มันยังมีอยู่จริงๆ หรือเป็นแค่คำโฆษณาชวนเชื่อโปรโมตตัวเองให้มีหน้ามีตาในสังคม สำหรับบรรดาทนายความหน้าจอแก้ว หน้าจอคอมพิวเตอร์ ที่สร้างกระแสป่าวประกาศว่าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนฟรีๆ ไม่คิดค่าใช้จ่ายแม้แต่สตางค์แดงเดียว แต่สำหรับ "นายเชาว์ มีขวด" ทนายความที่คร่ำหวอดอยู่ในการทำคดีสำคัญระดับประเทศ ได้บอกกับ "ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์" ว่า ตัวเขาเองไม่เคยป่าวประกาศว่าอาสาช่วยคนฟรี แต่ทุกคดีที่ชาวบ้านตาดำๆ ถูกรังแก เขาไม่เคยซักครั้งที่จะนิ่งนอนใจปรี่เข้าไปให้ความช่วยเหลือ
พ่อเป็นผู้ใหญ่บ้าน ญาติเป็นกำนัน พี่น้องเป็นทนายความ
"เชาว์ มีขวด" เติบโตในครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบดูแลทุกข์สุขประชาชน เป็นผู้นำชุมชน หมู่บ้าน ถิ่นฐานบ้านเกิดอยู่ที่ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช เรียนจบที่โรงเรียนมัธยมในอำเภอ ด้วยความตั้งใจอยากจะเป็นทนายมืออาชีพ จึงสมัครเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะนิติศาสตร์ กระทั่งเรียนจบมา สิ่งแรกที่คิดจะทำคือเปิดสำนักงานทนายความและตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชน
"เพราะว่าผมซึมซับการทำงานเพื่อคนอื่นจากพ่อ เราเห็นมาตั้งแต่เล็ก เวลามีคนเดือดร้อนเข้ามาขอความช่วยเหลือ เพราะพ่อเป็นผู้ใหญ่บ้าน ญาติๆ ผมก็ทำงานอยู่ในแวดวงปกครองดูแลทุกข์สุขลูกบ้าน การตัดสินใจเข้าเรียนเพื่อที่จะเป็นทนายความจึงเสมือนเป้าหมายหลักในชีวิต เพราะผมเชื่อว่า คนเดือดร้อนที่ไม่ได้รับความชัดเจนจากกระบวนการยุติธรรม และเข้าใจเรื่องกฎหมายในประเทศไทยยังมีไม่มาก จึงกลายเป็นช่องว่างถูกเอารัดเอาเปรียบเกิดความเสียหาย สร้างปัญหาเดือดร้อนให้คนเหล่านี้"

...

ประธานสมาคมคนรักห้วยขวาง ศูนย์ช่วยเหลือทางกฎหมายผู้เดือดร้อน
เขาเปิดตึกแถว 1 คูหา 4 ชั้น ตั้งอยู่ภายในซอยประชาราษฎร์บําเพ็ญ 24 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง ใช้เป็นที่ทำการช่วยเหลือคนในพื้นที่ห้วยขวาง ดำเนินการมาแล้ว 10 กว่าปี มีคดีสำคัญที่ช่วยเหลือแบบไม่คิดค่าใช้จ่ายสักบาทเดียวมากเกิน 300 คดี
"ครับ แต่การช่วยเหลือในที่นี้ ต้องมีข้อแม้ว่า บุคคลผู้นั้นต้องถูกกระทำกลั่นแกล้งและไม่ได้รับความเป็นธรรมจริงๆ โดยเฉพาะจากหน่วยงานราชการ รัฐบาล ฯลฯ ที่สำคัญต้องไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะต่อสู้คดีได้เอง ซึ่งก่อนทำการช่วยเหลือทุกครั้งผมจะมีทีมทนายความทำการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน ว่าคดีนั้นๆ ต้องเสียหายและไม่ได้รับความเป็นธรรมจริง เอกสารข้อมูลของคดี และข้อเท็จจริงทุกอย่างเราต้องรู้เห็นอย่างชัดเจน จึงจะดำเนินการช่วย ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนในพื้นที่ห้วยขวาง จะพากันมาขอความช่วยเหลือบ่อย รวมไปถึงที่บ้านเกิดผมเองในอำเภอร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช"
ส่วนคดีความส่วนใหญ่ที่ได้ช่วยเหลือชาวบ้าน มีตั้งแต่คดีฆ่า ฉ้อโกง ถูกใส่ร้ายกลั่นแกล้ง ครั้งหนึ่งเคยมีกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ถูกระเบิดจนพิการ และได้รับเงินค่าชดเชย 4 ล้านบาท แต่ด้วยข้อกำหนดต่างๆ ทำให้เค้าไม่สามารถเบิกเงินส่วนนั้นมาใช้จ่ายได้ ทางทีมทนายความจึงเป็นส่วนหนึ่งเข้าไปดำเนินการจนเขาได้รับเงิน 4 ล้าน ไปประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัว
ไม่คิดฉวยโอกาสจากคนเดือดร้อน
"จริงๆ ผมก็มีงานประจำคือการรับว่าความทั่วไป ก็ได้ค่าจ้างปกติ คนที่เค้ามีกำลังทรัพย์เค้าก็มาจ้างเรา นอกจากนี้ยังเป็นที่ปรึกษาบริษัทด้านกฎหมาย เงินค่าจ้างที่ได้ทั้งหมด ส่วนหนึ่งผมก็แบ่งมาไว้สำหรับช่วยเหลือเป็นค่าใช้จ่ายของคดีชาวบ้านที่เค้าไม่มีเงินจะต่อสู้คดี บางเคสต้องบินไปบินกลับ เสียเงินครั้งละ 5 - 6 หมื่นบาท ซึ่งล้วนแล้วเป็นเงินที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงการทำงานอาชีพทนายความของผมเอง ไม่เคยเรียกเก็บกับชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนสักบาทเดียว ตรงจุดนี้ตรวจสอบได้"


