จากเรื่องในสภาบานปลายเข้ามาสู่โซเชียล ทำเอาแฟนคลับของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี เขตโพธาราม จอมบึง พรรคพลังประชารัฐ ออกมาไลฟ์เฟซบุ๊กพาดพิงพรรคสีส้ม อ้างไม่เคยลงพื้นที่คลุกคลีชาวบ้าน ลั่น พร้อมสอน ส.ส.หญิงคนหนึ่งให้รู้จักมารยาทในสภาฯ ทำเอาแฟนคลับ "ช่อ" น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ออกมาดิ้นรับพร้อมกระหน่ำโจมตีในเฟซบุ๊กสวนกลับ
เริ่มต้นเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2562 น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ได้ไลฟ์เฟซบุ๊กซึ่งมีการตั้งค่าเป็นสาธารณะ โดยคลิปความยาวกว่า 4.30 นาที พร้อมบอกเล่าว่า ถูกกลุ่มของ “พรรคสีส้ม” เข้ามาด่าทอ พร้อมเผยว่าพรรคสีส้มดังกล่าว เวลาหาเสียงจะไม่ได้มาอยู่กับชาวบ้าน ตัวแทนในเขตเลือกตั้งไม่เคยไปงานหรือช่วยเหลือใคร แต่เลือกใช้การหาเสียงทางโซเชียลมีเดีย ทั้งนี้ น.ส.ปารีณา ยังได้พาดพึงถึงบุคคลที่คนจำนวนหนึ่งอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ให้ชาวโซเชียลเหล่านี้ติดตามข่าวสารด้วย เธอได้ฝากทิ้งท้ายถึง ส.ส.หญิงคนหนึ่งด้วยข้อความว่า “ฝากไปบอกอี_ ด้วยนะว่ามาเจอกันในไลฟ์สดหน่อยไหม เดี๋ยวจะสอนว่าเวลาประชุมสภาฯ เขาต้องทำกันยังไง จะได้รู้ระเบียบข้อบังคับในการประชุม รู้จักมารยาทนะคะ” ให้มาเจอกันในไลฟ์สด เกิดกระแสของขึ้นในโซเชียลจากคลิปนี้ รวมทั้งเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ขณะนี้
ต่อมาวันที่ 29 พ.ค. 2562 น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ ช่อ โฆษกพรรคอนาคตใหม่ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ ให้สัมภาษณ์กรณี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี เขตโพธาราม จอมบึง พรรคพลังประชารัฐ ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กพาดพิงโดยระบุชื่อ “ช่อ” และบอกว่า จะสอนให้รู้จักระเบียบข้อบังคับและมารยาทในการประชุมสภาฯ
...

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ไม่ตกใจหลังทราบเรื่องดังกล่าว แต่ไม่สามารถออกความเห็นได้ เพราะไม่ได้ฟังเอง มีแต่คนอื่นๆ มาเล่าให้ฟัง จะไปพูดพาดพิงทั้งที่ไม่ได้ดูและฟังเองคงจะเป็นเรื่องไม่เหมาะสม พร้อมระบุว่า “รุ่นใหญ่รุ่นเล็กคงไม่มีหรอกนะคะ เป็นผู้แทนราษฎรแล้ว เรามาจากเสียงของประชาชน มีสถานะเป็นเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเท่าเทียมกัน”
พร้อมยืนยันว่า การเป็น ส.ส.ในสภาฯ เพื่อทำหน้าที่ให้กับประชาชน ส.ส.ทุกคนต้องสามารถพูดคุยกันได้ และมองว่าผู้ที่มีเกียรติไม่ใช่ ส.ส. แต่คือประชาชน เราต้องพิทักษ์เกียรติของประชาชนที่เลือกเรามา ฝากถึงเพื่อน ส.ส.ทุกคนที่มาจากเสียงของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย ให้ช่วยกันทำหน้าที่ คิดถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
ในวันเดียวกัน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “อีช่อ” ไม่ได้ว่าหรือระบุเจาะจงไปที่ใคร แต่เป็นเพียงศัพท์ท้องถิ่นใช้ตำหนิคนไม่มีวินัย ใช้เรียกกันแถวบ้าน เป็นเหมือนคำที่เรียกกันเล่นๆ เป็นคำเปรียบ พร้อมยืนยันว่าตัวเธอเองไม่ได้พาดพิงโฆษกพรรคอนาคตใหม่ เพราะโดยส่วนตัวไม่สู้คน วิ่งหนีอย่างเดียว
