไชยสุวรรณ ตัวแทนสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ ระบุว่า ทางกลุ่มได้ร่วมลงชื่อปลดอาวุธ คสช. เนื่องจากคำสั่งส่งผลต่อสิทธิชุมชน ประชาชนถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว ถูก จนท.ทหารปิดกั้นและควบคุมตัวแกนนำไม่ให้เสนอข้อเรียกร้องต่อสังคม ภายหลังการเลือกตั้งกลุ่มคาดหวังว่าตัวแทนของพรรคการเมืองที่กลุ่มเลือกจะเข้าไปแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และการรวบรวมรายชื่อจะเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะยกเลิกคำสั่งของ คสช.ที่ส่งผลกระทบกับชาวบ้าน
นางสุนีย์ ไชยรส ตัวแทนจาก ขบวนผู้หญิงปฏิรูป ประเทศไทย we move กล่าวว่า คำสั่งจัดการฐานทรัพยากร เป็นคำสั่งที่ร้ายแรงมาก เช่น นโยบายทวงคืนผืนป่า เขตเศรษฐกิจพิเศษ การจัดการเหมืองแร่ ซึ่งแกนนำชาวบ้านส่วนหนึ่งที่เป็นผู้หญิง ได้ถูกละเมิดสิทธิมากกว่าผู้ชาย มีทั้งที่ถูกจับกุมดำเนินคดี ขับไล่ออกจากที่ดิน และถูกข่มขู่, ปิดกั้นการแสดงออก การเคลื่อนไหว

ด้านนางอรนุช ผลภิญโญ ตัวแทนเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน กล่าวถึงผลกระทบจากคำสั่ง คสช.ที่ 64/57 ที่ส่งผลให้ประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติกว่า 1ล้านครอบครัว ขาดที่ดินทำกิน รวมทั้งถูกข่มขู่คุกคาม และถูกจับกุมดำเนินคดี นโยบายการทวงคืนผืนป่า เพื่อนำไปให้นายทุนเช่า ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าเอื้อกลุ่มนายทุนโดยไม่เห็นหัวประชาชน
ต่อมาได้มีการเชิญตัวแทนพรรคการเมือง 5 พรรค ประกอบด้วย พรรคอนาคตใหม่ พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อชาติ ร่วมแถลงจุดยืนต่อร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศคำสั่งคสช. โดยพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง จากพรรคประชาชาติ กล่าวว่า รธน.เขียนไว้ให้หลังการเลือกตั้งประเทศจะต้องกลายเป็นระบอบประยุทธ์ แต่วันนี้เรามีช่องทางที่จะให้ประชาชน 1 หมื่นชื่อ ยื่นเสนอกฎหมายยกเลิกประกาศคำสั่งคสช.ที่ยังคงอยู่ พรรคการเมืองจะต้องใช้ความพยายามที่จะผลักดันในสภา ทั้งยังเชื่อว่าส.ส.ฝ่ายรัฐบาล เองก็มาจากประชาชน ถ้าประกาศคำสั่งเหล่านี้มีผลต่อประชาชน ก็จะต้องเข้าร่วม ทั้งยังต้องพยายามผลักดันให้ภาคประชาชนเข้ามาร่วมในคณะกรรมาธิการด้วย

ขณะที่ ดร.วิโชติ วัณโณ รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ชนชั้นใดออกกฏหมายย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ของตัวเอง กฏหมายที่ออกโดย คสช. ก็เป็นไปเพื่อคณะผู้ยึดอำนาจ ทุกคนจึงมีสิทธิ์ในการแก้ไขแล้วสร้างกฎหมายที่สอดคลองกับความต้องการ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เห็นว่าขณะนี้คนไทยตื่นแล้ว แต่ถ้ายื่นไปแล้วไม่ประสบความสำเร็จจะต้องยื่นใหม่ไปเรื่อยๆ นอกสภาเองก็มีความสำคัญ หากภาคประชาชนร่วมกันกดดันก็จะเกิดความเปลี่ยนแปลง ทั้งเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะแก้ไข รธน.ในอนาคต

ส่วน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ยืนยันเจตนารมณ์ของพรรคว่าเห็นพ้องกับภาคประชาชน กฎหมายใดที่เป็นผลของการสืบทอดอำนาจจะต้องยุติทั้งหมด แม้ปัจจุบันคำสั่งหรือประกาศ คสช.จะดูเหมือนยกเลิกไปแล้วบางฉบับ แต่ความจริงไปแอบอยู่ในพระราชบัญญัติรักษาความมั่นคงภายใน ให้อำนาจทหารเข้ามาดูแลเรื่องความมั่นคงทั้งหมด ทั้งที่หน้าที่แท้จริงเป็นหน้าที่ของฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจและพลเรือน ซึ่งอนาคตจะต้องแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ด้วย.