“สุดารัตน์” ยัน ไม่แยกตัวออกไปตั้งพรรคใหม่ ขอเป็นกองเชียร์ฝ่ายค้าน เตรียมปรับเพื่อไทยให้มีความทันสมัย จี้ ฝ่ายร่วมตั้งรัฐบาลรีบต่อรองให้จบจะได้ทำงานเพื่อประชาชน
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองของพรรคร่วมรัฐบาลที่ยังมีการต่อรองไม่จบ ว่า ได้ตามข่าวเห็นบางพรรคลงโซเชียลในทำนองว่าแลกกระทรวงไม่ได้ ซึ่งดูแล้วรัฐบาลที่มีจุดอ่อนเสียงปริ่มน้ำการทำงานก็จะยาก อีกทั้งมีพรรคร่วมรัฐบาลมากถึง 20 พรรค ซึ่งจะทำให้การทำงานร่วมกันลำบากมากไปอีก ขณะเดียวกัน พรรคขนาดใหญ่และกลางที่มาจับมือกัน นโยบายที่เป็นจุดยืนของแต่ละพรรคจะเอาอย่างไร รวมทั้งผลประโยชน์ ต่อรองกระทรวง จนไปถึงผลประโยชน์ต่างๆ ในอนาคตที่จะเกิดขึ้น ภาพเหล่านี้คนรุ่นใหม่อาจจะไม่เคยเห็น แต่นี่คือภาพการเมืองเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว สิ่งที่เกิดเป็นเพียงหนังตัวอย่าง และเมื่อทำงานจริงความยากลำบากจะมีให้เห็นมากขึ้นและคนที่จะเป็นทุกข์ก็คือประชาชน จึงอยากให้รีบต่อรองกันให้จบเพื่อจะได้มาทำงานให้ประชาชน
คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวถึง ความเหนียวแน่นของ 7 พรรคการเมือง ว่า ยังผนึกกำลังเหนียวแน่น และจะเดินหน้าทำงานตรวจสอบอย่างมีคุณภาพ เป็นฝ่ายค้านที่มีเหตุมีผล หากทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ ไม่มีทุจริต พวกเราก็พร้อมสนับสนุน ส่วนการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ ไม่ได้เป็นเพราะ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ บกพร่อง เพราะหลายปีได้ทุ่มเทมาตลอด แต่เพราะเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญระบุไว้ผู้นำฝ่ายค้านต้องเป็นหัวหน้าพรรคที่เป็น ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ พรรคจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงตามเงื่อนไขทางการเมือง ซึ่งในสัปดาหน้าจะประชุมเพื่อเลือกกันใหม่ ขณะเดียวกันเห็นว่าจากนี้ไปพรรคเพื่อไทยจะต้องทำการเมืองเพื่อให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น เพราะเห็นได้จากการเปิดรัฐสภาอภิปรายเลือกนายกรัฐมนตรี และประธานสภาผู้แทนราษฎร มีประชาชนให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นผ่านโซเชียลมีเดียมาก หากเปลี่ยนแล้วทำให้ทุกอย่างดีขึ้นก็ต้องทำ เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่อยู่ในใจประชาชนและประชาชนเข้าถึง
...
นอกจากนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวถึงบทบาทและการวางอนาคตทางการเมืองหลังจากการเลือกตั้งเสร็จสิ้นโดยย้ำว่า วันแรกที่ตัดสินใจกลับเข้ามาที่พรรคเพื่อไทยและทำงานการเมือง เพราะสถานการณ์ของพรรคในช่วงนั้นอยู่ในช่วงที่จะต้องมีผู้นำมาทำให้พรรคมีความเข้มแข็ง ถ้าเปรียบเหมือนบ้านก็เป็นบ้านที่ถูกระเบิดจนหลังคาบ้านพัง ทุกคนจึงต้องหันหลังกลับเข้ามาซ่อมแซมบ้านของตัวเองให้แข็งแกร่ง ซึ่งตนก็ทำเต็มที่ตั้งแต่วันแรกของการประกาศว่าจะมีการเลือกตั้ง จนถึงวันสุดท้ายที่มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีถือเป็นวันจบภารกิจ
พร้อมย้ำว่า แม้จะไม่ได้เป็นอะไรหรือมีตำแหน่งสำคัญทางการเมือง ก็พร้อมจะเป็นกองเชียร์และผู้สนับสนุนทำให้พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคที่เป็นที่พึ่งของประชาชนมากขึ้น ส่วนกระแสข่าวที่ว่าจะออกไปตั้งพรรคใหม่ ยืนยันว่าไม่เคยมีความคิดที่จะแยกตัวออกไปจากพรรคเพื่อไทยและจะยังอยู่กับพรรค เพราะตลอดชีวิตของการเป็นนักการเมืองหลาย 10 ปี อิ่มตัวกับการเมืองมากแล้ว ไม่เคยมีความคิดที่จะย้ายบ้าน และไม่ได้จะวางมือจากการเมืองอย่างที่เป็นข่าว.