เรื่องราวของอีช่อ กำลังจะจบลงไปสวยๆ ท้ายที่สุด วันที่ 5 มิ.ย. ในการประชุมสภา เพื่อโหวตนายกรัฐมนตรี แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ภาพนายเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยและ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และนางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ และ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พร้อมกับข้อความในอินสตาแกรม "porntip_nai" ว่า
“วันแรกในสภา รู้สึกได้อย่างหนึ่งว่านักกฎหมายเดินตามตัวบทหรือตัวหนังสือ ที่ต้องตีความอธิบายความ เนื้อหาอาจถูกตีความได้หลายอย่าง ขึ้นอยู่กับผู้ใช้กฎหมาย จะว่าอะไรถูกอะไรผิดแต่ละครั้งค่อนข้างใช้เวลา นึกย้อนมาถึงวิชาแพทย์เราถูกสอนว่าถ้าเห็นสัญญาณการเจ็บป่วยแม้เพียงเริ่มต้น แพทย์ต้องรีบรักษา ต้องหาทางป้องกัน ถ้ารอจนมีอาการชัดเจนครบถ้วนอาจรักษาไม่ทัน หรืออาจมีความเสียหายรุนแรง มองมาที่เสื้อผ้า ส.ส.บางคน เสื้อผ้าที่ใส่ใช่ชุดไว้ทุกข์หรือไม่ ธรรมเนียมของชุดไว้ทุกข์คือสีดำทั้งชุด การแต่งกายเช่นนี้ไม่ตรงธรรมเนียมปฏิบัติ หรือนี่ก็คือการตีความอย่างหนึ่ง #เก็บตกจากห้องประชุมรัฐสภา”

ซึ่งชุดที่นางสาวพรรณิการ์ใส่คือลุค ombré pantsuit จากแบรนด์ POEM ตัวเสื้อเป็นแจ็กเกตแบบกระดุมคู่ไล่สีออมเบร ขาว-ดำ มาคู่กับกางเกงขากระบอกสีดำเข้าเซต หรือ 'Charon' Black & White Ombre Double Breasted Le Smoking Jacket
ต่อมา นางสาวพรรณิการ์ กล่าวยืนยันว่า ชุดที่ตนเองใส่มาร่วมการประชุมรัฐสภาวันนี้เป็นสีขาว-ดำ และเป็นชุดที่เหมาะสมกับกาลเทศะ ไม่ใช่ชุดที่ไม่สุภาพ และเข้าใจว่าการแต่งกายถูกกาลเทศะเป็นเรื่องสำคัญ แต่แปลกใจว่าทำไมคุณหญิงพรทิพย์ ถึงเข้าใจว่าชุดนี้ไม่ใช่สีขาวดำ ที่ใส่ไว้ทุกข์ เพราะตนกับคุณหญิง เพิ่งเจอกันที่ห้องอาหารเมื่อตอนกลางวัน ก็เห็นอยู่ชัดเจนว่าชุดนี้เป็นสีขาวดำ แต่ทั้งนี้ ความเข้าใจผิดอาจเกิดขึ้นได้ เพราะสีในทีวีอาจจะเพี้ยน
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าชุดนี้เรียบร้อยเหมาะสมกับการเข้าประชุมเลือกนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ สาระสำคัญของวันนี้อยู่ที่การเลือกนายกรัฐมนตรีและการแสดงวิสัยทัศน์ เพราะประเทศไทยไม่มีนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตยมา 5 ปี ไม่ใช่จะดิสเครดิตกันจริง ควรจะดูเหตุผลที่เกิดขึ้นจริง
ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรกต่อ เพราะวันที่ 6 มิ.ย. 2562 น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กถึงการแต่งกายของ ส.ส.หญิง พร้อมอ้างระเบียบวาระการประชุมสภา พร้อมระบุข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ช่วยอ่านหน่อยนะ #อีช่อ ตามที่รัฐสภาได้ส่งหนังสือเพื่อเชิญมาประชุมรัฐสภา หนังสือได้ระบุชัดเจนว่า สุภาพสตรีใส่ชุดดำค่ะ ส่วนคุณหญิงพรทิพย์ วันนั้นท่านแต่งดำ และสุภาพสตรีทั้งสภาแต่งชุดสีดำ ยกเว้น #อีช่อ คุณหญิง จะทำผมสีอะไร ถือเป็นความชื่นชอบส่วนตัว และท่านทำผมลักษณะนี้มานานมากแล้ว และเป็นที่ยอมรับของสังคม ได้เป็นคุณหญิง ไม่ใช่ได้เป็น #อีช่อ
สุดท้ายฝากถึง #อีช่อ ด้วยว่า เวลาผู้ใหญ่เค้าตักเตือนอะไร หัด...ฟัง.. และให้ความเคารพผู้ใหญ่เค้าบ้าง มันดูไม่ดี สังคมเค้าไม่ชอบเด็กก้าวร้าว เด็กดื้อ หมายเหตุ.. ชุดที่ใส่สวยมากค่ะ ถ้าดิฉันได้ใส่ น่าจะสวยกว่าคุณหลายล้านเท่า เพราะดิฉันมีคอ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ดิฉันไม่ใส่มาประชุมสภาแน่นอน เพราะดิฉันไม่ใช่ #อีช่อ..
