เริ่มต้นก็เห็นร่องรอยรัฐบาลใหม่ว่าจะอยู่ได้ “ยาว-สั้น” เหตุภายนอกก็หนักแล้ว แต่ภายในก็วุ่นกันไปทุกพรรค “ลุงตู่” จะพารัฐนาวาไปได้แค่ไหน ฝ่ายค้านไม่ต้องออกแรงก็เห็นรอยปริแล้ว
ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้เลือดข้นกว่าน้ำฉันใด เหตุไฉน “พี่น้อง 3 ปี” จึงต้องกอดคอเดินหน้าร่วมรัฐบาลกันต่อไป
ไม่มีเหตุผลใดอื่นคือคำตอบ...
แม้ว่าจะมีเสียงแนะนำด้วยความหวังดีและเป็นห่วงเป็นใยว่าในจำนวน 3 พี่น้องนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านไปได้ในฐานะนายกฯ
แต่อีก 2 คนนั้นเกรงว่าจะเกิดปัญหาในด้านภาพลักษณ์
ก็อย่างที่บอกว่าตัดไม่ได้ ขายไม่ขาด ก็คอยดูกันต่อไป
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา จึงนั่งเก้าอี้ มท.1 ไปตามระเบียบ
“พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งแรกๆได้ข่าวว่าจะควบ 2 เก้าอี้คือรองนายกฯ และรัฐมนตรีกลาโหม
สุดท้ายเอาแค่รองนายกฯรับผิดชอบดูแลด้านความมั่นคงทั้งระบบ ก็ด้วยเหตุสำคัญ 2 ประการคือ สุขภาพไม่เอื้ออำนวย และหวั่นว่าจะเป็นเป้าถูกฝ่ายค้านยำเละ
ยิ่งไปกว่านั้นในแวดวงการเมืองต่างก็รู้กันดีว่า “บิ๊กป้อม” นั้น “บิ๊กเบิ้ม” แค่ไหนในแวดวงการเมืองเวลานี้
อย่างพรรคพลังประชารัฐนั้นแม้จะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคและพยายามทำตัวแบบ “ลับลวงพราง” ไร้ร่องรอย
ถามกันจริงๆว่าพรรคนี้ใครใหญ่สุด ใครเป็นหัวหน้าพรรคตัวจริง
คำตอบน่าจะตรงกันหมด!!
ดูได้จากแรงจูงใจที่ทำให้ตัวแทนพรรคการเมืองทุกพรรคไม่ว่าขนาดกลาง ขนาดเล็ก และบรรดาพรรคจิ๋วต่างๆล้วนพุ่งไปสู่จุดนั้นกันหมด
เพราะรู้ว่าควรเจรจากับใครจึงจะจบ
อย่างประชาธิปัตย์นั้นร่อแร่แค่ไหนจากปัญหาขัดแย้งในพรรค แต่การเข้าร่วมรัฐบาลถือว่าได้แบบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วยซํ้าไป
...
ฉากหน้ามีตัวแทนพรรคพลังประชารัฐทำหน้าที่เจรจาเปิดหน้ากันชัดเจน การต่อรองมีกระบวนท่าหลายรูปแบบดูไม่คอยจะคืบเท่าใด
แต่ฉากลับมีการเจรจาแอบมุดมุ้งเข้าค่ายทหารเพื่อพบกับผู้มีบารมีนอกพรรค เนื่องจากรู้ดีว่าใครใหญ่จริง
ได้ผลทันตาเพราะแทบไม่มีการต่อรอง อยากได้อะไรยกให้หมด
นั่นจึงกลายเป็นปัญหาขัดแย้งกันภายใน เนื่องจากกระทรวงเกรดเอกวาดไปเรียบเหลือเศษๆให้พลังประชารัฐ
เหตุผลสำคัญก็คือเกรงว่าจะตั้งรัฐบาลไม่ได้
ปฏิกิริยาจึงเกิดขึ้นถึงมีการกล่าวขานกันด้วยความไม่พอใจจากมุ้งในพลังประชารัฐที่ตัดพ้อต่อว่า “จากนี้ไปขอเป็นหน้าที่นักการเมือง” ที่จะเปิดฉากเจรจาเอง
อารมณ์ของคนในพรรคจึงกินใจกันมาตลอดและคงเยียวยาลำบาก
ทว่าความเคลื่อนไหวของคนในพรรคกลับถูกต่อว่าต่อขานว่าทำให้ยุ่งกินแหนงแคลงใจกันซํ้าเข้าไปอีก
แถมมีข่าวปล่อยออกมาว่า คนไหนไม่ควรให้เป็นเพราะภาพลักษณ์เก่าๆไม่ดี
อีกทั้ง “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ที่จะเข้ามาคุมเศรษฐกิจก็ไม่สบอารมณ์เพราะกระทรวงสำคัญที่จะเชื่อมต่อด้านเศรษฐกิจถูกพรรคอื่นฟาดไปเรียบ
หวั่นใจว่าจะเกิดปัญหาแก้เศรษฐกิจไม่ได้
สุดท้ายก็ต้องให้ “ลุงตู่” รับไปจัดการเพื่อช่วยเหลือ “พี่ใหญ่” ก็สยบไปชั่วคราวและขอตัดสินใจเองในการชี้ขาดเรื่องทั้งหมดทว่าเหนื่อยแน่ แม้แต่รายชื่อฝั่ง ครม.บางตำแหน่งยังเสนอชื่อถึง 2 คน
“กอบศักดิ์ ภูตระกูล” มือดียังตกเก้าอี้หน้าตาเฉย...นับประสาอะไร!!!
“ลิขิต จงสกุล”