เหตุนี้เองการช่วยเหลือคนแต่ละเคส จึงจำเป็นต้องดูเคสที่เดือดร้อน และต้องการรับความช่วยเหลือจากทางสำนักงานเป็นอันดับแรกๆ เพราะต้องการใช้เงินทุกบาทให้เป็นประโยชน์คืนสู่ประชาชนมากที่สุด จึงไม่สามารถรับคดีความต่างๆ ที่ร้องขอความช่วยเหลือเข้ามาทำได้ทั้งหมด
"หากเรามีกำลังมากกว่านี้ การช่วยเหลือก็จะกระจายเพิ่มขึ้น แต่เอาจริงๆอยากจะทำทุกอย่างตามกำลังและให้สุดความสามารถมากกว่าที่จะรับมาเยอะๆ แล้วแก้ปัญหาให้เค้าไม่ได้ เมื่อรับมาแล้วอยากจะทำให้สำเร็จลุล่วง และดีที่สุด"
ไม่เคยประกาศออกสื่อ หรือหน้าจอทีวีว่ารับช่วยเหลือว่าความฟรี
"ที่ผ่านมารู้จักกันแค่เฉพาะคนในพื้นที่ เค้ารู้ว่าเรารอให้ความช่วยเหลือก็จะพากันเข้ามาปรึกษาเองที่สำนักงาน ผมไม่เคยไปประกาศออกทีวี หรือประโคมข่าวว่าการช่วยเหลือว่าความไม่คิดเงินเพราะเป็นทนายอาสา แต่ชาวบ้านจะรู้กันเองโดยเฉพาะคนในเขตห้วยขวาง และคนที่ จ.นครศรีธรรมราช กำลังมีแค่ไหนเราช่วยเท่าที่ทำได้ หากประกาศออกไปแล้วคนพากันเข้ามาเยอะเกรงว่ากำลังการช่วยเหลือของเราจะไม่เพียงพอต่อการรองรับ"
แต่หากพี่น้องประชาชนพื้นที่ใดก็ตาม ที่มีปัญหาเดือดร้อนจริงๆ ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครก็สามารถนำเรื่องมาปรึกษากับเราได้ ทางทีมทนายความยินดีให้คำแนะนำและพร้อมช่วยเหลือทุกเคสที่เห็นสมควรว่าต้องดำเนินการเร่งด่วน ซึ่งหากมีความล่าช้าก็ต้องขออภัยแต่แน่นอนว่าไม่เคยคิดจะละเลยดำเนินการจนเสร็จสิ้น
ทนายความ โซเชียลจ๋า ให้ข้อมูลผิดถูก ประชาชนสับสนข้อกฎหมาย
"อย่างที่เห็นกันตามโลกโซเชียล หรือ หน้าจอทีวี ปัจจุบันมีทนายความเยอะมาก หลายคนออกมาให้ข้อมูลทางกฎหมายค่อนข้างสับสน ประชาชนที่เค้าไม่ได้ทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งก็พากันเชื่อไปตามความคิดในแบบที่คิดกันเอง จนท้ายที่สุดแทนที่จะทำผิดกฎหมายกลายเป็นเหยื่อทำผิดกฎหมายซะเอง ตรงนี้จึงถือเป็นข้อควรระมัดระวังอย่างยิ่งในการให้ข้อมูล หรือเป็นไปได้ควรให้ผู้ที่มีความเชียวชาญทางด้านกฎหมายจริงๆเค้าออกมาให้ข้อมูลเองดีกว่า เพราะเหตุการณ์เหล่านี้ล้วนแล้วสร้างผลกระทบให้ประชาชนจำนวนมาก"


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า "ที่ผ่านมาทนายหน้าจอหลายรายก็เคยประกาศตัวว่า รับว่าความฟรีไม่คิดค่าใช้จ่าย แต่ท้ายที่สุดก็ถูกร้องเรียนกันมาว่า ไม่ได้ทำอย่างที่พูด เพราะหลายรายล้วนแล้วเรียกค่าดำเนินการทั้งสิ้น ตรงจุดนี้เรามีความแตกต่างจากทนายเหล่านั้นอย่างไร"
"ผมไม่เคยไปป่าวประกาศว่ารับทำคดีฟรี หรืออาสาทำคดีโดยไม่คิดมูลค่า แต่ที่ผ่านมามีคนในพื้นที่อย่างบอกไปข้างต้นเข้ามาร้องขอความช่วยเหลือ ซึ่งคนเหล่านั้นที่ลำบากและได้รับความเดือดร้อนจริงๆ สามารถตรวจสอบได้ทุกเคสว่าเค้าไม่เคยต้องจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว เช่นกันกับทุกๆ คนที่เดือดร้อนต้องการจะขอความช่วยเหลือจากเราในอนาคต เมื่อเราตรวจสอบแล้วว่า คุณเป็นเหยื่อ เป็นผู้เสียหายจริง และไม่มีศักยภาพพอที่จะดำเนินการเองได้ เราก็พร้อมให้ความช่วยเหลือเหมือนทุกๆ เคสที่ผ่านมา"
**สำหรับ นายเชาว์ มีขวด นอกจากจะเป็นทนายอาสารับใช้ประชาชนแล้ว เค้ายังมีตำแหน่งเป็นถึงรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์ ในการลงเลือกตั้งเมื่อครั้งที่ผ่านมาอีกด้วย