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ถาม น.ส.ปารีณา ว่า การโพสต์ข้อความดังกล่าว หมายถึงใคร ปารีณา ตอบว่า "ไม่แน่ใจ แต่มี ส.ส.ท่านหนึ่งใส่สีขาวมา สิ่งที่โพสต์ไปสื่อถึงคนที่เป็นอีช่อ ที่ยังทำตัวเป็นอีช่ออยู่ และเปิดประชุมครั้งนี้อีช่อหายไปเยอะเหลือแค่คนเดียว และบอกว่าเป็นการโพสต์เรื่อยเปื่อย รู้สึกอย่างไรก็โพสต์ โพสต์ทั้งวัน ส่วนเรื่องที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ก็เป็นสิทธิ แต่เชื่อว่าสังคมส่วนใหญ่เห็นอยู่แล้วตัดสินได้"
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวบอกว่า น.ส.พรรณิการ์ ไม่ได้พูดเรื่องสีผมของ คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ส.ว. เมื่อรับฟังจบ น.ส.ปารีณา พูดขึ้นด้วยเสียงค่อยว่า “อ๋อ หรอคะ” รวมถึงมองว่าเรื่องสีผมเป็นสิ่งที่ คุณหญิงพรทิพย์ ชื่นชอบเป็นการส่วนตัวและทำมานานแล้ว และสังคมยอมรับ ส่วนเรื่องที่ชาวเน็ตวิจารณ์เรื่องการใช้ “คะ ค่ะ” ไม่ค่อยถูกของ น.ส.ปารีณา เจ้าตัวบอกว่าตั้งใจโพสต์ ยืนยันว่าปกติใช้คำถูก และเฟซบุ๊กเป็นพื้นที่ของตนเอง นอกจากนี้ ยังยืนยันด้วยว่าภาพที่ถูกแชร์ต่อๆ กันนั้นตนเองไม่ได้หลับในการประชุมรัฐสภา

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ไปสัมภาษณ์ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ระบุกับเรื่องดังกล่าวว่า "ไม่เคยสนใจตั้งแต่แรกอย่างไร วันนี้ก็ไม่ให้ความสำคัญเช่นเดิม สำหรับการโพสต์ๆ ลบๆ สเตตัสบนเฟซบุ๊กของนักการเมืองท่านอื่นๆ เพราะทั้งหมดนั้นไม่ใช่ประเด็นที่จะหยิบยกขึ้นมาพูด ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมากับชีวิตเลย เอาเวลามาจับตาดูรัฐบาลดีกว่าว่าจะทำอะไรเพื่อประชาชนบ้าง เพราะในวันนี้เราเป็นฝ่ายค้าน บทบาทเราก็สำคัญมากในการขับเคลื่อนประเทศ"
พร้อมบอกด้วยว่า "มันเป็นเรื่องที่ไร้สาระมากๆ ไม่เคยคิดจะสนใจว่าเฟซบุ๊กของใครจะโพสต์อะไร เพราะจิตใจกำลังจดจ่ออยู่กับเรื่องงานมากกว่า ตอนนี้พรรคอนาคตใหม่ ถึงแม้จะเป็นฝ่ายค้านก็ต้องทำการบ้านและเตรียมตัวอย่างดีที่สุด การเดินทางในสายการเมืองของเราเพิ่งเริ่ม ครั้งนี้เราเป็นฝ่ายค้าน เลือกตั้งครั้งหน้าเราอาจจะเป็นฝ่ายรัฐบาล จึงไม่เคยรู้สึกท้อแท้หรือสิ้นหวัง เพราะจะทำทุกวันให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าการไปให้ความสำคัญกับเฟซบุ๊ก ว่าจะโพสต์ หรือลบอะไร ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญกับชีวิต ไม่เกิดประโยชน์กับใครเลย"
แทนที่เรื่องราวจะจบลงไปด้วยดี กลับมีเรื่องบานปลายเข้าไปอีก เมื่อเพจต่างๆ ตามโซเชียล ต่างไปขุดคุ้ยเรื่องราวในไทม์ไลน์เฟซบุ๊กของช่อ ออกมาตีแผ่ในโลกโซเชียล พร้อมกับระบุว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เสมือนกำลังจาบจ้วงเบื้องสูง เข้าข่าย ม.112 ซึ่งทางเฟซบุ๊กของ น.ส.ปารีณา ได้แชร์ข้อมูลทั้งหมดไปไว้หน้าเพจตัวเองหลายสเตตัส
