“ประยุทธ์” แถลงเปิดประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 34 เชื่อมั่นในพลังของอาเซียนที่เข้มแข็งและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จะก้าวผ่านทุกความท้าทาย พร้อมมุ่งวางรากฐานที่มั่นคงให้กับอนุชนรุ่นหลัง
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 มิถุนายน 2562 ณ ห้อง Crystal Hall โรงแรมดิ แอทธินี กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถ้อยแถลงพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 ว่า เมื่อ 52 ปีที่แล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศ 5 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลงนามในปฏิญญากรุงเทพฯ ที่พระราชวังสราญรมย์ ถือเป็นจุดกำเนิดของอาเซียน และเนื้อร้องจากเพลงดิอาเซียนเวย์ (The ASEAN Way) ในท่อน “We dare to dream, we care to share” เรากล้าฝัน เรายินดีแบ่งปัน สะท้อนเส้นทางตลอด 5 ทศวรรษของอาเซียนได้ดีที่สุด
อาเซียนพัฒนาจากสมาคมเล็กๆ ของ 5 ชาติสู่ประชาคมที่เหนียวแน่นของ 10 ประเทศ และด้วยความกล้าที่จะฝันจากรุ่นสู่รุ่น เราเติบโตเป็นประชาคมที่เป็นปึกแผ่น มีสันติภาพและมั่นคง มีกฎกติกา เป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 6 ของโลก และมีความร่วมมือที่ครอบคลุมทุกสาขาเพื่อประโยชน์ของประชาชนอาเซียนทุกคน ในวันที่เราประสบกับวิกฤติทางการเงินและเศรษฐกิจในเอเชีย อาเซียนคือพลังสำคัญที่จับมือกับมิตรประเทศฟันฝ่าอุปสรรคและสามารถฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว ในวันที่เราพบเจอกับภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว คลื่นยักษ์สึนามิ หรือพายุไซโคลน พวกเราชาวอาเซียนก็ไม่เคยทอดทิ้งกัน หากแต่จะยื่นมือช่วยเหลือกัน ด้วยจิตสำนึกของการเป็นประชาคมเดียวกัน วันนี้ ภูมิภาคของเรายังสงบสุข ปราศจากสงครามและการสู้รบ เพราะอาเซียนย้ำเตือนให้พวกเราเคารพในความแตกต่าง หลากหลาย และอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
...
“และในยุคนี้ ที่การแข่งขันทางการค้าและการเมืองระหว่างประเทศเข้มข้นขึ้น ปัญหาการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติเพิ่มสูงขึ้น เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดเปลี่ยนแปลงชีวิตมากขึ้น ปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำลายระบบนิเวศให้เสื่อมโทรม หากไม่มีอาเซียน เราจะรับมือกับความท้าทายเหล่านี้อย่างไร แต่ละประเทศโดยลำพังจะสามารถเผชิญหน้ากับความท้าทายทุกอย่างได้มากน้อยเพียงใด ผมเชื่อมั่นว่าพลังของอาเซียนที่เข้มแข็งและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันคือคำตอบที่จะช่วยให้พวกเราก้าวผ่านทุกความท้าทายในครั้งนี้ และสามารถวางรากฐานที่มั่นคงให้กับอนุชนรุ่นหลังได้”
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวด้วยว่า วันนี้ถึงเวลาของคนรุ่นนี้ที่จะร่วมขับเคลื่อนความฝันสู่การลงมือทำเพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งอาเซียน ที่จะสร้างภูมิภาคแห่งสันติสุขและความก้าวหน้าให้กับประชาชนอาเซียนทุกคน และวางรากฐานที่มั่นคงแข็งแรงให้คนรุ่นหน้าในอีกครึ่งศตวรรษหลังจากนี้ ประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยความร่วมมือร่วมใจจากทุกประเทศสมาชิกทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และที่สำคัญที่สุด เจ้าของประชาคมอาเซียน นั่นคือประชาชนทุกคน
“ผมขอใช้โอกาสนี้ เชิญชวนพวกเราชาวอาเซียนทุกท่าน ปลุกดีเอ็นเอความเป็นอาเซียนในตัว ร่วมแรงร่วมใจจับมือกันให้เข้มแข็งและก้าวไปข้างหน้า เพื่อวางรากฐานให้ประชาคมอาเซียนมุ่งไปสู่การเป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และมองไปสู่อนาคต โดยคำนึงถึงความยั่งยืนในทุกมิติโดยแท้จริง ยินดีต้อนรับสู่ประเทศไทยอีกครั้งครับ ขอบคุณครับ”.