ต่อมา วันที่ 9 มิ.ย. 2562 น.ส.พรรณิการ์ วานิช ได้โพสต์ ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก Pannika Chor Wanich ภายหลังถูกขุดภาพขณะสวมชุดครุย พร้อมระบุว่า เมื่อวานมีเพจเฟซบุ๊กหนึ่งนำภาพที่ถ่ายเล่นๆ กับเพื่อนในช่วงรับปริญญาที่จุฬาฯ เมื่อปี 2553 มาโจมตีอย่างรุนแรง โดยพยายามเชื่อมโยงกับเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์
ขออธิบายดังนี้ว่า ตอนนั้นเป็นยุคหลังรัฐประหาร 2549 และมีกระแสการกล่าวหาผู้คนว่าไม่จงรักภักดีเกิดขึ้นไปทั่วทั้งในโลกอินเทอร์เน็ต และในโลกแห่งความเป็นจริง ตัวเองกับเพื่อนๆ เติบโตมาในบรรยากาศความขัดแย้งทางการเมืองเช่นนี้ พวกเราในฐานะนักเรียนรัฐศาสตร์ ก็เฝ้าติดตามปรากฏการณ์เหล่านี้ด้วยความกังวลอย่างมาก บ่อยครั้งการนำเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้โจมตีทางการเมือง แบ่งฝักฝ่ายในหมู่ประชาชนให้เกลียดชังกัน หรือบานปลายไปถึงขั้นล่าแม่มดกัน ก็กลายเป็นความขื่นขันตลกร้าย
หลังรัฐประหาร 2549 เป็นเรื่องง่ายมากที่คนที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารจะถูกกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดี และเป็นเรื่องง่ายมากที่จะจัดการใครให้ติดคุกเพียงมีคนชี้หน้าเขาว่าไม่จงรักภักดี การสร้างความเกลียดชังแบบนี้ก่อให้เกิดคำถามมากมายในหัวของคนหนุ่มสาวจำนวนมากที่เติบโตมาในยุคหลังรัฐประหาร กระทั่งบางครั้งกลายเป็นสิ่งที่เรานำมาคุยล้อกันเพื่อสะท้อนความขื่นขันในโศกนาฏกรรมทางการเมืองของไทย
นี่คือ “ข้างหลังภาพ” ที่บอกว่า “ไม่ควรมีคำบรรยาย” เราจะบรรยายอย่างไรได้บ้างในยุคสมัยที่วันหนึ่งอาจมีคนมาชี้หน้ากล่าวหาว่าคุณมันไม่จงรักภักดี และดังนั้น คุณต้องติดคุกหรือออกจากประเทศนี้ไป ยอมรับว่าภาพการประชดล้อเลียนกระแสความเกลียดชังจากการล่าแม่มดของนิสิตนักศึกษาจำนวนมาก รวมถึงภาพนี้ดูไม่เหมาะสม และต้องขออภัยอย่างสูงต่อประชาชนที่เห็นภาพนี้แล้วเกิดความไม่สบายใจ แต่สิ่งที่อยากให้ทุกท่านตระหนักเช่นกัน คือ สังคมการเมืองไทยกำลังทำให้คนหนุ่มสาวในรอบสิบกว่าปีมานี้ เติบโตมาพร้อมคำถามมากมายกับการใช้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเครื่องมือทางการเมืองทำลายล้างกัน.
บรรดาแฟนคลับของทั้งสองฝ่ายได้ออกมาสาดโคลนด่าใส่กันในโลกโซเชียล จนกลายเป็นกระแสบานปลาย ภาพเก่าๆ ในเฟซบุ๊กของช่อ ถูกขุดคุ้ยกระจายส่งต่อเผยแพร่ซ้ำๆ พร้อมถูกวิจารณ์ว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ในขณะที่อีกฝ่ายออกมาโต้กลับโจมตี ปารีณา ระบุชัดเล่นการเมืองไม่สร้างสรรค์ เอาเรื่องสถาบันมาโยงหวังทำลายให้ช่อไม่มีที่ยืน กลายเป็นกระแสตีกลับไปที่ปารีณาอีกครั้ง
**เมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น บรรดานักการเมืองรุ่นพี่ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ได้ออกมาสอนมวยทั้งคู่ ว่าการทะเลาะกันเรื่องไร้สาระไม่เกิดประโยชน์ ควรโต้เถียงประเด็นที่ทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองดีขึ้น หรือในเนื้อหาของประชาธิปไตย ไม่ใช่เอาเรื่องส่วนตัวมาโจมตีกัน เพราะมันน่าอาย
